ตอนที่ 1021 - ชิงจือยี่กลับ

The Divine Nine Dragon Cauldron

ทั้งโลกเงียบกริบเมื่อทุกคนรอฟังคำตอบจากลู่จือยี่
  บอกได้เช่นกันว่าทุกคนเข้าใจทางเลือกของนางและพวกเขาก็เพียงแค่ให้เวลานางเตรียมใจ
  ทั้งจิวโจวรู้ว่านางยอมรับกู้ไทซูมากเท่าใดการยอมจำนนต่อเฉียนเฟิงเพื่อให้กู้ไทซูได้ตำราหยางนั้นเป็นสิ่งที่ลู่จือยี่จะต้องเลือกอย่างแน่นอน
  “พวกเมฆาม่วงเอ๋ยพวกเจ้าน่าจะเกลี้ยกล่อมนางดูหน่อยนะ เพื่ออนาคตของกู้ไทซูและชีวิตของพวกเจ้า นางควรจะรีบทำใจซะ ความอดทนข้ามีจำกัด”
  เฉียนเฟิงพูดขณะที่หันไปมองไม่กี่คนจากตำหนักเมฆาม่วงเขามองด้วยสายตาที่เหมือนกับใต้หล้าอยู่ที่ใต้ฝ่าเท้า
  คนตำหนักเมฆาม่วงเหลือบมองกันและไม่พูดอะไรพวกเขาปวดใจเมื่อคิดว่าตนเองจะต้องอ้อนวอนให้ศิษย์พี่ผู้งดงามของตนเป็นผู้เคราะห์ร้าย แต่ถ้าพวกเขาไม่ทำ พวกเขาก็จะต้องตาย พวกเขารู้ดีว่าต้องทำอย่างไร
  พวกเขาเพียงแค่กังวลว่าถ้าหากกู้ไทซูรู้เรื่องเข้าเขาอาจจะมาระเบิดความโกรธใส่พวกเขาแทน นั่นทำให้ยากที่พวกเขาจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา
  แต่ความเงียบของคนตำหนักเมฆาม่วงเองก็เป็นแรงกดดันหนึ่งที่แฝงมาเช่นกันการที่พวกเขาไม่สนับสนุนลู่จือยี่เลยก็เทียบเท่ากับการทิ้งนางให้โดดเดี่ยวแต่เพียงลำพัง
  ในที่สุดหลังจากเงียบอยู่นาน ใบหน้าปวดร้าวของลู่จือยี่อ่อนลง นางจ้องมองเฉียนเฟิงเงียบ ๆ นางตัดสินใจแล้ว และมีเพียงสิ่งเดียวที่นางจะทำ
  “ข้าขอปฏิเสธ!”
  เฉียนเฟิงขยับปากแทบจะไม่ได้เมื่อคำพูดอันเย็นยะเยือกดังขึ้น  คำตอบอันไม่คาดคิดของนางทำให้คนตำหนักเมฆาม่วงกระสับกระส่ายจือยี่ที่พูดว่ามีความภักดีอย่างไม่หวั่นไหวต่อกู้ไทซูได้ตัดสินใจแล้ว
  ผ่านไปนานกว่าเฉียนเฟิงจะหยุดยิ้มใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาอีกครั้ง
  “นี่น่ะรึความศรัทธาของเจ้าต่อกู้ไทซู?ข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนดีกว่านี้เสียอีก!”
  ลู่จือยี่ตอบอย่างเยือกเย็น
  “ข้าไม่จำเป็นต้องสละความบริสุทธิ์เพื่อช่วยให้พี่ไทซูประสบความสำเร็จข้ายอมสละชีวิตตัวเองจะดีกว่า”
  คำพูดของนางหนักแน่นจนหลายคนใจสั่น
  เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตัวเลือกให้สูญเสียความบริสุทธิ์นางเลือกที่จะต่อต้าน นางเต็มใจตายเพื่อกู้ไทซูหากเพื่อรักษาความผุดผ่องเอาไว้
  แม้แต่ศัตรูเองก็พบว่าลู่จือยี่ผู้งดงามนี้ช่างมีเกียรติ
  ฟึ่บ!
  ลู่จือยี่หยิบยันต์ออกมาหนึ่งแผ่นมีเงาสีม่วงเข้มแปลกประหลาดส่องสะท้อนออกมา สีหน้าตึงเครียดของบรรดาคนตำหนักเมฆาม่วงกลับกลายเป็นดีใจ
  “ยันต์กายาวิญญาณของศิษย์พี่กู้!”
  “ศิษย์พี่กู้รักศิษย์น้องลู่จริงๆ ด้วย! เขาทำยันต์ให้แม้จะต้องแลกกับกายาวิญญาณที่เสื่อมถอย!”
  ลู่จือยี่บีบมันด้วยสองดัชนียันต์ขาดสะบั้น พลังสวรรค์สีม่วงเจิดจรัสทั่วนภา ท้องฟ้ามีแต่สีม่วง พลังวิญญาณของเหล่าสิ่งมีชีวิตหยุดเคลื่อนไหว รวมถึงเฉียนเฟิง พลังวิญญาณนั้นถูกแช่เป็นน้ำแข็งอยู่ในร่าง เขาใช้พลังไม่ได้เลย
  “ไม่นะ!นี่มันพลังวิเศษของกายาวิญญาณกู้ไทซู ค่ายกลเก้าวิญญาณ!”
  เฉียนเฟิงหน้าซีดเขาไม่คิดว่ากู้ไทซูจะยอมเสียความบริสุทธิ์ของกายาวิญญาณเพื่อสร้างยันต์ขึ้นมาให้ลู่จือยี่ใช้
  นอกจากปี้หลิงเทียนก็ไม่มีคนหนุ่มสาวในยุคสมัยนี้หน้าไหนที่สามารถสวนกลับยันต์ใบนี้ได้นอกจากจะเป็นอสูรเนรมิตร!แสงสีม่วงเหล่านี้ใช้ปิดผนึกพลังชีวิต แต่มิได้ส่งผลต่อพลังอสูรเนรมิตร
  เหล่าผู้ทรงพลังในดินแดนมีดสวรรค์ทุกคนเคยได้ยินอำนาจของค่ายกลเก้าวิญญาณมาก่อนพวกเขาไม่เคยดูถูกพลังนี้เลย
  พวกเขารีบบินร่อนลงพื้นด้วยพลังชีวิตน้อยนิดที่ยังใช้ได้เพื่อที่จะไม่ตกลงมาตายเมื่อสูญเสียพลังในการบิน
  คนตำหนักเมฆาม่วงตอบสนองได้เร็วกว่าแต่ละคนทุบสมบัติทรงกลมแตกละเอียด แสงหยดขาวเปล่งประกายล้อมรอบตัว แสงหยกขาวเหล่านี้ปกป้องพวกเขาจากพลังแสงสีม่วงและทำให้พวกเขาใช้พลังได้ต่อเล็กน้อย ต่อให้ไม่มากพอที่จะกำจัดศัตรู มันก็เกินพอที่จะทำให้หนีพ้น  “พวกเจ้าหนีไปซะ!”
  ลู่จือยี่พูดโดยไม่หันกลับไปมองนางยังคงถือยันต์ในมือ
  คนตำหนักเมฆาม่วงดีใจมากที่กำลังจะรอดชีวิตแต่ต่อมาพวกเขาก็ผงะ
  “แล้วศิษย์พี่ลู่เล่า?”
  “ข้าไปไม่ได้พวกเจ้าไปก่อน”
  ลู่จือยี่ตอบ
  พวกเขาหนักใจยันต์ต้องใช้พลังชีวิตอัดลงไป ต้องมีหนึ่งคนถูกทิ้งเอาไว้
  ฟึ่บ!
  นางพลิกแขนตำราลอยเหนือฝ่ามือ ตำรานี้เปล่งแสงอันตระการตา
  “นำตำรานี้ไปกับพวกเจ้าบอกพี่ไทซูว่าจือยี่ขออภัย”
  ลู่จือยี่ขว้างตำราหยางออกไป
  คนตำหนักเมฆาม่วงราวกับถูกดึงความรู้สึกอันลึกซึ้งลู่จือยี่เลือกทิ้งตัวเองไว้เบื้องหลัง นางศรัทธาในตัวกู้ไทซูจนไม่คิดปล่อยชีวิตให้หายตายเปล่า หากทุกคนหนีไปพร้อมตำราหยางได้เมื่อใด นางจะจบชีวิตตนเองทันที
  ที่พวกเขาไม่เข้าใจคือคำพูดสั่งเสียของลู่จือยี่ลู่จือยี่เคยทำให้กู้ไทซูผิดหวังครั้งใดกัน?
  แต่เวลามิรอคอยผู้ใดพลังจากยันต์มิอาจอยู่ได้นาน
  ชายหนุ่มคางแหลมพยักหน้าพลางคว้าตำราหยางเขาหันไปมองแผ่นหลังลู่จือยี่
  “ข้าจะบอกคำพูดสุดท้ายให้”
  แต่เวลานั้นเองน้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไป เขาแสยะยิ้มเยอะที่มุมปาก
  “แต่มันยังไม่ถึงเวลา!”
  ปั้ง!
  ชายหนุ่มคางแหลมทำสิ่งที่เกินกว่าทุกคนจะคาดคิดเขาซัดฝ่ามือไปที่กลางแผ่นหลังลู่จือยี่ ความเจ็บปวดเหลือคณาทะลวงสู่ลำตัว อวัยวะภายในของนางฉีกขาดสาหัส  ลู่จือยี่เพ่งสมาธิเต็มที่อยู่กับศัตรูไม่มีโอกาสให้นางได้หลบการโจมตีที่ไม่คาดคิดจากด้านหลัง
  ความเจ็บปวดดั่งถูกแส้หนามฟาดส่งร่างนางโบยบินดั่งผีเสื้อโลหิตสาดกระจายย้อมนภาครามเป็นนภาชาด
  “เฉาลี่!เจ้าหักหลังเรา!!”
  คนตำหนักเมฆาม่วงตะโกนด้วยความแค้น
  ไม่ใช่ความลับที่ดินแดนมีดสวรรค์จัดการส่งศิษย์สำนักตัวเองมายังดินแดนพรสวรรค์เช่นเดียวกับที่ดินแดนพรสวรรค์ทำกับศิษย์ที่แข็งแกร่งของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มิอาจเชื่อได้ว่าศิษย์อันดับสามแห่งตำหนักเมฆาม่วงจะเป็นคนทรยศที่ฝังรากหยั่งลึกปิดปังเบื้องหลังแท้จริง
  พวกเขาเข้าใจในทันทีว่าเหตุใดข่าวเรื่องตำราหยินหยางถึงถูกเผยออกไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้อีกทั้งยังสาเหตุที่พวกเขาคลาดกลิ่นอายพลังของคนจากดินแดนมีดสวรรค์ หนอนบ่อนไส้ผู้นี้เป็นคนจัดแจงทุกอย่างอยู่ตลอดเวลา!
  ลู่จือยี่บาดเจ็บปางตายเส้นสายพลังขาดสะบั้นมิอาจเรียกใช้พลังได้ ยันต์สูญเสียการเชื่อมต่อกับพลังและหม่นแสงลงทันที
  แสงสีม่วงไร้ขอบเขตบนท้องนภาดับหายชาวดินแดนมีดสวรรค์ที่มิอาจใช้พลังเรียกพลังกลับคืนมาในอัตราเร็วสูง
  “ทิ้งข้าไว้!พวกเจ้าทุกคนหนีไป!”
  ลู่จือยี่รู้ว่าเวลาของนางหมดแล้วนางตะโกนขณะที่กระเด็นไปอีกฟากฝั่ง
  คนตำหนักเมฆาม่วงต้องกัดฟันหนีก่อนที่คนมีดสวรรค์จะฟื้นพลังเต็มที่
  “ไปหาศิษย์พี่กู้เร็วมีแค่เขาเท่านั้นที่จะช่วยศิษย์น้องลู่ได้!”
  แต่พวกเขาก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันจะสายหากรอให้กู้ไทซูมาถึงต่อให้ลู่จือยี่ไม่ตาย นางก็คงจะถูกเฉียนเฟิงพรากความผุดผ่องไปแล้ว
  แต่สตรีไร้จุดบกพร่องมิเคยประพฤติทั้งยังรักความบริสุทธิ์ยิ่งกว่าชีวิต คนอย่างนางคงจะเลือกดับลมหายใจตัวเองก่อนที่ศัตรูจะได้แตะต้อง
  ฟึ่บ!
  ร่างมนุษย์คนหนึ่งแล่นผ่านขอบนภาโดดเดี่ยวพร้อมหายไปอย่างไร้ร่องรอย
  เมื่อพลังสีม่วงบนนภาสลายหมดสิ้นคนมีดสวรรค์ฟื้นคืนการเคลื่อนไหว ส่วนคนตำหนักเมฆาม่วงหนีไปแล้ว
  เฉาลี่แตะคางแหลมและยื่นตำราหยางให้เฉียนเฟิงพร้อมหัวเราะเยาะ
  เฉียนเฟิงใช้พลังรับตำราหยางเอาไว้
  “ดีมาก!”
  เขาชมเชย
  “โชคดีที่ยังมีเจ้า!กลับดินแดนมีดสวรรค์แล้วข้าจะขอรางวัลให้เจ้าอย่างงาม!”
  เฉาลี่กล่าว
  “เป็นเกียรติของข้าที่ได้รับใช้จ้าวดินแดนศิษย์พี่ ข้าเพียงอยากขอกำลังคนไปตามล่าคนพวกนั้น พวกมันที่รู้ตัวตนข้าจะมีชีวิตรอดไปไม่ได้!”
  “ไม่ต้องหรอกจ้าวดินแดนเรียกรวมพลสายลับหลังกลับแดนมณี เจ้าต้องกลับมารายงานภารกิจไม่ช้าก็เร็ว”
  เฉียนเฟิงมองตำราหยางในมือ
  จากนั้นเขาจึงหันไปมองลู่จือยี่ที่บาดเจ็บหนักนางกองอยู่กับพื้น เขาตาลุกวาว
  “ทุกอย่างที่ข้าต้องการอยู่ในมือข้าแล้วจะเป็นไรถ้ามีพวกพิกลพิการหนีไปได้บ้าง?”
  เฉาลี่เหลือบมองลู่จือยี่ด้วยความเวทนาทั้งตัวนางจมกองเลือดและกำลังจะสลบ คนที่งดงามเช่นนี้กำลังจะถูกบดขยี้
  “หึหึศิษย์พี่เฉียน นางคนนี้เด็ดเดี่ยวโดยนิสัยใจคอ หากนางตื่นคงคิดฆ่าตัวตาย โอกาสผ่านไปแล้วย่อมจากไปนิรันดร์ หากหวังลิ้มรสนาง นี่ก็ถึงเวลาแล้ว”
  เฉาลี่พูดด้วยรอยยิ้ม  เหล่าคนดินแดนมีดสวรรค์ยิ้มรับรู้
  นอกจากพลังแล้วสิ่งเดียวที่เฉียนเฟิงปรารถนาก็คืออย่างเดียว…นั่นคือสตรี! มีเพียงสตรีที่โดดเด่นมีชื่อเสียงเท่านั้นที่ต้องตาเขา
  ลู่จือยี่คือสตรีอันดับหนึ่งแห่งดินแดนพรีสวรรค์นางยังแข็งแกร่งและงดงามจนล้ำค่า เฉียนเฟิงเก็บความปรารถนามานานยิ่ง
  เฉียนเฟิงแบกร่างลู่จือยี่พาไปยังหุบเขาบนพื้นหิวเขียวราบแบนหุบเขานี้ไร้ผู้คน
  เขาเอนกายลู่จือยี่ลงบนพื้นแต่ตอนที่เขาเพิ่งได้ชื่นชมความงาม สัมผัสถึงอันตรายก็เกิดขึ้นมา
  “พลังมิติ!”
  เฉียนเฟิงชักสีหน้าเขารีบถอยไม่คิดชีวิต พอถอยกลับก็มีลูกแก้วครามอำพันหล่นมาจากฟ้าแล้วบดขยี้หินเขียวบนพื้นจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ novel-lucky
  เฉียนเฟิงเหงื่อแตกพลั่กด้วยความสะพรึงกลัวลูกแก้วนั้นผ่านไหล่เขาไปอย่างฉิวเฉียดแต่ก็เกิดแรงอัดกระแทกอย่างรุนแรง เขาคิดว่ากำลังจะได้เจอกับเซียนเมื่อคิดทีแรก
  “ใครน่ะ?”
  เขาทั้งตัวแข็งทื่อและหวาดกลัวเขาไม่พอใจมากเช่นกันเพราะมีคนมาทำลายแผนการราคะของเขา!
  เขาเงยมองฟ้าคนผมขาวหน้ากากเงินลอยอยู่เหนือศีรษะ เขาแบกร่างลู่จือยี่ด้วยมือขวาและเรียกลูกแก้วกลับด้วยมือซ้ายราวกับว่ามันเป็นขนนก
  ซือหยูก้มลงมองเฉียนเฟิงเขาจ้องแหวนมิติที่ปลายดัชนีอีกฝ่ายด้วยความสนใจ
  ซือหยูได้ยินการพูดคุยทั้งหมดมาแล้ว
  ม่อจือเต๋าคือนภาจรัสแห่งยุคสมัยในหลายพันปีก่อนเขาคือคนแรกและคนเดียวที่เดินทางในวิถีเทพจนบ่มเพาะฎีกาสวรรค์ถึงขั้นสูงสุด เขาคือผู้มอบมรดกของตนเองแก่ซือหยูหรือไม่ก็กู้ไทซูในทางใดทางหนึ่ง การเดินทางของเขามีความหมายอย่างลึกล้ำหากต้องมาศึกษา
  น่าเสียดายที่เฉียนเฟิงหลบมุกบาดาลของซือหยูได้แม้จะไม่ทันระวังเสียงดังสนั่นที่เกิดขึ้นคงจะเรียกให้พวกมีดสวรรค์มาที่นี่ในอีกไม่นาน
  สองหมัดย่อมมิอาจรบพุ่งกับสี่มือคงไม่ต้องพูดถึงจ้าวเทวะอีกแปดสิบคนที่กำลังจะมาถึง
  ซือหยูแบกร่างลู่จือยี่และอัดพลังชีวิตให้นางพลังเหล่านั้นเข้าไปสู่ยันต์ที่นางกำเอาไว้ ยันต์เปล่งแสงอันงดงามออกมาอีกครั้ง
  “หยุดนะ!”
  เฉียนเฟิงอุทานด้วยความตกตะลึงแต่ใต้แสงสีม่วงแห่งนี้ ไม่มีใครนอกจากผู้ใช้งานที่จะหลบเลี่ยงมัน
  เมื่อพลังชีวิตถูกแช่แข็งเฉียนเฟิงมิอาจใช้พลังพิเศษ เขาเปิดแหวนมิติของตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาเหมือนคนร่างเปลือยเปล่าที่ไร้กำลังต้านทาน  ซือหยูแววตาเย็นชาเขากระโจนไปที่พื้น มังกรอสูรห้าตัวร้องคำรามบินออกพุ่งตรงใส่เฉียนเฟิง
  “ต่อให้ถูกผนึกพลังตัวตลกโง่เขลาอย่างเจ้าก็เทียบข้าไม่ได้!”
  เฉียนเฟิงตะโกนเขากำหมัดแน่นและย่อเข่าลงอย่างกล้าแกร่งดั่งหินผา
  เมื่อมังกรอสูรมาถึงเขาจมสองตัวลงกับพื้นด้วยมือสองข้าง
  เสียงสายฟ้าลั่นคำรามมังกรอสูรสองตัวสวสลายไปก่อนที่จะได้โจมตี มันกลายเป็นเงาสลายกระจายไปตามลม
  ซือหยูเบิกตากว้างนอกจากเขาจะมีฐานพลังสูงแล้วยังมีกำลังกายที่แข็งแกร่งมาก เขาด้อยกว่ายู่เหลียงแห่งช่างสวรรค์เพียงเล็กน้อย
  แต่เป้าหมายของซือหยูนั้นเหนือกว่านั้น
  ทันทีที่มังกรอสูรสลายไปเสี้ยวเงาหนึ่งได้พุ่งออกมาจากชายเสื้อ มันปาดรอยแยกมิติดำสนิทเฉือนเอามือขวาของเฉียนเฟิงออกมา มือเฉียนเฟิงขาดทันที รอยแผลนั้นเรียบเนียนดั่งคันฉ่อง
  กว่าเฉียนเฟิงจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นเส้นไหมที่จับต้องไม่ได้ก็พันรอบมือที่ขาดสะบั้นของเขาไปที่ซือหยู
  “แหวนมิติของข้า!”
  เฉียนเฟิงเข้าใจจุดหมายของซือหยูทันควันเขาชักหน้าและใช้พลังที่เท้ากระโดดหลายพันศอก
  เขาตามทันมือของตัวเองและคว้ามันไว้ด้วยมือข้างที่เหลือ
  แต่เวลานั้นเงาดำได้มุ่งหน้าไปหาเขาด้วยความเร็วสูง มันคือลูกแก้วที่น่าสะพรึงกลัวนั่นเอง!
  เฉียเฟิงไร้ทางเลือกนอกจากทิ้งมือของตัวเองไปเขาขยับตัวไปอีกด้าน มุกบาดาลพลาดเป้าเพียงเล็กน้อย แรงกดดันรอบข้างมุกบาดาลส่งตัวเขาไปไกลจากซือหยูมากกว่าเดิม
  ฟึ่บ!
  มือขวาลอยกลับมาหาซือหยูซือหยูยิ้มอย่างสุภาพ
  “ขอบคุณสำหรับของขวัญ!”
  ซือหยูโบยบินขึ้นตามลมหวนโดยมีมือเฉียนเฟิงในมือซ้ายและร่างของลู่จือยี่ในมือขวา
  “อ๊ากกกก!!เจ้าต้องตาย เจ้าต้องถูกสับเป็นพันชิ้น!”
  เฉียนเฟิงคำรามอย่างกับคนบ้าเมื่อยืนบนพื้นจ้องมองซือหยูที่บินหนีไป
  สาวงามที่เขาปรารถนามานานนมถูกลักพาตัวไปแม้แต่ตำราหยางของม่อจือเต๋าที่ยากลำบากกว่าจะได้มาเองก็ถูกฉกไปด้วย! เฉียนเฟิงที่ไม่เคยพ่ายแพ้ในชีวิตนี้อัปยศอดสูอย่างเหลือร้าย!
  และที่ยิ่งหนักหนากว่านั้นหากปี้หลิงเทียนรู้ว่าเขาเสียตำราหยางไปเพราะราคะในสตรีเขาจะต้องได้รับการลงโทษอย่างร้ายแรง
  เมื่อซือหยูจากไปแสงสีม่วงเองก็สลายไปด้วย
  กว่าคนมีดสวรรค์จะมาถึงก็ได้เห็นเฉียนเฟิงที่มือขาดหนึ่งข้างพวกเขาไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
  หรือว่าลู่จือยี่จะมีไม้ตายซ่อนเอาไว้จนเฉียนเฟิงต้องเสียมากกว่าได้?
  “ตามพวกมันไปเดี๋ยวนี้!”
  เฉียนเฟิงหน้าแดงก่ำเขาตะโกนอย่างกราดเกรี้ยว พลังของเขาแผ่ขยายไปยังทุกทิศทางราวกับจะกดใต้หล้าให้จมดิน
  ฟึ่บ!
  เขาพุ่งไปยังทิศทางที่ซือหยูหนีราวกับสายฟ้า
  ซือหยูผู้แบกลู่จือยี่ด้วยมือข้างเดียวได้จุดไฟที่มืออีกข้างเผามือขวาเฉียนเฟิงเป็นเถ้าถ่านเขาไม่เหลือร่องรอยแก่นโลหิตเอาไว้แม้สักหยดเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ถูกตามตัว  ท่ามกลางเถ้าถ่านมีแหวนมิติของเฉียนเฟิงอยู่ตำราหยางของม่อจือเต๋าถูกเก็บไว้ในแหวนวงนี้ ซือหยูอยากจะอ่านมันเดี๋ยวนี้เสียให้ได้ แต่เขาต้องพาลู่จือยี่ไปซ่อนตัวในป่าลึกก่อน