ตอนที่ 125-3 ใช้เหยื่อล่อ รอคอยให้มันมาติดกับ

จำนนรักชายาตัวร้าย

ภายในคุกใต้ดิน เดี๋ยวก็มีเสียงร้องไห้ อีกเดี๋ยวก็มีเสียงตบตีทำร้ายตัวเอง ทำเอาคนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก

 

 

“ฮูหยินคงจะไม่ได้เป็นบ้าไปแล้วใช่ไหม?”

 

 

“ถุย! คนที่ฆ่าได้แม้กระทั่งลูกสาวของตัวเอง ยังนับว่าเป็นคนอยู่อีกหรือ! นายท่านสั่งการเอาไว้ นางไม่ใช่ฮูหยินอีกต่อไป!”

 

 

“เจ้าพูดก็ถูก! คุณหนูใหญ่เป็นคนดี นางยังลงมือฆ่าได้! หากข้าเป็นนายท่านละก็ ข้าจะฆ่านางเสียเลย”

 

 

เสียงสนทนาของคนทั้งสองดังแว่วเข้ามา ซย่าจื่ออวี้น้ำตาไหลอาบแก้ม

 

 

ในตอนนี้ นางไม่รู้สึกเสียใจสักนิดที่ฆ่าหนานกงจื่อหลิง และไม่เสียใจที่ตนเองแท้งลูกในครรภ์ไป

 

 

นางและหนานกงอ๋าวคือศัตรูที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง ลูกสองคนนี้จึงไม่ควรเกิดมาบนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ พวกเขาเป็นเวรกรรม!

 

 

ตายไปเสียได้…ก็ดีแล้ว

 

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซย่าจื่ออวี้จึงอดไม่ได้ที่จะต้องนึกถึงหนานกงเช่อ

 

 

ลูกชายที่ในอดีตนางเคยรักเคยทะนุถนอมมากที่สุด รักจนกระทั่งว่าเพื่อหนานกงเช่อแล้วนางยินยอมให้สองมือของตนเองเปื้อนเลือด ทำลายชีวิคนผู้อื่น แต่ในตอนนี้เห็นทีว่าหนานกงเช่อเป็นคนประเภทเดียวกันกับหนานอ๋าวทุกประการ!

 

 

ทั้งสองคนชั่วช้าสามานย์เหมือนกันๆไม่มีผิด สมกับที่เป็นพ่อลูกกันจริงๆ!

 

 

นางมันโง่ จนถูกพวกเขาสองคนหลอกลวงปั่นหัวอยู่ได้ตั้งนาน พวกเขาสมควรตาย!

 

 

วินาทีนั้นเอง ที่ในหัวใจของซย่าจื่ออวี้อัดแน่นไปด้วยความแค้น

 

 

นางจึงคลานไปด้านหน้า เอื้อมมือพิกลพิการของตนเองหยิบเอาหมั่นโถวที่ทั้งแข็งทั้งเย็นมาใส่ปาก

 

 

นางต้องกิน นางต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป เช่นนี้แล้วถึงจะมีโอกาสฆ่าหนานกงอ๋าว แก้แค้นให้กับครอบครัวกว่าร้อยชีวิต!

 

 

มีเพียงแต่มีชีวิตอยู่ต่อไปเท่านั้น…ถึงจะมีโอกาสได้พบหน้าหลานชาย มีโอกาสได้ขอโทษเขา

 

 

ซย่าจื่ออวี้ไม่ได้คาดหวังให้หลานชายให้อภัยให้อภัยแก่นาง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรนางก็ต้องบอกเล่าเรื่องรางทั้งหมดให้เขาได้รู้

 

 

หลานชายที่น่าสงสารเกิดมาก็ต้องขาดแม่ อีกทั้งนางที่เป็นน้ายังคิดร้ายหมายเอาชีวิตของเขาด้วยวิธีการต่างๆนานา เขามีชีวิตอยู่ด้วยความยากลำบาก! นางผิดต่อเด็กคนนี้! นางจะต้องขอโทษให้จงได้!

 

 

ส่วนหนานกงอ๋าวยังคงไม่รู้ซย่าจื่ออวี้จดจำเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมดได้แล้ว

 

 

ในตอนนี้เขากำลังวางแผนให้รัดกุม เพื่อรอคอยให้เจ้าปีศาจน้อยและเมียของมันมาติดกับ

 

 

ตี้อูหวนก็ยังพำนักอยู่ที่จวนสกุลหนานกง

 

 

คนชั้นต่ำสังหารตี้อู่เฉินและตี้อู่หงเย่ แค้นนี้ต้องชำระ! เขาจะคอยดูซิว่าคนชั้นต่ำที่เกิดและเติบโตมาบนแผ่นดินหลัวอวี่จะเก่งกาจสักเพียงไหนกัน!

 

 

สำหรับร่างของหนานกงจื่อหลิง หนานกงเช่อได้ย้ายร่างของนางไปไว้ที่เตียงน้ำแข็งของสกุลหนานกง

 

 

อีกทั้งหนานกงเช่อก็ได้ไหว้วานให้โยวเอ๋อร์เย็บและทำความสะอาดบาดแผลที่ทรวงอกและศีรษะ รวมทั้งทำความสะอาดร่างกายเช็ดคราบเลือด ผลัดเปลี่ยนชุดสะอาดให้กับนานกงจื่อหลิงอีกด้วย

 

 

ร่างของหนานกงจื่อหลิงที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงน้ำแข็งนั้น หากไม่ตั้งใจมองให้ละเอียดละก็คงจะคิดว่านางเพียงแค่นอนหลับไปเท่านั้น

 

 

“หลิงเอ๋อร์ รอให้พี่ฆ่าเจ้าปีศาจน้อยเสียก่อน แล้วพี่จะมาเยี่ยมเจ้านะ!”

 

 

หนานกงเช่อกระซิบที่ข้างหูของหนานกงจื่อหลิงแผ่วเบา

 

 

หนานกงเช่อยังเตรียมมุกคงกระพันใส่ไว้ในปากของหนานกงจื่อหลิง เพื่อคงสภาพร่างของนางเอาไว้ ไม่ให้เน่าเปื่อย ไม่ไม่ร่วงโรย

 

 

เขาไม่เชื่อคำพูดของตี้อู่หยวน!

 

 

ชาวเผ่าตันวิชาแพทย์สูงส่ง จะต้องมีวิธีช่วยชีวิตของหนานกงจื่อหลิงกลับมาได้เป็นแน่!

 

 

ตันขวาช่วยไม่ได้ เขาก็จะไปหาชาวตันซ้ายให้มาช่วย!

 

 

คณะของซย่าโหวฉิงเทียนทั้งหกคนควบม้ากว่าครึ่งเดือน จนในที่สุดก็มาถึงยังหลิงหยวน

 

 

หลิงหยวนคือบึงน้ำลึก ผืนน้ำสีเขียวชอุ่ม จนมองไม่เห็นก้นบึ้ง

 

 

สถานที่เช่นนี้ที่หลัวอวี่มีอยู่ห้าที่ ซึ่งหลิงหยวนที่คณะของซย่าโหวฉิงเทียนมาถึงนี้ เป็นหลิงหยวนที่อยู่ใกล้เมืองหลวงของต้าโจวมากที่สุด

 

 

หลิงหยวนคือทางเชื่อมระหว่างหลัวอวี่และต้าโจวที่รวดเร็วที่สุด

 

 

แม้ว่าเมืองอู๋โยวจะตั้งอยู่บนเขตแดนของแผ่นดินหลัวอวี่ แต่ก็มิอาจไปถึงอู๋โยวโดยใช้เส้นทางน้ำปกติได้

 

 

ตามตำนานเล่าว่า ระหว่างอู๋โยวและหลัวอวี่ถูกขั้นเอาไว้ด้วยภูเขาสูงชัน ทะเลทรายที่ยาวเหยียดนับพันลี้ บึงน้ำที่น่าหวาดกลัว รวมทั้งป่าลึกที่รกชัด…

 

 

มีผู้คนมากมายต้องการไปที่อู๋โยว แต่ก็มักจะไปแล้วไม่ได้กลับมา

 

 

จนกระทั่งหยวนหลิงถูกเปิดเผยขึ้น

 

 

จากเหตุการณ์ที่มีจอมยุทธ์จากเมืองอู๋โยวถูกตามฆ่า จนสุดท้ายจอมยุทธ์ผู้นั้นก็หลบหนีมาจนถึงที่หลิงหยวน สุดท้ายกระโดดลงไปแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย ความลับของหลิงหยวนจึงถูกเปิดเผยขึ้น

 

 

“จากที่นี่สามารถไปถึงเมืองอู๋โยว?”

 

 

อวี้เฟยเยียนมองดูบึงน้ำเบื้องหน้า รู้สึกไม่ค่อยอยากที่จะเชื่อสักเท่าไหร่นัก ดูจากที่ผู้คนบรรยายเอาไว้ สถานที่ตั้งอยู่ของเมืองอู๋โยวน่าจะอยู่ห่างจากแผ่นดินหลัวอวี่อยู่มาก

 

 

ทว่าเรากลับสามารถเดินทางจากแผ่นดินหลัวอวี่ไปถึงเมืองอู๋โยวได้โดยผ่านบึงน้ำแห่งนี้ น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก! มันและดูคล้ายกับอุโมงค์ทะลุมิติ! ที่แสนจะลึกลับ!

 

 

“ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถไปถึงเมืองอู๋โยวได้!”

 

 

เหลียนจิ่นที่อยู่ด้านข้างอธิบาย

 

 

“ผู้ที่มีระดับขั้นของวรยุทธ์ที่ต่ำต้อย เมื่อถูกดูดเข้าสู่วังน้ำวนของบึงน้ำแห่งนี้แล้ว จะต้องตายอย่างน่าอนาถ มิเช่นนั้นใครๆก็ไปที่เมืองอู๋โยวได้นะสิ!”

 

 

ได้ยินเหลียนจิ่นพูดเช่นนี้ อวี้เฟยเยียนจึงรู้สึกเป็นห่วงเหลียนจิ่นขึ้นมาในทันที

 

 

“เจ้าไม่มีวรยุทธ์ แล้วจะไปที่เมืองอู๋โยวได้อย่างไร?”

 

 

ในที่สุดเขาก็ได้รับความเป็นห่วงเป็นใยจากอวี้เฟยเยียนเสียที ดวงตาของหลินจิ่นพร่างพราวเสน่ห์ แววตาของเขาภายใต้ขนตาที่ยาวเป็นแพรนั้นกำลังสั่นระริก

 

 

“เสี่ยวโม่สำเร็จขั้นถึงจอมปราชญ์อาวุโสแล้ว! เขาสามารถพาข้าไปด้วยได้! ข้าและเขาสองคนมัดติดกันเอาไว้ เขาจะสามารถช่วยป้องกันภยันตรายให้กับข้าได้!”

 

 

“ใช่!”

 

 

เหลียนจิ่นเอ่ยถึงตนเองเข้า โม่ซางจึงรีบเชิดหน้าขึ้นหลังตรงทันที แม้สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉยเย็นชา ทว่ากลับแสดงความมุ่งมั่นแน่วแน่ออกมาอย่างชัดเจน

 

 

เขาจะต้องคุ้มครองให้เหลียนจิ่นปลอดภัย เขาจะไม่ยอมให้เหลียนจิ่นได้รับอันตรายใดๆ!

 

 

“เช่นนั้นข้าก็วางใจแล้ว…”

 

 

อวี้เฟยเยียนกล่าวจบก็ถูกซย่าโหวฉิงเทียนลากออกไป

 

 

ตั้งแต่ที่เจ้าไม้เท้าเทพบ้านั่นบอกว่าจะติดตามพวกเขาไปที่เมืองอู๋โยวด้วยนั้น ในใจของซย่าโหวฉิงเทียนก็เริ่มหวาดระแวง

 

 

เหลียนจิ่นล้มเลิกความคิดที่จะแย่งแมวน้อยกับเขาแล้วมิใช่หรือ?

 

 

แล้วตอนนี้ยังมาตามก้นพวกเขาราวกับแมลงวันตอมขี้อยู่อีกทำไมกัน?

 

 

น่ารำคาญใจที่สุด!

 

 

แม้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะเป็นสามีภรยากับอวี้เฟยเยียนโดยสมบูรณ์แล้ว แต่เขาก็ยังอดที่จะหึงหวงไม่ได้

 

 

ส่วนเชียนเย่เสวี่ยที่ยืนฟังอยู่ด้านข้างเมื่อได้ยินว่า ผู้ที่มีวรยุทธ์ต่ำต้อยจะไม่สามารถผ่านหลิงหยวนไปได้ จึงได้รีบจับมือของตี้อู่เฮ่ออี้เอาไว้แน่น

 

 

“เจ้าทึ่ม ข้าจะปกป้องเจ้าเอง!”

 

 

ทั้งสองคนแสดงความรักต่อกันชนิดหวานหยาดเยิ้มหยดย้อย จนทำให้คนรอบข้างต้องอิจฉา

 

 

คราวนี้ท่าทางเจ๊ใหญ่เป็นผู้นำของเชียนเย่เสวี่ย กลับทำให้ตี้อู่เฮ่ออี้แลดูเป็นเจ้านกน้อยไปในทันที

 

 

“ข้าเป็นชาวอู๋โยว จึงสามารถผ่านหลิงหยวนไปได้อยู่แล้ว!”

 

 

มองดูเชียนเย่เสวี่ยเห็นเรื่องความปลอดภัยของเขามาเป็นอันดับหนึ่ง ตี้อู่เฮ่ออี้ก็รู้สึกดียิ่งนัก

 

 

และมันทำให้เขายิ่งไม่รู้สึกว่าการหาเมียที่เป็นหญิงแกร่งจะไม่ดีตรงไหน เพราะแท้ที่จริงแล้วผู้ชายก็ต้องการ การห่วงใยดูแลเอาใจใส่ ถูกต้องไหม!

 

 

ได้ยินตี้อู่เฮ่ออี้กล่าวเช่นนี้ เชียนเย่เสวี่ยถึงได้วางใจ

 

 

“เช่นนั้นเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไรกัน?” เชียนเย่เสวี่ยเอ่ยถาม

 

 

“อู๋โยวมีหลิงหยวนอยู่ตั้งห้าบ่อ กระโดดลงไปสักที่ก็สิ้นเรื่อง!”

 

 

ว่าตี้อู่เฮ่ออี้ก็สาธยายทุกอย่างให้กับเชียนเย่เสวี่ยได้ฟังอย่างใจเย็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ตนเองหาหลิงหยวนที่อยู่ใกล้ตันซ้ายมากที่สุดได้อย่างไร รวมทั้งมาถึงที่ฉินจื้อได้อย่างไร

 

 

“ความหายนะก็คือ เมื่อพวกเรากระโดดลงไป จะไม่สามารถบอกได้ว่าจะไปโผล่ที่ไหนอย่างนั้นหรือ?”

 

 

“ใช่นะสิ!” ตี้อู่เฮ่ออี้พยักหน้า

 

 

“ตี้อู่หงเย่ไปโผล่ที่ฉินจื้อ ตี้อู่เฉินไปโผล่ที่เสวี่ยกว๋อ ก็นั่นเพราะว่าหลิงหยวนที่พวกเขากระโดดลงไปในตอนแรกนั้นแตกต่างกันอย่างไรเล่า!”

 

 

กล่าวจบ ตี้อู่เฮ่ออี้ก็ปัดมือไปมาเบาๆ

 

 

“แย่แล้ว เมื่อครู่ข้ายังบอกว่าจะพาเจ้าไปที่ตันซ้ายจนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย!”

 

 

ในตอนนั้นเอง ตี้อู่เฮ่ออี้ถึงเพิ่งจะคิดขึ้นมาได้ว่า พวกเขาทั้งหกคนกระโดดลงไปก็ไม่แน่ว่าจะได้ไปโผล่ที่เดียวกัน

 

 

“น้องสาว นี่คือสัญลักษณ์ประจำตันขวา!”

 

 

ตี้อู่เฮ่ออี้หยิบกล่องป๋องแป๋งที่ทำจากทองแดงอันหนึ่งส่งให้กับอวี้เฟยเยียน

 

 

“เจ้าจะต้องไปที่ตันซ้ายให้ได้นะ! อย่าลืมละ!”

 

 

“ค่ะ!”

 

 

อวี้เฟยเยียนรับเอากลองป๋องแป๋งน้อยนั่นมาเก็บไว้ด้วยความระมัดระวัง

 

 

“ซ่าซ่า เมื่อพวกเราไปถึงอู๋โยวแล้วจะติดต่อหากันอย่างไร?”

 

 

เชียนเย่เสวี่ยรู้ดีว่าคำถามที่นางกล่าวถามขึ้นเป็นปัญหาโลกแตกที่อยากจะตอบได้ แต่นางก็ไม่อยากที่จะแยกจากอวี้เฟยเยียนจริงนี่นา

 

 

“เรื่องนี้ก็ง่ายนิดเดียว! เมื่อไปถึงแล้ว พวกเจ้าก็คอยสืบข่าวว่าที่ไหนมีเรื่องราวใหญ่โตอะไรเกิดขึ้นบ้าง ถึงตอนนั้นก็จะรู้เองว่าข้าอยู่ที่ไหน!”

 

 

อวี้เฟยเยียนกล่าวพร้อมกับยิ้มจนตาหยี

 

 

การเดินทางไปอู๋โยวในครั้งนี้ อวี้เฟยเยียนตั้งใจที่จะไป ‘เยี่ยมเยือนคารวะ’ สกุลหนานกงเสียหน่อย

 

 

หลายปีที่ผ่านมา พวกเขาดูแลซย่าโหวฉิงเทียนอย่างอบอุ่น แน่นอนว่านางจึงจะต้องไป ‘ขอบคุณ’ พวกเขาให้มากๆสักครั้ง!

 

 

“สมแล้วที่เป็นซ่าซ่า!” เชียนเย่เสวี่ยโอบกอดอวี้เฟยเยียนเอาไว้

 

 

“ฮ่าๆ! ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน!”

 

 

“เห็นทีข้าเองก็จะต้องก่อเรื่องใหญ่สักสองสามเรื่องเสียแล้ว พวกเจ้าจะได้ตามหาข้าเจอโดยเร็ว!”

 

 

“ความคิดนี้ไม่เลว!”

 

 

สำหรับตี้อู่เฮ่ออี้แล้ว คำพูดของเชียนเย่เสวี่ยก็คือราชโองการ

 

 

นางต้องการจะทำการใหญ่ แน่นอนว่าเขาที่เป็นคนข้างกายจะต้องขานรับอย่างเต็มที่อยู่แล้ว เพราะเรื่องเช่นนี้จะขาดการวางแผนหรือวางยาพิษไปไม่ได้เลย

 

 

“เสี่ยวโม่ เจ้าเห็นหรือยัง นี่แหละที่เขาเรียกทาสเมีย!”

 

 

เหลียนจิ่นกำลังสอนสั่งโม่ซางอยู่ข้างๆ

 

 

“ต่อไปเจ้าจะกลายเป็นทาสเมียหรือไม่?”

 

 

“ไม่!” โม่ซางตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

 

“ผู้หญิงน่ารำคาญจะตายไป เขาขอแค่ได้อยู่ข้างกายเหลียนจิ่นก็เพียงพอแล้ว!”

 

 

“ซ่าซ่า พวกเขาสองคนคงจะไม่ได้ชอบพอกันใช่ไหม!”

 

 

เชียนเย่เสวี่ยกระซิบที่ข้างหูอวี้เฟยเยียน ทั้งยังเอ่ยต่ออีกว่า

 

 

“ข้าว่าเจ้าหน้าน้ำแข็งนั่นน่าจะเป็นฝ่ายรุก เสี่ยวเหลียนจิ่นเป็นฝ่ายรับนะ!”

 

 

ชายสองคนที่มีลักษณะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนหนึ่งดำคนหนึ่งขาว แต่ตัวติดกันราวตังเมไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด มันก็อดไม่ได้ที่จะทำให้คนคิดเตลิดไปไกล

 

 

“เจ้าแน่ใจหรือว่าเหลียนจิ่นไม่ได้กลายร่างเป็นฝ่ายรุก แล้วโม่ซางเป็นนางพญาผู้เย็นชาฝ่ายรับนะ?”

 

 

อวี้เฟยเยียนกระซิบ

 

 

แม้ว่านางจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่โมซ่างก็ยังได้ยินอยู่ดี

 

 

เขาตวัดสายตาเย็นชามองมา เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เชียนเย่เสวี่ยเงยหน้าขึ้นมองเขาพอดิบพอดี

 

 

“โอ้โห วันนี้อากาศดีทีเดียว! เหมาะแก่การออกมาท่องเที่ยวให้สบายใจ!”

 

 

“รุก?” โม่ซางยังคงไม่เข้าใจ

 

 

“รับ? อะไรคือรุก? อะไรคือรับ?”

 

 

“บอกมา!” โม่ซางมายืนกดดันอยู่ข้างกายเชียนเย่เสวี่ย รอคอยคำอธิบายจากนาง

 

 

“แหะๆ ข้าเพียงแต่เอ่ยไปเล่นๆเท่านั้นเอง จริงๆนะ!” เชียนเย่เสวี่ยหวาดกลัวคนจริงเช่นนี้ที่สุด

 

 

“ไม่มีอะไรหรอกน่า เจ้าคิดมากไปเอง จริงๆนะ!”

 

 

โม่ซางยังคงไม่เข้าใจ แต่เหลียนจิ่นนั้นสามารถทายออกได้บางส่วนแล้วว่าพวกนางกำลังซุบซิบกันถึงเรื่องอะไร

 

 

เหอะ…

 

 

ลักษณะนิสัยของนางในตอนนี้คล้ายคลึงกับนิสัยแต่เก่าก่อนของ’นาง’มากทีเดียว ร่าเริงแจ่มใส ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี!

 

 

ก็ไม่รู้ว่าช่วงเวลาที่มีความสุขเช่นนี้จะคงอยู่ไปอีกนานเท่าไหร่!

 

 

เขาหวังให้นางไร้ซึ่งทุกข์โศกใดๆเช่นนี้ตลอดไป ถึงแม้จะเอาเขาและโม่ซางมาล้อเล่นกันก็ตามที

 

 

“เยี่ยนอ๋อง อย่านำพาโม่ซางของเราไปในทางที่ผิดละ! เขาไร้เดียงสายิ่งนัก!” ว่าแล้วเหลียนจิ่นก็เรียกโม่ซางเอาไว้

 

 

“พวกนางล้อเจ้าเล่นกับนะ!”

 

 

“โอ้!”

 

 

 โม่ซางกลับไปยืนที่ข้างกายเหลียนจิ่นดังเดิม