นอกจากเป็นที่ซ่อนที่ดีแล้วป่าลึกยังมีประโยชน์อีกหนึ่ง
เพราะในป่าลึกมีมากกว่าคนมีดสวรรค์และตำหนักเมฆาม่วงการเข้าป่าลึกย่อมทำให้คนที่ตามรอยพวกเขาสับสน
ครึ่งวันหลังจากพบเฉียนเฟิงซือหยูกลับไปที่ป่าลึกสำเร็จ
ศัตรูที่ใช้พลังฉีกมิตินั้นเกือบตามพวกเขาทันหลายครั้งแต่ซือหยูก็เลี่ยงได้ทุกครั้งจากการที่สัมผัสการสั่นไหวของมิติได้ล่วงหน้า มันน่ากลัว แต่พวกเขาก็ไม่เคยตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ
และก็เป็นอย่างที่ซือหยูคาดพวกเขาเจอกับผู้เข้าร่วมแดนมณีแปลกหน้ามากมายในตลอดทาง พวกเขาเป็นคนดินแดนพรสวรรค์และมีดสวรรค์
การปรากฏตัวของทั้งสองทำให้พวกมีดสวรรค์แตกตื่นพวกที่ไล่ตามมาจึงไขว้เขว
หลังจากผ่านมาราวหนึ่งชั่วยามก็ไร้ร่องรอยของศัตรูซือหยูเลือกร่อนลงที่หน้าผาแห่งลหนึ่ง หน้าผาแห่งนี้มาทางเข้ารังที่สัตว์อสูรขุดเอาไว้ มันถูกภูเขาและเมฆาปกปิด มันค่อนข้างเป็นพื้นที่ลับตาทีเดียว
ด้านในถ้ำซือหยูวางลู่จือยี่ลง เขากดนิ้วชี้และนิ้วกลางที่ข้อมือของนางเพื่อส่งพลังให้
หลังจากตรวจดูร่างกายนางจนหมดซือหยูเลิกคิ้วเล็กน้อย
บาดแผลของนางมิได้สาหัสมากนักแต่ก็มิได้เบาบางเช่นกันร่างของนางอาบไปด้วยเลือด พลังและกำลังกายถูกใช้จนหมด แต่บาดแผลก็มีเพียงแค่บาดแผลภายนอกที่มาจากคนทรยศ มันเป็นบาดแผลที่สะบั้นสายพลังของนางและทำให้อวัยวะภายในเสียหาย
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยพลังที่ใช้จนหมดที่ทำให้นางสูญเสียพลังในการฟื้นฟูร่างกายตัวเองนางต้องการพลังจากภายนอกเข้าช่วย พลังภูติระดับเก้าของซือหยูเชื่อมต่อสายพลังของนางได้พอดีเขารักษาอวัยวะภายในของนางได้บ้าง นางจะยังต่อสู้ไม่ได้เป็นเวลาสั้น ๆ
นางต้องการคนดูแล
ซือหยูมองดูใบหน้าอันงดงามที่ไร้สติภาพวันเวลาเก่า ๆ ในกระโจมเทพสวรรค์ย้อนคืนมาในความทรงจำดั่งคลื่นน้ำหลาก
ตั้งแต่การได้พบพานครั้งแรกไปจนถึงค่ำคืนที่ได้สวมกอดตอนที่นางกำลังจะตายและสุดท้ายคือสายสัมพันธ์ที่ทั้งสองได้เชื่อมโยงในทะเลเพลิง ความทรงจำในครั้งสุดท้ายยังคงตราตรึง ความโศกเศร้าเกิดเต็มหัวใจ ซือหยูมิอาจลืมเรื่องที่เขาพรากความบริสุทธิ์ไปจากนาง
…นางที่มีคนรักอยู่แล้ว
“ข้าช่วยชีวิตเจ้าครั้งนี้ถือว่าเสมอกัน”
ซือหยูพูดคนเดียวเบาๆ
ด้วยภยันอันตรายมากมายในแดนมณีการใช้พลังชีวิตทั้งหมดเพื่อรักษาคนอื่นถือเป็นเรื่องอันตรายอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีพวกมีดสวรรค์ที่ไล่ล่าพวกเขามาอีก
การช่วยชีวิตนางครั้งนี้อาจถือเป็นการล้างหนี้ในอดีตที่เขาติดค้างนาง
เขาลงมือในทันทีที่ทำใจได้ซือหยูใช้พลังพยุงนางขึ้นนั่งไขว้ขาด้านหน้าเขา
เขาวางฝ่ามือทั้งสองลงบนแผ่นหลังนางด้วยความแผ่วเบาสัมผัสเบาเป็นดั่งนุ่นอุ่นสบาย
ซือหยูแววตาสดใสด้านในจุดกำเนิดพลังกว้างใหญ่ของเขานั้น พลังชีวิตกำลังเอ่อล้นไปที่ร่างของลู่จือยี่ พลังชีวิตไปถึงสายพลังของนางในจุดที่เจ็บปวด มันฟื้นฟูส่วนต่าง ๆ ที่ขาดสะบั้น เชื่อมต่อสมองกระตุ้นให้นางฟื้นคืนสติ
นางลืมตาขึ้นหลังจากความสับสนงงงวย ลู่จือยี่ซัดพื้นด้วยมือทั้งสองข้างและกำลังจะลึกขึุ้น นางร้องเบา ๆ “ใครน่ะ!”
นางจำได้ว่าถูกเฉาลี่จู่โจมอย่างแรงและจำได้ว่านางไปตกอยู่ในมือของเฉียนเฟิงแล้ว
แต่ก่อนที่นางจะยืนขึ้นฝ่ามือใหญ่ของชายชาตรีก็ได้กดบ่านางเอาไว้ เสียงของซือหยูดังมาจากด้านหลัง
“พยายามนำทางให้พลังของข้ารักษาสายพลังเจ้าด้วย”
ลู่จือยี่หยุดขยับตัวนางถามด้วยความตกใจ
“ซือหยูเซี่ยนรึ?”
นางหันไปมองและพบว่าเป็นเขาจริงๆ novel-lucky
“เป็นเกียรติยิ่งนักที่เจ้าจำเสียงข้าได้”
ซือหยูค่อนข้างแปลกใจที่ลู่จือยี่จำเสียงเขาได้พวกเขาทั้งสองมิได้พูดคุยกันมากนักในตอนที่ซือหยูใช้นามซือหยูเซี่ยน
ลู่จือยี่หันมามองเขานางตั้งใจมองดวงตาใต้หน้ากากสีเงิน สายตานางขุ่นมัวในส่วนลึก “อาจารย์ซือเป็นบุรุษมากความสามารถข้าย่อมต้องจำได้”
แต่ความจริงทั้งหมดเป็นเพราะซือหยูเซี่ยนมีความคล้ายคลึงอย่างไม่น่าเชื่อกับชายหนุ่มผมสีเงินในความทรงจำของนาง ดังนั้นนางจึงสนใจซือหยูเซี่ยนเป็นพิเศษก่อนที่จะรู้ตัว
นางยังจำเสียงของเขาได้อีกด้วย
“แม่นางกล่าวเกินไปแล้ว”
ซือหยูถอนฝ่ามือที่กดไหล่นางและเริ่มส่งพลังด้วยมือทั้งสองข้างอีกครั้ง
ลู่จือยี่หันไปก้มหน้าเงียบๆ
นางเชื่อใจซือหยูเซี่ยนมากอย่างไม่มีเหตุผลเช่นเดียวกับที่นางเชื่อใจชายหนุ่มผมสีเงิน…หยินหยู
“ขออภัยที่ทำให้อาจารย์ซือต้องลำบาก”
ลู่จือยี่กล่าวเงียบๆ นางหลับตาช้า ๆ และนำทางพลังชีวิตของซือหยูเข้าฟื้นฟูอวัยวะภายในของนาง หลังจากพลังหมุนเวียนครบรอบเส้นสายพลังที่ขาดถูกซ่อมแซม อวัยวะภายในที่เสียหายต้องการพลังอีกหนึ่งรอบเต็ม
สิ่งที่เรียกว่ารอบพลังนั้นคือรอบที่พลังชีวิตหมุนเวียนสู่ทุกสายพลังในร่างกายหนึ่งครั้งรอบพลังเต็มก็คือการที่พลังชีวิตไหลผ่านสายพลังหลักทั้งเก้าและสายพลังรองทั้งแปดสิบเอ็ดสาย
“อาจารย์ซือข้ารักษาตัวเองได้แล้ว สายพลังข้าเชื่อมต่อกันแล้ว ข้าจะดูดซับพลังด้วยตัวเอง”
ลู่จือยี่กล่าว
ร่างกายของจ้าวเทวะแข็งแกร่งกว่าภูติเป็นอย่างมากจำนวนพลังชีวิตที่ต้องใช้ในหนึ่งรอบพลังนั้นเกินกว่าการรักษาสายพลังของภูติ
สำหรับจ้าวเทวะระดับแปดอย่างนางพลังชีวิตเต็มรอบที่ต้องใช้จะยิ่งมหาศาล
สำหรับนางมันน่าตกใจพอแล้วที่ซือหยูมีพลังเต็มรอบของร่างกายนางขณะที่เป็นภูติระดับเก้า ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นภูติที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งที่เกินกว่าภูติระดับเก้าทั่วไปอยู่ไกลโข
การรักษาต่อมาจะต้องไหลเวียนพลังชีวิตผ่านสายพลังด้านข้างอวัยวะภายในสี่สิบเก้าจุดมากกว่าสิบรอบเล็กพลังที่ต้องใช้นั้นไม่น้อยไปกว่าหนึ่งรอบเต็มเลย
ด้วยฐานพลังของซือหยูในตอนนี้เป็นเรื่องแน่นอนว่าเขาย่อมรักษาต่อไม่ได้
ซือหยูยังคงหลับตาเขาพูดโดยไม่เงยหน้า เป็นการพูดอย่างเด็ดเดี่ยว
“สบายใจได้เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องพลัง”
ลู่จือยี่แปลกใจนางหันไปมองและก็ต้องหวาดหวั่นเมื่อเห็นว่าใบหน้าของซือหยูไม่ได้แสดงอาการไม่สบายกายเลยหลังจากใช้พลังมามหาศาล
ลู่จือยี่นำทางพลังชีวิตเข้ารักษาอวัยวะภายในของนางด้วยความกระวนกระวายในทุกรอบที่พลังไหลผ่าน นางจะหันไปดูสีหน้าของซือหยู
และทุกครั้งมันยิ่งทำให้นางหวาดหวั่นขึ้นไปเรื่อยๆ
“ผ่านมาสามรอบเล็กแล้วเจ้ายังมีพลังชีวิตเหลืออยู่อีกหรือ?”
ลู่จือยี่ตกใจถึงขั้นสุด
ตามปกติสำหรับคนเป็นภูติยิ่งมีพลังชีวิตในจุดกำเนิดพลังมากเท่าใด การก่อร่างสร้างแก้วกำเนิดจะยิ่งง่ายขึ้นเท่านั้น และแก้วกำเนิดก็จะแข็งแกร่งกว่าและปลดปล่อยพลังได้มากกว่าคนอื่น ๆ
ย้อนกลับไปในตอนที่กู้ไทซูเป็นภูติระดับเก้าพลังชีวิตในจุดกำเนิดพลังของเขาจะอยู่ที่หนึ่งรอบใหญ่และห้ารอบเล็กของนางในตอนนี้ ตอนนี้ซือหยูเซี่ยนมีพลังถึงหนึ่งรอบใหญ่และสามรอบเล็กแล้ว มันแทบจะเหมือนกับกู้ไทซูเลย! ลู่จือยี่แอบทึ่งในใจ
ทีแรกนางคิดเพียงแค่ว่าซือหยูเซี่ยนเพียงแค่เชี่ยวชาญภาษาไม้ นางไม่รู้เลยว่าพื้นฐานการเป็นภูติของเขาจะน่ากลัวถึงเพียงนี้
แต่ไม่น่าความตกใจก็ได้กลายเป็นความงุนงงซือหยูหมุนเวียนพลังถึงห้ารอบเล็กในไม่นาน และใบหน้าเขาก็ไม่ได้แสดงความแตกต่างออกมาเลย
เขาบ่มเพาะจุดกำเนิดพลังของเขามางั้นหรือ?ลู่จือยี่ทึ่ง
การบ่มเพาะจุดกำเนิดพลังต้องใช้ความแน่วแน่อันทรงพลังที่จะกดฐานพลังและบังคับสร้างจุดกำเนิดพลังขึ้นมาใหม่จุดกำเนิดพลังนี้จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมเพื่อเก็บพลังชีวิตได้มากกว่า
บางทีพลังชีวิตของกู้ไทซูอาจจะมิได้มีปริมาณเป็นอันดับหนึ่งในจิวโจวแต่มันก็มากพอที่จะเป็นสิบอันดับแรก
ลู่จือยี่ตะลึงโดยแท้จริงจากการที่ซือหยูก้าวข้ามผ่านกู้ไทซูได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
ซือหยูยังคงมีใบหน้าสงบเมื่อไหลเวียนพลังต่อไปในร่างกายนาง
รอบที่หก!
รอบที่เจ็ด!
รอบที่แปด!
ลู่จือยี่ตกใจเกินกว่าจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดนางมองซือหยูเปลี่ยนไปราวกับคนละคนแล้ว!
เขาไม่ใช่ยอดฝีมือทั่วไปที่ไร้ที่มาเขาคือผู้ที่เหนือกว่าผู้คุมสวรรค์อย่างนาง! ทุกคนประเมินเขาต่ำเกินไป แม้เขาจะเจิดจรัสได้ไม่เท่าผู้คุมสวรรค์อันดับสูงอย่างกู้ไทซู เขาก็นำหน้าคนอื่น ๆ ในระดับของเขาไปมาก
รอบที่เก้า!
รอบที่สิบ!
และก็เป็นอย่างที่ซือหยูคิดพลังชีวิตของเขาถูกใช้จนหมด เขาหน้าซีดขึ้นมาเป็นครั้งแรก