บทที่ 527 แต่งงานกับผมมั้ย

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

ยู่ยี่ยิ้มและส่ายหน้า “มีซะที่ไหนล่ะ!”

“มีซะที่ไหน?” นาโนพูดเสียงเชิดๆใส่แล้วเริ่มมองบน “ถ้าขืนเขาตามใจเธออย่างนี้ต่อไปรับรองถอนตัวไม่ขึ้นแน่!”

พูดอย่างนี้ยู่ยี่ก็รู้สึกว่าจริง เธอหรี่ตาแล้วพูดว่า “เขาไม่วางใจฉัน”

“พอๆๆ ไม่ต้องพูดแล้ว น่าอิจฉาจริงๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้เดี๋ยวได้เห็นกัน!”

ดังนั้น คืนนั้นเองสามสาวนอนเบียดกันในเตียงๆเดียวอย่างแนบแน่นและหลับสบาย

เช้าวันถัดมาคนที่ตื่นก่อนคือเชอร์รีน เธอตั้งนาฬิกาไว้ สิ่งแรกที่ทำหลังจากตื่นขึ้นคือปลุกยู่ยี่

เพิ่งจะเรียกปลุกก็มีคนมาเคาะประตูบอกว่าต้องแต่งหน้าแล้ว ไม่ได้เว้นช่วงนานเชอร์รีนเอายู่ยี่ออกไปจากห้องทันที

นาโนยังไม่ตื่นนอน หลับอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยจริงๆ ตอนที่จะออกไปจากห้องเชอร์รีนเอาหมอนมาปาใส่หน้าเธออย่างหมั่นไส้

ช่างแต่งหน้ารออยู่แล้ว เป็นช่างแต่งหน้าที่ที่มีชื่อเสียงที่สุด เนื่องจากยู่ยี่ตั้งครรภ์ ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่เธอเลือกจึงเป็นออแกนิคทั้งหมด

ยู่ยี่ไม่อยากที่จะแต่งหน้าสักเท่าไหร่ เธอกลัวว่าจะไม่ดีต่อลูกในท้อง ช่างแต่งหน้าชูสามนิ้วสาบานว่ามันจะไม่มีปัญหาแน่นอน เธอเลยยอมแต่ง

แต่งหน้าแบบอ่อนๆแต่กลับมีความสวยแบบใสๆและมีความออร่า ทำให้คนที่มองมาละสายตาไปไม่ได้เลย

ทางด้านนึงที่โรงแรม

ออกัสอุ้มเจ้าตัวเล็กในอ้อมกอด อีกมือจูงเจ้าตัวเล็กอีกคน เขากำลังรอดนัย งานแต่งต้องไปอย่างแน่นอน

ดนัยยังอยู่ในห้องน้ำยังไม่ออกมา หัสดินเลยเข้ามาแล้วพูดว่า “พาฉันไปด้วย”

“ไม่ได้!” ออกัสเอ่ยปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา

“แกกลัวว่าฉันจะไปก่อเรื่องหรอ?” หัสดินซีดเซียวลงไปมาก สีหน้าของเขาไร้เรี่ยวแรง

ออกัสพูดแค่ว่าฉันคิดว่าสถานที่นั้นไม่เหมาะสมที่แกจะไป

แต่หัสดินกลับยืนหยัดและดื้อด้านกว่าเขาพูดตอบกลับว่า ฉันจะไปให้ได้ จะไม่ทำอะไรที่ไม่ดีเด็ดขาด

ดนัยออกมาได้ยินก็ให้ส่ายหน้ารัวๆ นี่เป็นการหาเรื่องหาตัวเองไม่ใช่หรอ?

ต่างฝ่ายต่างยืนกรานกันอยู่นาน ออกัสหรี่ตาพิจารณามองเขา ไม่มีสายตาหลบหลีกใดๆ หัสดินก็มองไปที่เขาอย่างนั้นเหมือนกัน

ขณะที่ดนัยเดินออกมาก็เห็นฉากนี้ เขาสวมสูทสีขาว ไหล่ตั้งตระหง่าน “เรื่องความสัมพันธ์นี่พวกแกจะให้มันเป็นไปตามจังหวะรักกันและกันหรอ?”

ผ่านไปหลายวินาที ออกัสจึงเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ตามใจแก แต่ว่าก่อนที่จะไปทางที่ดีแกเปลี่ยนเสื้อก่อนดีกว่า เสื้อตัวนี้แกใส่มาสี่วันแล้วนะ….”

หัสดินออกไปเปลี่ยนเสื้อ ดนัยดื่มกาแฟ เขาขมวดคิ้ว เรื่องเป็นอย่างนี้แล้วทำไมแกยังให้มันไปอีก? ถ้าเกิดเกิดอะไรขึ้นมา ครูเชอร์รีนบ้านแกไม่ฆ่าแกตายหรอกหรอ?

ออกัสสีหน้าปกติ มันจะไม่ทำอะไร อีกอย่างฉันคิดว่ามันต้องการโอกาสที่จะตัดใจเสียให้ขาด…

สายตาของหัสดินเมื่อกี้นี้มีความจริงใจฟ้องอยู่ เขามองเข้าใจสายตาคู่นั้น ก็เลยไม่ได้มีความกังวลใจอะไร

งานแต่งจัดขึ้นที่อ่าวมาร์ส สถานที่ที่จัดงานแต่งอยู่เหนือน้ำแต่ไม่ใช่กลางแจ้ง

ตั้งแต่เริ่มเหยียบเข้ามาบนชายหาด ใช้กระจกมาสร้างเป็นระเบียงทางเดินวางยาวไปถึงปากประตูทางเข้าโบสถ์ สองข้างทางระเบียงเต็มไปด้วยดอกกุหลาบแดงที่วางกองไว้ ดอกกุหลาบสีแดงกำลังล่อไปตามสายลมพร้อมกับน้ำทะเลสีฟ้าสด

จริงๆแล้วโบสถ์นั้นเป็นที่ที่อัศจรรย์แห่งนึง ตอนยืนมองอยู่ไกลๆให้ความรู้สึกถึงปิดตาย แต่จังหวะที่เข้าไปในโบสถ์ก็ทำให้คนรู้สึกถึงความประหลาดใจด้านที่หันเข้าหาน้ำทะเลเปิดโปร่ง เพียงแค่ก้าวเข้าไปในโบสถ์ก็เห็นน้ำทะเลที่กำลังเคลื่อนไหว

ตระกูลยศณะราคินจัดงานแต่งไม่ธรรมดา เพียงแค่แขกที่เชิญมาก็เป็นระดับสูงเพราะต่างก็เป็นคนที่มีหน้ามีตาในฮ่องกง

ดังนั้นระดับความหรูหราของงานแต่งนั้นไม่ต้องพูดถึง แค่ดอกกุหลาบแดงสดพวกนั้นก็ถูกส่งมาจากต่างประเทศ และอีกอย่างโบสถ์ก็ถูกจัดขึ้นสิบวันก่อนหน้านี้เอง

โบสถ์ใหญ่มาก สามารถบรรจุคนได้พันกว่าคน อีกอย่างหลังจากจัดพิธีงานแต่งแล้ว ที่นี่ก็ยังถูกใช้เป็นงานเลี้ยงตอนกลางคืนอีกด้วย

ในเวลานี้มีแขกจำนวนไม่น้อยเข้ามาในงาน และยังมีนักข่าวฮ่องกงทุกสำนักที่เข้ามาอีกเพื่อรองานแต่งงานที่อลังการนี้

สีสันในโบสถ์ส่วนมากเป็นสีม่วง สีม่วงนั้นดูเข้มและงดงาม มีความน่าหลงใหลและความน่าสวยงามที่พูดออกมาไม่ได้ ผสมเข้ากับต้นลิลลี่สีจางๆเพื่อให้ตัดกัน

ใกล้จะเป็นเวลาเที่ยงแขกทุกคนต่างก็มากันครบแล้วนั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ท่ามกลางสายตาของผู้คนฉันทัชเดินเข้ามา บนร่างสวมใส่ชุดสูทสีดำราคาแพงที่สั่งตัดให้เข้าพอดีกับตัว เสื้อเรียบตรงไม่มีร้อยจีบใดๆ ดูพอดีสมสัดส่วนกับตัวเอง เสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ากับเนคไทสีไวน์แดง ยิ่งเพิ่มความสง่ามากยิ่งขึ้น บนใบหน้าที่งดงามของเขายากที่มีรอยยิ้ม มีแค่ความเปล่งประกาย

ขายาวที่น่าดึงดูดด้าวเดินออกมาข้างหน้าทีละก้าว เขายิ้มจางๆอย่างน่าหลงใหล ทักทายกับผู้ชมอย่างมีมารยาทและไม่ดูห่างเหินจนเกินไป แสดงออกถึงลักษณะการอบรมและบุคลิกท่าทางของชายที่เป็นผู้ใหญ่อย่างงดงาม

ผู้หญิงในงานเลี้ยงครึ่งนึงถูกเขาดึงดูด จ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตา

นาฬิกาควอตซ์ที่อยู่ตรงหัวมุมดังขึ้น เสียงใสๆดังขึ้นไปทั่วห้อง เป็นการบอกว่าถึงเวลาแล้ว

หลังจากนั้นในห้องนั้นก็มืดลงทันใด ทุกคนต่างก็ตกใจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มืดจนขนาดมองเห็นหน้ากันไม่ชัด

ในความมืดนั้นเองยู่ยี่ค่อยๆเดินเข้ามาในห้อง ชุดแต่งงานสีขาวไม่ได้ยาวมากแต่กลับมีความสง่างามที่พูดออกมาไม่ได้ ดาวตกเหมือนตกมาอยู่ที่กระโปรง เนื่องจากว่าตั้งครรภ์เลยไม่ได้ใส่รองเท้าส้นสูงแต่ใส่รองเท้าที่เรียบแทน เห็นได้ชัดว่าบนรองเท้านั้นเป็นการทำด้วยมือมีพู่ระย้าสีเหลืองอ่อนและเพรชพลอยสีฟ้าอ่อนเข้าไว้ด้วยกัน พอยกเท้าก็ไหวที พอก้าวทีก็สง่างาม

ตามที่จังหวะการก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าของเธอ ทุกคนที่อยู่ในห้องก็ให้พูดชมเสียงทุ้มต่ำด้วยความไม่น่าเชื่อ

เพียงแต่ว่าตอนที่เธอเดินเข้ามา แก้วที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าเธอก็จะมีดอกกุหลาบเบ่งบานทีละดอกๆตามเป็นกลุ่มให้ความสวยงาม ผู้คนมักจะพูดกันว่าการเดินของผู้หญิงนั้นเบา เพื่อมาพรรณนาฉากพวกนี้

ไฟสีม่วงที่อยู่บนเพดานก็ส่องลงมาที่ตัวเธอพอดี ท่ามกลางความมืดนั้นมีแต่เธอที่เปล่งประกายผู้เดียว น่าดึงดูดเหมือนนางฟ้าที่ส่งมาจากสรวงสวรรค์

เชอร์รีนกับนาโนก็ให้ตะลึงอย่างมาก ฉากที่อยู่ตรงหน้าสวยงามมากเหลือเกิน ดอกกุหลาบที่อยู่ใต้เท้านั้นก็บานออก พวกเธอให้รู้สึกตะลึงและชื่นชม

ยู่ยี่ก็คิดไม่ถึงว่าวิธีการจะแปลกแหวกแนวอย่างนี้ แต่ตอนที่สายตาได้สบกับผู้ชายที่ยืนอยู่ไม่ไกลนั้น ใจก็สั่น ดวงตาก็หรี่

เธอค่อยๆเดินมาทีละก้าว เธอเดินมาร้อยแปดก้าวแล้วมาหยุดที่หน้าของเขา

ฉันทัชจ้องมองเธอจนลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบกายทั้งหมด สายตาและหัวใจมีแค่เธอเพียงเท่านั้น

ยู่ยี่อดไม่ได้ที่จะหน้าแดง ยื่นมือของไปผลักเขาเบาๆ ไม่ให้เขาจ้องมองอย่างนี้อีก

เขายกมุมปากขึ้น นัยน์ตาที่ลึกซึ้งนั้นฟ้องถึงความรู้สึกมากมาย ทั้งชื่นชม ดีใจ และอารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้

บาทหลวงก็ยิ้มน้อยๆแล้วเอาคำกล่าวสาบานที่สวยงามนั้นส่งต่อให้กับคนทั้งสอง

“ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนก็ตาม ผมจะรักเธอไปตลอดชีวิต ปกป้องเธอ ดูแลเธออย่างดี ไม่ให้เธอได้รับความทุกข์ใดๆ ได้แต่งงานกับเธอเป็นความโชคดีในชีวิตของผม”

ฉันทัชเอ่ยปากพูด เดิมทีน้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำอยู่แล้วบวกกับเสียงที่ดูค่อนข้างแหบๆในเวลานี้ ก็ให้ดูน่าฟังพอดี

ยู่ยี่ซาบซึ้ง เธอสัมผัสได้ถึงความรักและความจริงใจที่เขาส่งมาอย่างชัดเจน หันหลังให้นิ้วมือที่เรียวยาวที่สวมใส่ถุงมือนั้นคว่ำอยู่บนมือใหญ่ของเขา จ้องมองเขาแล้วพูดอย่างช้าๆว่า

“ชั่วชีวิตของฉันนี้ได้ถูกรัก ถูกฟูมฟักดูแลอย่างดี ไม่ต้องให้ฉันนั้นตื่นกลัว ไม่ต้องให้ฉันนั้นขื่นขม เป็นที่พึ่งให้กับฉันในทุกๆอย่าง หลังจากที่ผ่านเรื่องราวนั้นมา ฉันคิดว่าคนแบบนี้จะไม่มาเสียแล้ว แต่คุณกลับเดินเข้ามาในใจของฉันตอนนั้น ค่อยๆเติบโตไปด้วยกันจนเวลาผ่านไปจนตอนนี้ได้เติบโตอย่างเต็มที่แล้ว”

ฉันทัชได้ยินคำพูดหวานๆที่ออกมาจากปากของเธอก็ให้แช่มชื่นหัวใจในทันที

ไม่มีอารมณ์ที่สนใจผู้คนที่อยู่ในงาน และก็ไม่มีเวลาสนใจบาตรหลวงที่ยืนอยู่ด้านข้าง ฟังความคิดของตัวเองที่อยู่ในใจที่ยากจะควบคุมได้ เขาโค้งตัวแล้วจับที่ข้างแก้มของเธอแล้วจุมพิตตามอำเภอใจ

เห็นได้ชัดว่าบาตรหลวงคิดไม่ถึงว่าเจ้าบ่าวจะอดใจรอมาไม่ไหวขนาดนี้ เลยตกใจเล็กน้อย

แขกที่นั่งอยู่ด้านล่างกลับตบมือกันยกใหญ่ เสียงตบมือต่างถยอยดังขึ้น บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร

นาโนกับเชอร์รีนมองไปที่หัสดินที่อยู่ข้างกายของออกัส ไม่เข้าใจว่าเขาจะตามมาทำไมในวันแบบนี้

สำหรับเขาแล้ว คนทั้งสองมีความระวังไว้ วันนี้เป็นวันที่มีความสุขที่สุดและสำคัญที่สุดของเพื่อนสนิท พวกเธอจะไม่ยอมปล่อยหัสดินก่อเรื่องแน่

หัสดินไม่ได้พูดอะไร สายตามองไปที่ร่างของยู่ยี่ เขามองอย่างลึกซึ้งเหมือนทะลุปรุโปร่งทั้งหมด

จริงๆ เขาคิดไปถึงฉากแต่งงานของเขาและของเธอ ตอนนั้นระหว่างเธอกับเขาก็แสดงความรักอย่างนี้ ทำให้คนรอบตัวอิจฉา

“งั้นคุณแต่งงานกับผมมั้ย?” ในที่สุดฉันทัชก็ปล่อยเธอ ผู้ชายที่เก็บท่าทีมาตลอดกลับเปลี่ยนไปอีกแบบในเวลานี้ เปลี่ยนเป็นอดใจรอไม่ได้อย่างนี้

ไม่มีความลังเล ไม่มีความยุ่งยาก เธอตอบอย่างตรงไปตรงมาอย่างไม่ลังเลว่า “แต่ง!”

บาตรหลวงปรับเสียงแล้วพูดว่า “ตอนนี้เจ้าบ่าวสวมแหวนให้เจ้าสาวครับ”

ฉันทัชกำไว้อยู่ในมือตลอด จังหวะที่เปิดออกมานั้น แหวนสีชมพูก็ฉูดฉาดบาดตา เขาถามว่า “ชอบมั้ย?”

“ถ้าฉันบอกว่าไม่ชอบ จะให้คุณเอาไปเปลี่ยน ยังจะทันมั้ย?” เธอตั้งใจหยอกเล่น พูดด้วยเสียงผ่อนคลาย

ดวงตาของเขาก้มลงมอง แล้วโอบเธอมาไว้ในอ้อมกอด นิ้วมือจับอยู่ที่มือที่เรียวเล็กจ้องมองเธอที่ตัวนิ่มๆที่อยู่ตรงหน้าของเขา เอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ไม่ทัน ดังนั้นตอนนี้ผมใช้แหวนนี้มัดตัวคุณไว้ก่อน เดี๋ยวกลับไปแล้วค่อยไปเปลี่ยนเป็นวงที่คุณอยากได้…”

ยู่ยี่เงยหน้าขึ้น นัยน์ตาที่ดำขลับนั้นเธอมองเห็นเงาของตัวเอง ความรู้สึกอุ่นๆเหมือนไฟที่กำลังโถมเข้ามา เธอเขย่งเท้าปลายเท้าอย่างระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่

ครั้งนี้เป็นเจ้าสาวที่อดใจไม่ไหวจูบเจ้าบ่าว บาตรหลวงหมดคำพูดแต่ก็ให้รู้สึกชื่นชอบ

รอให้คนทั้งสองจูบกันเสร็จเรียบร้อย บาตรหลวงจึงเอ่ยปากว่า “ครั้งนี้เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวไม่ต้องรีบร้อน ทั้งสองจูบกันได้เต็มที่เป็นอันนเสร็จพิธี ให้พวกเราได้อวยพรแก่บ่าวสาวคู่ใหม่ ปรบมือเพื่อเป็นการอวยพรด้วยความจริงใจอย่างที่สุดหน่อยครับ”

ครั้งนี้เสียงปรบมือดังกว่าเมื่อเทียบกับครั้งก่อนหน้านี้ เสียงดังกังวานมาก ทุกคนต่างยิ้มและอวยพรให้

สีหน้าของหัสดินนิ่ง ริมฝีปากเกร็ง เขายกมือขึ้นปรบมือ เสียงปรบมือนั้นดังกังวานยิ่งกว่าคนข้างๆ

ท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้คนในที่นั้น เกรงว่าจะมีแค่เขาที่พยายามที่จะปรบมืออย่างเต็มที่แม้กำลังและจิตใจจะไม่เป็นใจก็ตาม

คนทั้งสี่ที่อยู่ด้านข้างต่างก็พากันมองหัสดิน เขากลับเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร เพียงแค่ปรบมือ