“พวกเขากำลังมาแล้ว!” เพียงแค่เห็นคลื่นหนาของหมอกสีเลือดที่ม้วนพัดมาและประกายของโซ่สีดำที่ในนั้นก็ทำให้ขาของชายมีรอยสักอ่อนยวบ เขามองเฉินเกอที่ยืนอยู่ที่ขอบตึกคนเดียว และเขาก็อยากจะถามว่าชายคนนี้นั้นเกิดมาโดยไร้ซึ่งความรู้สึกหวาดกลัวหรืออย่างไร
“ผมมีแผนหนึ่งซึ่งอาจจะเพิ่มโอกาสหนีของพวกเราขึ้นช่วงใหญ่” เฉินเกอใจเย็นมาก “ทั้งเงาและพวกที่เพิ่งมาถึงที่นี่นั้นต้องการฆ่าผม แต่ว่าเงานั่นยังไม่รู้ว่าอันที่จริงแล้วผมเป็นเป้าหมายของตัวตนที่มาใหม่นั่น เขาลงมือต่อต้านคราวนี้ก็เพื่อให้แน่ใจว่าแผนการของเขาจะไม่ถูกทำลาย ถ้าเขารู้ความจริง เขาก็จะยิ่งกว่ายินดีช่วยคนมาใหม่นั่นฆ่าผม
“ดังนั้น ตอนนี้ สถานการณ์นั้นดีกับพวกเรา และยิ่งมันลากยาวไปนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีกับพวกเรามากขึ้น” เฉินเกอหยุดก่อนจะขอให้อีกฝ่ายเข้ามารวมหัวใกล้ ๆ กับเขา “ผมมีบางอย่างที่ดึงดูดคนมาใหม่นั่นอยู่บนร่าง ดังนั้น อีกเดี๋ยว ผมจะนำเขากับเงานั่นไปทางอื่น จะพาพวกเขาทำลายไปตลอดเมืองหลี่ว่าน พอเป็นแบบนั้นแล้ว พวกคุณควรใช้โอกาสนั้นค้นเขตที่พักหมิงหยางหาชิ้นส่วนที่หายไปของประตู”
“ได้” ชายมีรอยสักตกลง แต่หลังจากคิดดูแล้ว เขาก็พบช่องโหว่ของแผนการ ดังนั้นจึงรีบเสริม “แล้วคุณล่ะ? ถูกตัวตนพวกนั้นไล่ตาม ถ้าคุณไม่ระวังนิดเดียวมันก็จบแล้ว!”
เขาไม่ได้เป็นห่วงเฉินเกอเท่าไหร่ เขาแค่คิดถึงแผนการของเฉินเกอที่จะดึงดูดปิศาจน่ากลัวทั้งสองนั้น ด้วยความสามารถของเขาตอนนี้ เขาน่าจะซื้อเวลาให้พวกตนได้ไม่มากนัก
“นี่เป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับตอนนี้” เฉินเกอดึงเอาโทรศัพท์ฝาพับที่ตกรุ่นไปแล้วในท้องตลาดเรียกถงถง ผีโทรศัพท์ ออกมา “ลองดูหน่อยสิว่าเธอจะสามารถส่งข้อความให้ฉันได้ไหมตอนที่พวกเราอยู่ในนี้”
ถงถงลอง และโทรศัพท์ของเฉินเกอก็สั่น ข้อความง่าย ๆ ปรากฏขึ้น “ผมทำได้ แต่ว่ามันจะทำให้ผมเหนื่อยมาก”
เฉินเกอพยักหน้า จากนั้นเขาก็เรียกเหมินหนานกับเหล่าโจวออกมา “ผมต้องการให้พวกคุณคอยดูแลถงถงและตามพวกเขาไปหาชิ้นส่วนที่หายไปของประตู”
เหมินหนานเป็นวิญญาณสีเลือด และเหล่าโจวนั้นมีประสบการณ์และระมัดระวัง ร่วมกับความสามารถในการสื่อสารระยะไกลของถงถง นี่เป็นกลุ่มที่เชื่อถือได้ที่สุดที่เฉินเกอสามารถหาได้
เหมินหนานนั้นไม่บ่นอะไรเพราะเขารู้ว่าสถานการณ์เลวร้ายแค่ไหน เขามองหมอกเลือดและโซ่ที่ไกล ๆ และเช็ดเหงื่อเย็น ๆ ที่ไม่ได้ผุดขึ้นมาบนหน้าผากเขา “แล้วคุณล่ะ?”
“ฉันจะล่อพวกนั้นไปห่าง ๆ เพื่อเปิดโอกาสให้พวกเธอ”
“สหาย เจ้าสิ่งนั้นมาที่นี่เพราะกระดาษแผ่นนั้นใช่ไหม? ฉันเห็นวิญญาณดวงนั้นเอากระดาษนั่นไป แกสามารถสั่งให้พวกเขาดึงดูดเงานั่นขณะที่แกตามพวกเราไปที่ทางออก”
เฉินเกอประหลาดใจที่ชายหน้ายิ้มเรียกเขาว่าเพื่อน อย่างไรเสีย เฉินเกอก็ทำอะไรหลายอย่างลงไปรวมทั้งโยนรองเท้าส้นสูงสีแดงใส่เขา ทำตัวเป็นศัตรูกับชายคนนี้มาก่อน “ผมทำอย่างนั้นไม่ได้ แค่ทำตามที่ผมบอกก็พอ”
“ฉันเชื่อว่าวิญญาณตนนั้นจะยินดีเอากระดาษนั้นไปและไม่เอามาคืนแกเพราะว่านั่นก็เป็นแผนการในใจเขาเหมือนกัน นี่เป็นทางเลือกของเขา” สำหรับชายหน้ายิ้ม เฉินเกอนั้นไม่ใช่คนที่พระเจ้ารังเกียจในเมื่อเขาเป็นที่รักของเหล่าวิญญาณ– นั่นคือเหตุผลที่ท่าทีของเขาต่อเฉินเกอดีขึ้น
“เขาเป็นเหมือนครอบครัวของผม คุณจะส่งครอบครัวของตัวเองเข้าไปในอันตรายเพื่อให้ตัวเองรอดชีวิตไหมล่ะ?” เฉินเกอมีสีหน้าไม่ดีนัก ตอนที่เขาพูดอย่างนั้น กลิ่นเลือดรอบตัวเขาก็รุนแรงขึ้นและเสียงแทรกก็ดังขึ้น ที่รอบ ๆ หัวใจว่างเปล่าของซู่อินนั้นมีเลือดปรากฏขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่ช้าก็กลับเป็นปกติ
“ไม่ว่าอย่างไร ผมก็จะไม่ปล่อยให้เขาต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวดเพียงลำพังอีกต่อไป เขาเลือกแล้ว แต่ผมก็มีหลักการที่ต้องทำตามเหมือนกัน” อันที่จริง เฉินเกอนั้นรู้ปัญหาของซู่อินอยู่แล้ว ในทุก ๆ การต่อสู้ ซู่อินนั้นไม่เคยออมมือ– มันเหมือนกับว่าผู้ชายคนนี้นั้นแสวงหาความตาย ไม่มีอะไรมีค่าพอให้เขาต้องรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ และซู่อินก็ไม่รู้ว่าทำไมวิญญาณของเขาถึงได้ล่องลอยอยู่ในโลกนี้
เขาไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร เขาไม่ได้รู้สึกอยากทำลายอะไรและไม่มีอะไรที่ต้องปกป้อง ดังนั้น ทำไมเขาถึงเลือกที่จะปกป้องเฉินเกอล่ะ? เขาไม่สามารถตอบได้เช่นกัน บางทีอาจเป็นเพราะว่าเขานับเฉินเกอเป็นเพียงคนเดียวที่เขาสามารถเชื่อถือได้ หรือบางทีเขาอาจจะแค่กำลังหาเหตุผลเพื่ออธิบายความต้องการตายของตัวเอง
การตายนั้นเป็นเรื่องจริงจัง เฉินเกอเข้าใจเรื่องนั้น ซึ่งทำให้เขาต้องการช่วยซู่อินมากขึ้นไปกว่าเดิม
มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เฉินเกอถูกเรียกว่าผู้เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าวิญญาณ เขามีบางอย่างในตัวที่ไม่สามารถพบได้ในคนอื่น ๆ เขาสามารถเข้าใจความจริงของความเจ็บปวดที่คนอื่นรู้สึกและใช้การกระทำของตัวเขาเองบรรเทาความเจ็บปวดนั้น ให้พวกเขาได้มีโอกาสที่สองในชีวิตหลังความตาย
“ผมจะช่วยเขาล่อปิศาจนั่นไป เมืองหลี่ว่านก็ใหญ่เท่านี้– ผมหวังว่าพวกคุณจะลงมือให้เร็วที่สุดเท่าที่สามารถและหาชิ้นส่วนที่หายไปทั้งหมดให้ได้ก่อนที่ศัตรูจะไล่ตามผมทัน” เฉินเกอดึงค้อนออกมา “ไปตอนนี้เลย ผมจะวิ่งไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่พวกคุณเลือก”
ถ้าไม่เพราะความจริงว่าพวกเขาใช้เวลาด้วยกันมามากพอ เหมินหนานก็คงคิดว่าผู้ชายตรงหน้าเขานี้นั้นเต็มไปด้วยความยุติธรรม เป็นนายจ้างที่ดีที่ไม่เห็นแก่ตัวและมีศีลธรรม
“ระวังด้วย ผมยังรอให้คุณส่งผมกลับไปจะได้ไปซ่อมหน้าต่างที่พัก” เด็กชายใช้ขาสั้น ๆ พาตัวออกไปจากตึกพร้อมกับคนที่เหลือในกลุ่ม
ไม่ช้า เฉินเกอก็ถูกทิ้งเอาไว้คนเดียวบนดาดฟ้า เขาเอนตัวพิงรั้วและที่ในดวงตาของเขาก็ราวกับมีเปลวไฟลุกโชน “หมอเกาที่ปฏิเสธที่จะเป็นมนุษย์กับเงาที่อยากจะเกิดใหม่เป็นมนุษย์ ความปรารถนาของพวกเขานั้นตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง มองอีกมุมแล้วมันก็ตลกดี ฉันสงสัยนัก ในเมืองนี้ที่เต็มไปด้วยความน่าหวาดกลัวและสิ้นหวัง ใครจะเป็นเรื่องผีที่น่ากลัวกว่ากัน?”
พระจันทร์สีเลือดส่องแสงลงมาบนถนน และเงาของเฉินเกอก็แผ่ออกไปราวกับแอ่งเลือด หมอกสีเลือดถูกผลักกลับไป และความเย็นเยือกสุดขั้ว เต็มไปด้วยความน่ากลัวและบ้าคลั่ง ก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นมาแต่สลายไปในไม่ช้า
เฉินเกอมองหมอกเลือด และโซ่ และสีหน้าแท้จริงของเขาก็ปรากฏขึ้นมาช้า ๆ มุมปากของเขายกขึ้น เขาลากค้อนวิ่งลงบันไดไป
“หมอเกานั้นเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับตัวตนที่เหนือกว่าวิญญาณสีเลือดในปิศาจทั้งหมดที่ฉันเคยเจอ ถึงแม้ว่าผีทารกจะเกี่ยวข้องกับฉากระดับสี่ดาว เงาที่นี่ก็เป็นเพียงแค่ส่วนเล็ก ๆ ของพลังที่แท้จริงของผีทารกเท่านั้น ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะได้เปรียบด้านพื้นที่ เขาก็ไม่ใช่คู่มือหมอเกา” เฉินเกอวิ่งออกจากตึกและอ้อมรอบเมืองหลี่ว่านขณะที่หมอกสีเลือดรอบตัวเขาเริ่มบางลงช้า ๆ
“ฉันต้องระวังหมอเกา เรื่องใหญ่ที่สุดก็คือฉันไม่รู้ว่าเขาอยู่ตรงไหน และจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของเขาฉันก็ต้องหลีกเลี่ยงให้มาก แต่ว่า ทุกอย่างที่เขามีดูเหมือนจะวนอยู่รอบ ๆ บ้านผีสิงของฉัน” เฉินเกอวิ่งไปตามถนน และเสียงประหลาดก็ดังมาจากด้านหลังเขา หมอเกาน่าจะสัมผัสได้ว่าเขาเคลื่อนไหวแล้วและดังนั้นจึงเริ่งความเร็วขึ้นมาเท่า ๆ กัน
หมอกสีเลือดที่บางลงทำให้เสียงสะท้อนจากด้านหลังเขานั้นชัดเจนมากขึ้น เงาที่อยู่ในตึกสีแดงใกล้ ๆ ตัวสั่นและโซเซ ผีและฆาตกรที่ติดอยู่ที่นั่นฉลาดพอที่จะพบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องและออกมาจากที่ซ่อนกันหมด
“มันยิ่งมากยิ่งน่าตื่นเต้น ฆาตกร วิญญาณ และเรื่องผีที่คุณคิดภาพไม่ออก นี่สิคืองานปาร์ตี้ของความมืด”
วิ่งไปตามถนน รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินเกอก็กว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ
TL note: หลังจากที่ผู้แปลป่วย ๆ หาย ๆ มาเป็นเดือนทางบ้านก็ไม่วางใจให้อยู่คนเดียวและสั่งให้กลับบ้าน และทางผู้แปลลืมนำคอมพิวเตอร์ตัวที่ใช้ทำงานไปด้วย ต้องขออภัยกับผู้อ่านทุกท่านมากจริง ๆ ที่จู่ ๆ ก็หายเงียบไปเลย รู้สึกผิดมาก ๆ