หมอกบางลง และพระจันทร์สีเลือดที่แขวนอยู่บนท้องฟ้าก็เห็นได้ชัดเจนขึ้น พระจันทร์สีเลือดนั้นส่องแสงสีแดงของมันลงมายังเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้จนเกิดเป็นเงาน่าเกลียดที่บนพื้น

ปัง!

หน้าต่างบานหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ เฉินเกอถูกผลักเปิดออกจากด้านในอย่างหยาบคาย และชายแปลกหน้าคนหนึ่งที่มีผ้าพันแผลพันศีรษะไว้โดยรอบก็ชะโงกหน้าออกมา เขาจับตามองเฉินเกอมานานแล้ว และเขาก็กำลังรอเวลาที่จะลงมือ เขาไม่ได้เจาะจงทำร้ายเฉินเกอ เขาอาจจะแค่คิดว่าผู้ชายคนนี้ขวางทางหรือการฆ่าเฉินเกอจะนำความสนุกและผ่อนคลายมาให้เขาได้ชั่วคราว

เป็นความคิดในแบบของปิศาจร้าย วิธีการทำงานของสมองพวกมันนั้นต่างไปจากคนทั่วไป– พวกมันไม่เคยสนใจผู้อื่นและไม่เคยคิดถึงผลที่จะตามมาจากการกระทำของตน มักจะตัดสินใจโดยไม่วางแผน และพวกมันยังยั่วยุได้ง่ายและโกรธได้ง่ายเพราะว่ามีความก้าวร้าวโดยธรรมชาติอยู่เป็นส่วนใหญ่

เลือดซึมผ่านผ้าพันแผลออกมา เฉินเกอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้หน้าตาเป็นอย่างไรภายใต้ผ้าพันแผล แต่เขาก็ประมาทไม่ได้ เมื่อชายแปลกหน้าคนนั้นเหยียดแขนผอมบางแต่ก็มีกล้ามเนื้อมาทางเฉินเกอ คิดจะลากเขาเข้าไปในห้อง เฉินเกอก็ก้าวเท้าไปข้าง ๆ ก้าวเล็ก ๆ และเหวี่ยงค้อนตอบกลับไป

กระทั่งในเมืองหลี่ว่าน อาวุธสังหารชนิดนี้ก็ยังหาได้ยากมาก เงานั่นผลักฆาตกรเหล่านี้เข้าไปในห้องขังรูปแบบหนึ่งเพื่อฟูมฟักความรู้สึกด้านลบ ไม่ใช่เพื่อสร้างอะไรแบบสนามประลองขนาดใหญ่พวกนั้น ดังนั้นอาวุธที่คนเสียสติเหล่านี้ใช้ในการสังหารจึงมักจะเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน

ไหล่ของชายแปลกหน้าคนนั้นยุบเข้าไป และผ้าพันแผลที่บนหน้าของเขาก็เลื่อนต่ำลงมาเล็กน้อยเผยให้เห็นดวงตาสองข้างที่เต็มไปด้วยความงุนงง เขาไม่รู้ว่าเฉินเกอไปเอาค้อนเหล็กใหญ่ขนาดนั้นมาจากไหน ความรู้สึกไม่พอใจที่ฝ่ายตรงข้ามขี้โกงแต่ว่าเขาก็ไม่ทำอะไรได้ผุดขึ้นในใจเขา

ผู้ชายคนนั้นเอนตัวไปข้างหลังและถอยกลับเข้าไปในที่ซ่อนของตัวเอง ปกติแล้ว เวลาที่คนคนหนึ่งหนีเอาชีวิตรอด พวกเขาก็มักไม่สนใจตัวประกอบไร้ความสำคัญ แต่ว่าเฉินเกอนั้นเป็นข้อยกเว้นอย่างเห็นได้ชัด

“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นคนหรือว่าเป็นผี แต่ในเมื่อแกอยากฆ่า แกก็ต้องเตรียมตัวถูกฉันพาตัวไปเหมือนกัน นั่นเป็นความยุติธรรม” เขากระโดดผ่านหน้าต่างเข้าไปในบ้านและไล่ตามไปพร้อมค้อนที่ยกสูง ”ในเมื่อแกวางแผนจะฆ่าฉัน แกก็ย่อมไม่ใช่คนบริสุทธิ์ ช่วยแกเอาไว้ไม่ได้ทำให้ฉันได้รางวัลตอบแทนจากโทรศัพท์เครื่องดำมากขึ้น อย่างไรแกก็มีแต่จะก่อความวุ่นวายให้สังคมมากขึ้น ดังนั้นฉันจะใช้โอกาสนี้จัดการกับแกซะ”

บ้านที่ก่อนหน้านี้เงียบกริบวุ่นวายขึ้นมาทันทีที่เฉินเกอกระโดดเข้าไปข้างใน สำหรับเฉินเกอ ประตูไม้ธรรมดานั้นเป็นสิ่งที่สามารถจัดการได้ด้วยค้อน– ต่อให้เขาถูกประตูนิรภัยหยุดเอาไว้ เขาก็ยังพังลงมาได้ด้วยการเหวี่ยงค้อนไม่เกินห้าครั้งเท่านั้น

ชายแปลกหน้าไม่เคยเห็นปฏิกริยาเช่นนี้มาก่อน เฉินเกอนั้นตามหลังเขามาติด ๆ แล้วก่อนที่เขาจะมีโอกาสหนีออกไปจากบ้านนี้ กระโดดผ่านหน้าต่างทางซ้ายและบุกผ่านหน้าต่างทางขวา ทั้งหมดนี้ใช้เวลาน้อยกว่าครึ่งนาทีด้วยซ้ำ

เฉินเกอที่คว้าผ้าพันแผลเนื้อหยาบที่ดึงมาจากหน้าของชายคนนั้นเอาไว้เพิ่งมองมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโยนมันลงไปในกระเป๋าสะพายหลัง “ฉันจะเก็บมันไว้เป็นของที่ระลึก”

ในเกมของเสี่ยวปู้ ถนนนั้นอันตรายมากในตอนกลางคืน และมันก็ไม่ต่างไปจากสิ่งที่เฉินเกอประสบอยู่ตอนนี้ แต่ว่า ความแตกต่างใหญ่หลวงที่สุดก็คือ ในเกม ตัวละครหลักนั้นเป็นเสี่ยวปู้ที่อ่อนแอและไร้พลัง แต่ว่าคนที่เดินไปตามถนนในชีวิตจริงนั้นเป็นประธานคนใหม่ของสมาคมเล่าเรื่องผี

“เรื่องใหญ่ที่สุดตอนนี้ก็คือฉันยังไม่รู้เลยว่าเป้าหมายของคุณหมอเกาคืออะไร ดังนั้นสำหรับตอนนี้ ฉันทำได้แค่หวังว่าพวกเขาจะสู้กันต่อจนหมดแรงไปเอง” เส้นทางที่เฉินเกอเลือกใช้นั้นไม่มีรูปแบบให้สังเกตได้ ถ้ามีคนหรือผีดึงดูดความโมโหของเขาได้ เขาก็จะเปลี่ยนทางไปไล่ตามตัวตนเหล่านั้น ตัดผ่านเมืองเล็ก ๆ นี้ไปมา

ตึกส่วนใหญ่ในเมืองหลี่ว่านนั้นมีวิญญาณอาฆาตและฆาตกรเหี้ยมโหดซ่อนตัวอยู่ สำหรับคนธรรมดาแล้ว แค่เสียงของพวกมันก็น่ากลัวมากพอแล้ว แต่สำหรับเฉินเกอนั้น มันเหมือนกับการจับสลาก ก่อนที่เขาจะพุ่งเข้าไปในตึก เขาจะเต็มไปด้วยความคาดหวังบางอย่าง เขาอธิบายไม่ได้ว่าทำไม– บางทีมันอาจจะเป็นเพราะว่าเขามีความอยากรู้อยากเห็นเต็มเปี่ยม

“ฉันรู้สึกเหมือนเป็นคนทำความสะอาดถนนอะไรอย่างนั้น ถ้าเพียงแต่ประตูในเมืองหลี่ว่านไม่หลุดออกจากการควบคุม อย่างนั้นฉันก็สามารถกลับมาทำความสะอาดที่นี่ได้เป็นประจำ” พระจันทร์สีเลือดส่องแสงสว่าง หมอกเลือดกระเพื่อมไหว เฉินเกอวิ่งไปตามถนนภายใต้การจับตามมองของดวงตาชั่วร้ายนับไม่ถ้วน

“เงารูปร่างมนุษย์ยังอยู่แถว ๆ แยกต่าง ๆ ชายมีรอยสักเคยบอกว่าเงาพวกนี้นั้นมาจากร่างเนื้อของเงานั่น ดังนั้น มันต้องมีความเชื่อมโยงบางอย่างระหว่างเงาเหล่านี้และเงานั่น” เฉินเกอเข้าใจว่าที่เขาไม่ได้เจอสัตว์ประหลาดมากนักในเมืองหลี่ว่านเป็นเพียงเพราะว่าเงานั่นยุ่งกับการรับมือกับคุณหมอเกาและไม่สามารถแยกตัวมาสนใจเฉินเกอได้ ถ้าพวกเขาพบว่าทั้งคู่ต่างไล่ล่าเฉินเกอ เช่นนั้นสถานการณ์ก็จะเปลี่ยนไปอย่างมากมาย

“ถ้าฉันทำได้ดี ฉันจะสามารถดึงเรื่องนี้ออกไปได้อีกระยะหนึ่ง” เฉินเกอคว้าค้อนคุณหมอนักเจาะกะโหลกและเล็งมันไปที่หน้าต่าง ตราบใดที่เขามองเห็นเงาคนในตึก เขาก็จะบุกเข้าไปในตึกนั่น ด้วยค้อนนี่ ไม่ว่าเฉินเกอตัดสินใจจะไปที่ใด มันย่อมมีทางให้ไปเสมอ หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง เขาใช้กำลังเปิดทางบุกไปในเมืองหลี่ว่าน

ทั้งนี้ หมอกเลือดนั้นเป็นเหมือนตัวแทนของเงานั่น ตอนนี้หมอกเลือดนั้นบางลงและยังมีเสียงประหลาดก้องผ่านมันมา วิญญาณและฆาตกรที่ถูกขังเอาไว้ต่างพบว่าโอกาสของพวกมันมาถึงแล้ว เดิมที เสียงประหลาดนั่นดังมาแค่จากด้านหลังเฉินเกอ แต่ทั้งเมืองหลี่ว่านก็ค่อย ๆ เต็มไปด้วยความน่ากลัวและเสียงกรีดร้องอย่างช้า ๆ

เมืองทั้งเมืองตกอยู่ในหายนะ เมืองหลี่ว่านที่เงานั่นควบคุมมาเป็นระยะเวลานานจมดิ่งสู่ความบ้าคลั่ง ความบ้าคลั่งที่ถูกบีบให้มารวมกันในที่สุดก็มีโอกาสระเบิดออกในรูปแบบที่แต่ละตัวตนที่แสนบ้าคลั่งคืบคลานออกจากที่ซ่อนของพวกมัน

ไม่ว่าจะเพื่อหนีหรือว่าเพื่อปลดปล่อยความดำมืดในหัวใจของพวกมัน มนุษย์และวิญญาณที่เป็นตัวแทนของความมืดที่ในหัวใจมนุษย์ก็เริ่มเคลื่อนไหว ถ้าเงานั่นไม่ถูกหมอเกาสยบ มันก็คงจะสังหารเหล่าวิญญาณสักสองสามตนเพื่อเตือนพวกที่เหลือและบีบบังคับให้พวกมันต้องกลับไปยอมสยบ แต่ว่า เขาไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปได้ และยิ่งเขาปล่อยให้มันเกิดขึ้น สถานการณ์ก็จะยิ่งวุ่นวาย ความกลัวที่เงานั่นใส่เอาไว้ในหัวใจของพวกเขาสลายไปอย่างช้า ๆ ขณะที่พวกเขาเริ่มกลืนกินอารมณ์ด้านลบเข้าไป

เสียงกรีดร้องและเสียงหัวเราะก้องไปรอบ ๆ เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ เสียงต่อสู้ดังมาจากทุกแห่งหน หมอกเลือดเริ่มบางลงเรื่อย ๆ แต่กลิ่นเลือดกลับรุนแรงขึ้น

“นี่คือความบ้าคลั่งโดยบริสุทธิ์ มันค่อนข้างไม่น่าสบายใจ” เฉินเกอกระโจนข้ามฆาตกรที่หมดสติ ในเวลาเดียวกัน ซู่อินก็ม้วนวิญญาณสัมภเวสีที่ขวางทางพวกเขาอยู่เป็นก้อนกลม พวกเขาแยกกันรับผิดชอบหน้าที่– เฉินเกอรับมือกับคนเป็นขณะที่ซู่อินรับมือกับวิญญาณสัมภเวสีและวิญญาณอาฆาต

เพียงแค่ไม่กี่นาที ของประหลาดหลายอย่างก็ถูกโยนเข้าไปในกระเป๋าสะพายหลังของเฉินเกอ ตัวอย่างเช่น หัวฝักบัวที่ยื่นออกมาจากห้องน้ำห้องหนึ่ง มันมีวิญญาณสัมภเวสีของผู้ชายคนหนึ่งครอบครองอยู่ เขามีนิสัยชอบแอบมองคนอื่นอาบน้ำ ความสามารถในการต่อสู้ของเขานั้นต่ำกว่าศูนย์เสียอีก แต่ว่าเขาดูน่ากลัว เฉินเกอนั้นมีความรู้สึกว่าเขามีความสามารถในการเป็นพนักงานที่ดี ดังนั้นจึงตัดสินใจพาเขากลับไปด้วย

นอกจากนั้นแล้ว ยังมีอย่างอื่นอีกหลายชิ้น อย่างเช่นไฟฉายที่สามารถเปิดปิดเองได้ วิญญาณที่ซ่อนอยู่ใต้แก้วน้ำ ผีผู้หญิงที่ชอบซ่อนอยู่ใต้โต๊ะ และอื่น ๆ อีก

สิ่งที่เคลื่อนย้ายได้ง่าย เฉินเกอก็จะเก็บไป สิ่งที่จัดการได้ยากอย่างเช่นผีผู้หญิงที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะ เฉินเกอก็จะทุบโต๊ะเป็นชิ้น ๆ และให้ผีเข้าไปสิงอยู่ในชิ้นไม้ที่หักออกมา เขาสัญญากับเธอว่าเขาจะทำโต๊ะตัวใหม่ให้เธอในอนาคต

รางวัลจากภารกิจนั้นดีกว่าที่เฉินเกอคาดเอาไว้ เขาเปิดโทรศัพท์เครื่องดำ ที่หน้าพนักงานนั้นมีข้อความใหม่เพิ่มมาสองสามข้อความ

“ขอแสดงความยินดี ผู้เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าวิญญาณ! คุณเพิ่งได้รับวิญญาณสัมภเวสีชนิดพิเศษ– หลี่กุ้ย (วิญญาณสัมภเวสี) ความบ้าตัณหานั้นนำไปสู่ความขมขื่น เขาถูกไฟช็อตตอนที่พยายามติดกล้องแอบถ่ายในห้องน้ำที่เหนือฝักบัว ความสามารถพิเศษของเขาคือ กรรมเลว และมันสามารถส่งอิทธิพลต่อโชคของเขาและผู้คนที่รอบ ๆ คุณต้องการจ้างเขาเป็นพนักงานของคุณหรือไม่?

“ขอแสดงความยินดี ผู้เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าวิญญาณ! คุณเพิ่งได้รับวิญญาณสัมภเวสีชนิดพิเศษ– เหอเป้ยเป้ย (วิญญาณสัมภเวสี) ตายในอุบัติเหตุแก้วน้ำตกลงมาจากฟ้าตอนที่เดินเดินผ่านพื้นที่เขตที่พักอาศัย เธอไม่พึงพอใจกับการตายของเธอ จนกว่าเธอจะได้พบตัวฆาตกรที่แท้จริง เธอสามารถซ่อนอยู่ใต้แก้วน้ำ ตอนที่มีคนดื่มน้ำจากแก้วนี้ เธอก็จะสามารถจับสังเกตคนผู้นั้นได้จากใต้แก้ว พลังพิเศษ ถ่ายภาพ คุณต้องการจ้างเธอเป็นพนักงานของคุณหรือไม่?

“ขอแสดงความยินดี ผู้เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าวิญญาณ! คุณเพิ่งได้รับวิญญาณอาฆาตชนิดพิเศษ– หวังเหม่ย (วิญญาณอาฆาต) เธอป่วยด้วยภาวะทางจิต หวาดกลัวพื้นที่กว้าง และรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ในที่แคบ ๆ สาเหตุการตายของเธอนั้นยังเป็นปริศนา ตำรวจพบร่างของเธออยู่ในกล่องไม้ใต้โต๊ะ ไม่มีใครรู้ว่าเธอไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร และพวกเขาก็ไม่พบรอยนิ้วมือของบุคคลที่สองเลยสักรอยที่สถานที่เกิดเหตุ พลังพิเศษของเธอคือการดัดตน คุณต้องการจ้างเธอเป็นพนักงานของคุณหรือไม่?

“ขอแสดงความยินดี ผู้เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าวิญญาณ! คุณเพิ่งได้รับวิญญาณสีเลือดชนิดพิเศษ– ??? (วิญญาณสีเลือด)! ได้รับบาดเจ็บสาหัสและกำลังจะสลายไป ไม่ทราบชื่อจริง ไม่ทราบพลัง ไม่ทราบประวัติ ก่อนที่คุณจะทำตามคำขอร้องของเธอสำเร็จ คุณจะไม่สามารถจ้างเธอเป็นพนักงานของคุณได้”

เฉินเกอมองที่หน้านั้นและพบว่ารางวัลตอบแทนนั้นมากมายแค่ไหน มีวิญญาณอย่างน้อยสามดวงที่มีพลังพิเศษ และหญิงไร้หัวที่เป็นวิญญาณสีเลือด

“ฉันจะทิ้งคำถามเรื่องจ้างงานพวกเขาเอาไว้หลังทำภารกิจนี้สำเร็จ” เพื่อให้แน่ใจในคุณภาพของทีม สนใจแค่จำนวนอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ– สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือสมาชิกแต่ละคนนั้นสามารถจัดการตัวเองได้ เฉินเกอเก็บโทรศัพท์เครื่องดำลงไปและมองไปรอบ ๆ ตัว

เมืองหลี่ว่านนั้นบ้าคลั่งถึงจุดสูงสุด– เงานั่นน่าจะไม่สามารถบอกได้ว่าต้นกำเนิดของปัญหาอยู่ที่ไหนแล้ว และการปรากฏตัวของคุณหมอเกานั้นก็เป็นปัจจัยที่เปลี่ยนทุกอย่างไป ถึงจะฉลาดแบบเงานั่น ยิ่งวางแผนการอย่างละเอียด เขาก็ยิ่งไม่สามารถคาดเดาได้ว่าคุณหมอเกาเปลี่ยนไปเป็นวิญญาณสีเลือด และยิ่งไปกว่านั้น ยังมาปรากฏตัวในเวลาเช่นนี้

ข้อมูลนั้นเป็นตัวตัดสินทิศทางที่คนผู้หนึ่งจะเลือกเมื่อคิดวางแผนการ เงานั่นเคยสู้กับคุณหมอเกามาก่อน เงานั่นเก่งกาจในด้านจิตวิทยา และบังเอิญว่า คุณหมอเกาก็เป็นจิตแพทย์ที่ดีที่สุดที่จิ่วเจียงเคยมี ในการต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเงานั่นที่ชนะได้เฉียดฉิว คุณหมอเกาก็ยังทิ้งความประทับใจเอาไว้ให้เงานั่นอย่างลึกซึ้ง และมันก็ระแวดระวัง ‘คน’ คนนี้อย่างที่สุด

หมอกเลือดในเมืองหลี่ว่านสามในสี่ส่วนนั้นไปกระจุกอยู่ที่จุดจุดหนึ่ง เงาวูบวาบของโซ่สีแดงเข้มตัดผ่านหมอก ทิ้งรอยบาดลึกเอาไว้บนตึกรอบ ๆ

“เงานั่นปกป้องภารกิจระดับสี่ดาวเอาไว้ด้านหลัง ดังนั้นเขาย่อมต้องมีไพ่ตายใบอื่นที่ยังไม่ได้ใช้ ฉันสงสัยว่าหมอเกาจะสามารถกดดันเงานั่นได้อีกนานแค่ไหน” เฉินเกอให้ความสนใจกับการต่อสู้ระหว่างเงานั่นกับหมอเกาอย่างใกล้ชิด ในตอนนี้เอง มีเสียงตูมตามดังมาจากตึกที่ฟ่านฉงอาศัย ใคร ๆ ก็สามารถมองเห็นหลอดเลือดที่ปกคลุมอยู่ที่ด้านนอกตึกเริ่มเหี่ยวแห้งและตายไป

“ใครทำน่ะ? เป้าหมายของพวกเขาดูเหมือนจะเป็นประตูที่หลุดออกจากการควบคุมเช่นกัน” เฉินเกอนั้นค่อนข้างประหลาดใจ นอกจากตัวเขา คุณหมอเกา และเงานั่น ดูเหมือนว่าจะมีกองกำลังฝ่ายที่สี่ “เป็นผู้หญิงในชุดกันฝนสีแดง หรือว่ามีฆาตกรรวมกลุ่มกันขึ้นมาใหม่?”

ประตูนั้นเป็นแหล่งกำเนิดของหมอกทั้งหมดในเมืองหลี่ว่าน ดังนั้นเงานั่นจึงไม่เคยปล่อยให้ใครทำอันตรายประตูได้ เสียงประหลาดดังผ่านโซ่และหมอกมา มันเหมือนกำลังเรียกชื่อหนึ่งอยู่

“ในที่สุดเงานั่นก็กำลังจะเผยไพ่ใบที่สองแล้ว?” เฉินเกอนั้นตื่นตัวเป็นอย่างมาก ไม่ช้าเขาก็พบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ตั้งแต่เสียงนั่นดังมา รอยเปื้อนรูปร่างคนก็เริ่มหายไปจากด้านนอกตึกของเมืองหลี่ว่าน มันเหมือนกับว่าพวกเขาคือผู้พักอาศัยที่แท้จริงของตึกเหล่านี้

“นี่ดูคล้ายกับรอยเปื้อนที่ในตึกของฟ่านฉง หรือว่าเงานั่นวางแผนจะปลุกทุกคนที่ตายอย่างทรมานในเมืองหลี่ว่านขึ้นมา? ฆาตกรและวิญญาณส่วนใหญ่นั้นถูกส่งมาจากส่วนอื่น ๆ ของประเทศ รอยเปื้อนรูปคนดูเหมือนจะแทนคนพื้นที่จริง ๆ ของเมืองหลี่ว่าน พวกเขาตายจากโรคระบาดและถูกฝังเอาไว้ลึกใต้เมืองนี้

ทุกอย่างดูเหมือนกำลังเคลื่อนไหว เฉินเกอหันไปมอง และเขาก็เห็นรอยเปื้อนรูปคนที่ด้านหลังตัวเอง มันอยู่ในรูปร่างของเด็กหญิงคนหนึ่งที่ดูอายุราวเจ็ดหรือแปดปีและดูผอมเก้งก้าง ผมของเธอผูกไว้เป็นหางม้าสองข้าง

ตอนแรก ก็เป็นแค่เงาจาง ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เงาก็เริ่มเข้มขึ้นจนกระทั่งเฉินเกอสามารถมองเห็นรูปร่างของเด็กหญิงได้ชัดเจนขึ้น ร่างกายของเธอนั้นบิดเป็นก้อนกลม บางทีอาจจะเพื่อลดความเจ็บปวด แขนของเธอกอดตัวเองไว้แน่น แน่นจนกระดูกของเธอเริ่มเคลื่อน

กรอบ แกรบ แกรบ…

เสียงน่าขนลุกดังขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อไหร่ที่มันดังขึ้น รอยเปื้อนบนกำแพงก็จะชัดเจนขึ้นเหมือนมันพยายามจะดึงตัวเองออกจากกำแพง เสียงแทรกดังมาจากเครื่องเล่นเทป และเจ้าแมวขาวในกระเป๋าก็ร้องเหมียวใส่เฉินเกอไม่หยุด พวกเขาทั้งคู่กำลังเตือนเฉินเกอให้อยู่ให้ห่างจากเด็กหญิงคนนี้

“ทำไมซู่อินถึงไม่ปล่อยให้ฉันอยู่ใกล้ ๆ เธอ?” ตัวตนของเด็กสาวนั้นอ่อนแอกว่าวิญญาณสีเลือดมาก อันที่จริง เธอดูไม่ได้แข็งแกร่งเท่าวิญญาณอาฆาตที่เก่ง ๆ เลยด้วยซ้ำ แต่ว่ารอยเปื้อนหนึ่งกลับทำให้ทั้งซู่อินและเจ้าแมวขาวตื่นตัวได้ สียังเข้มขึ้นเรื่อย ๆ และบางทีมันอาจจะเป็นสายตาพร่าไปเอง แต่ว่าเฉินเกอรู้สึกเหมือนเขาเห็นเด็กหญิงขดตัวสั่น ๆ จากนั้นเด็กหญิงก็เงยหน้าที่ก่อนหน้านี้ฝังอยู่กับหน้าอกตัวเองขึ้นมาและหันมาหาเฉินเกอช้า ๆ

มันเป็นใบหน้าที่ไร้เครื่องหน้า แต่ว่า มองความว่างเปล่านั้นแล้ว เฉินเกอก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกหย่อนลงไปในน้ำเย็น และขนบนร่างของเขาก็ลุกชัน หลังจากอยู่กับวิญญาณมา ร่างกายของเฉินเกอนั้นมีอุณหภูมิต่ำลง และเขาก็ไม่เคยรู้สึกสันหลังเย็นวาบแบบนี้มานานแล้ว

“นี่ดูเหมือนจะไม่ใช่วิญญาณร้าย…” เฉินเกอนิยามวิญญาณร้ายว่าเป็นวิญญาณสัมภเวสีแบบหนึ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคนที่มีชีวิต

วิญญาณนั้นมีดีและร้าย ดังนั้นจึงย่อมมีวิญญาณอาฆาตที่ดีและร้าย แต่ว่า รอยเปื้อนรูปคนตรงหน้าเขานี้ดูเหมือนจะไม่มีอารมณ์ใด ๆ กลับกัน มันเต็มไปด้วยความต้องการทำลาย แทนที่จะเรียกว่าผี มันเหมือนกับคำสาปที่มีชีวิตมากกว่า จุดประสงค์ในการมีอยู่ของมันนั้นก็เพื่อแพร่กระจายหายนะและโชคร้าย เปลี่ยนทุกอย่างให้เป็นเหมือนตัวมันเอง

ตอนที่รอยเปื้อนในกำแพงเห็นฟางหยวน ร่างของเด็กหญิงก็คลายออกช้า ๆ และแขนขาที่เดิมบิดเบี้ยวก็เริ่มเหยียดออกขณะที่เธอเดินออกมาจากกำแพง

ใบหน้าไร้เครื่องหน้ามองตรงมาที่เฉินเกอ เด้กหญิงก้าวเข้ามา และเธอก็เริ่มเร่งความเร็วขึ้นก่อนที่จู่ ๆ จะกระโจนเข้าใส่เฉินเกอ!

ในเวลาเดียวกัน เสียงกรีดร้องก็ดังอยู่รอบ ๆ เมืองหลี่ว่านไม่หยุด เงานั่นดูเหมือนจะเริ่มการโจมตีแบบไม่เจาะจงแล้ว– ฆาตกรและวิญญาณทั้งหมดในเมืองหลี่ว่านคือเป้าหมายของเขา

“ฉันจะถอยก่อนตอนนี้” เฉินเกอไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าสัมผัสถูกรอยเปื้อนพวกนี้ เขาไม่สั่งให้ซู่อินหรือไป๋ชิวหลินรับมือกับมันด้วยซ้ำ แต่เขาหลบเด็กหญิงและตัดสินใจจับตามองสถานการณ์ก่อนที่จะเริ่มการเคลื่อนไหวถัดไป