มีเสียงกรีดร้องโหยหวนและเสียงคำรามดังอยู่ทั่วไป นี่เป็นการชำระล้างครั้งใหญ่ เงานั่นเผยความเหี้ยมโหดเฉียบขาดออกมาเมื่อสถานการณ์เรียกร้องให้ทำ มันยินดีฆ่าผู้บริสุทธิ์หนึ่งพันคนมากกว่าจะปล่อยให้คนร้ายหนึ่งคนหนีรอด หลังจากเฉินเกอวิ่งออกมาจากในตึก ไม่ช้าเขาก็ตระหนักถึงความรุนแรงของสถานการณ์ ถนน กำแพง และตึกที่ใกล้ ๆ… รอยเปื้อนรูปคนเริ่มปรากฏขึ้นทุกพื้นผิว
พวกมันโจมตีทุกอย่างที่อยู่ในสายตา ไม่ว่าจะเป็นคนเป็นหรือคนตายหรือวิญญาณ ตราบใดที่มันพบเจอ รอยเปื้อนก็จะโจมตีอย่างไม่ปรานี
“ไสหัวไป!” หน้าต่างบานหนึ่งของตึกทางซ้ายของเฉินเกอเปิดออก เฉินเกอมองผ่านเหล็กดัดกันขโมยเข้าไปเห็นชายคนหนึ่งที่สวมแค่กางเกงทุ่มโคมไฟตั้งโต๊ะไปที่มุมหนึ่งของห้องอย่างแรงเท่าที่ทำได้ ประตูห้องถูกผลักเปิดอย่างเงียบเชียบและรัศมีอันตรายก็กำจายเข้าไปในห้องตามมาด้วยรอยเปื้อนรูปคน จากนั้นด้วยความเร็วที่ไม่เข้ากับรูปร่าง มันก็พุ่งเข้าใส่ผู้ชายที่ข้างหน้าต่าง
“เชี่ยเอ๊ย! อย่าเข้ามาใกล้นะ!” ชายคนนั้นคว้าที่เขี่ยบุหรี่ที่ถูกทิ้งเอาไว้บนขอบหน้าต่างแล้วขว้างมันไปที่ชายแก่คนนั้น แต่ว่า ที่เขี่ยบุหรี่กลับพุ่งผ่านร่างของชายแก่ไปและไม่ได้ทำให้เขาเชื่องช้าลงเลยสักนิด ความกลัวในดวงตาของชายเปลือยท่อนบนนั้นปรากฏชัด เขาคว้าทุกอย่างที่เอื้อมถึงรอบตัวโยนพวกมันเข้าใส่ชายแก่ แต่ก็เหมือนกับที่เขี่ยบุหรี่ พวกมันไม่ได้ทำให้เขาเข้าถึงตัวช้าลงเลยสักนิด
“ฉันแย่งชิงบ้านหลังนี้จากไอ้พวกบ้าคนอื่น ๆ มันเป็นการต่อสู้อย่างยากลำบาก” ชายคนนั้นเคยเห็นสิ่งประหลาดมากมายในหลายปีที่ในเมืองหลี่ว่านของเขานี้ เขาเคยเจอกับหลาย ๆ อย่าง แต่ว่าก็รอดพ้นจากทุกอย่างมาได้ เขาเองก็เป็นคนสติวิปลาสคนหนึ่งและยังถูกครอบครัวส่งไปสถานพักฟื้นหลายต่อหลายครั้ง เขาเชื่อมั่นอย่างไม่สั่นคลอนในตัวตนของพระเจ้า แต่ว่าไม่เหมือนกับผู้ศรัทธาคนอื่น ๆ เขาเห็นตัวเองเป็นพระเจ้าที่ลงมาเกิด หลักฐานก็คือ ไม่ว่าเขาจะดูแลตัวเองไม่ดีแค่ไหน เขาก็ไม่เคยตายจริงสักที อมตะ นั่นคือสิ่งที่เขาใช้อ้างความเป็นพระเจ้าของตัวเอง
“เชี่ยเอ๊ย ไอ้แก่นี่! แกกล้าเป็นศัตรูกับพระเจ้าของแกเหรอ!” ชายคนนั้นไม่สามารถหนีออกทางหน้าต่างได้เพราะว่ามันมีเหล็กดัดกันขโมยติดเอาไว้ บ้านหลังนี้ที่ปกติทำให้เขารู้สึกถึงความปลอดภัยตอนนี้กลายไปเป็นกรงเหล็กขังมนุษย์ การสู้คือทางเลือกเดียวของเขา เขาคว้าเก้าอี้ที่ล้มตะแคงอยู่ข้างตัวเล็งไปที่หัวของรอยเปื้อนรูปคน
การทุบตีครั้งนี้น่าจะทำให้เกิดการกระแทกรุนแรง แต่ว่าเขาก็ต้องสิ้นหวัง เมื่อเก้าอี้กระแทกเข้ากับหัวของชายชรามันกลับราวกับทุบลงไปบนของเหลวแอ่งหนึ่ง เก้าอี้กระแทกผ่านรอยเปื้อน ผู้ชายคนนั้นรีบปล่อยมือจากเก้าอี้ แต่ว่าจากนั้น ชายแก่คนนั้นก็มายืนอยู่ตรงหน้าเขาเรียบร้อยแล้ว
เขาวิ่งไปที่ข้างเตียง และในที่สุดเขาก็สังเกตเห็นเฉินเกอที่ยืนดูอยู่นอกหน้าต่าง เขาร้องขอความช่วยเหลือจากเฉินเกอ แต่ว่ามันก็สายไปแล้ว รอยเปื้อนรูปคนนั้นปีนขึ้นไปบนร่างของเขา แนบติดอยู่กับแผ่นหลังของเขาก่อนที่จะสลายเข้าไปในร่างของเขาช้า ๆ
ร่างของชายคนนั้นเปลี่ยนไปเป็นสีเทาด้วยความเร็วไม่น่าเชื่อ มือของเขาที่กำอยู่ที่เหล็กดัดที่หน้าต่างค่อย ๆ อ่อนแรงลง เมื่อสูญเสียพละกำลัง ใบหน้าอื่นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขาอย่างช้า ๆ ราวกับจะซ้อนทับกัน ใบหน้าใหม่นั้นเหี่ยวย่น แห้ง และเป็นสีเทาซีด
ใบหน้าทั้งสองซ้อนทับกัน ผู้ชายคนนั้นสูญเสียสติจากความเจ็บปวดอย่างเหลือแสน เขาเริ่มคลานไปทางมุมหนึ่งของเหล็กดัดที่มีรูเล็ก ๆ ถูกตัดเปิดไว้ มันดูเหมือนจะเป็นทางออกฉุกเฉินที่เขาทำไว้ให้ตัวเอง หากไม่สนใจก็มองไม่เห็นแล้ว ตอนนี้เมื่อเฉินเกอคิดดูแล้ว ผู้ชายคนนี้ไม่ได้สวมเสื้อก็คงเป็นเพราะว่ามันอาจจะติดกับเหล็กดัดได้ตอนที่เขาพยายามหลบหนี
“ช่วยฉัน ช่วยฉันที!” รอยแผลแตกยับปรากฏขึ้นบนร่างของเขาเหมือนเขาถูกโบย สีหน้าของชายคนนี้นั้นเกินกว่าจะบรรยายได้ มันเหมือนกับมีอะไรบางอย่างคืบคลานอยู่ในหลอดเลือดและทำลายตัวเองจากข้างใน เลือดสีเทาซึมออกมาจากร่างของชายคนนี้ที่ใช้การไม่ได้ไปแล้ว แอ่งเลือดที่ก่อตัวอยู่ใต้ร่างเขานั้นเป็นสีดำสนิทและเต็มไปด้วยจุดเล็ก ๆ สีเทา
หลายวินาทีให้หลัง จุดสีเทา ๆ นั้นก็รวมเข้าด้วยกัน และมันก็คลานออกมาจากร่างของชายคนนั้น
ภาพนี้ เฉินเกอมองอย่างสงสัยเป็นที่สุด ชายแก่ดูเหมือนจะเกิดใหม่จากการฆ่าเหยื่อของตน และนอกไปจากความปรารถนาที่จะทำลายแล้ว เฉินเกอยังมองเห็นอารมณ์ที่สองจากชายแก่คนนั้น– ความอยากแก้แค้น ศพของชายคนนั้นนั้นติดอยู่ตรงเหล็กดัด และสิ่งที่น่ากลัวก็คือ หลังจากศพหล่นลงไปบนพื้น รอยเปื้อนใหม่ก็ปรากฏขึ้นตรงตำแหน่งที่เขาตาย
รอยเปื้อนนั้นยังคงไร้รูปร่าง แต่ว่าเฉินเกอก็รู้สึกว่ามันแค่ถูกทิ้งเอาไว้ให้เติบโต หลังจากนี้สองสามปี รอยเปื้อนรูปคนรอยใหม่ก็จะเข้าครอบครองที่ตรงขอบหน้าต่าง
“คนที่ถูกรอยเปื้อนฆ่าจะกลายมาเป็นรอยเปื้อนเสียเอง– สิ่งนี้มันเหมือนกับโรคติดต่อเลย” การตายของชายคนนั้นดูเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง และนี่ก็ลดความอยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับใครในพวกมันของเฉินเกอลง “ไพ่ตายของเงานั่นน่ากลัวจริง ๆ หลังจาก ‘การชำระล้างครั้งใหญ่’ รอยเปื้อนรูปคนก็จะเข้าครอบครองเมืองหลี่ว่านมากขึ้น”
เสียงประหลาดดังมาจากด้านหลังเขา ใบเด็กหญิงไร้ใบหน้าก็ยังตามอยู่ด้านหลังเฉินเกอ ในเวลาเดียวกัน ชายแก่ในบ้านก็เจอตัวเฉินเกอแล้ว และเขาก็เริ่มไล่ตามมา
“ทุกอย่างมีจุดอ่อนของมัน โชคร้าย ฉันไม่มีเวลามากพอที่จะค้นหา” เฉินเกออยากจะวิ่งหนีไปจากเด็กหญิงและชายแก่ เขาก็พบว่ายังมีรอยเปื้อนรูปคนอยู่ตามถนนอีกมาก
“นี่ดูไม่ดีแล้ว” เฉินเกอมองไปตามถนนด้วยดวงตาหยินหยาง รอยเปื้อนรูปคนมากมายในตึกล้วนกำลังเดินออกมา ฆาตกรหลายคนถูกบีบให้ออกมาที่ถนน และแน่นอนว่า พวกเขากำลังวิ่งไปในสองทิศทาง หนึ่งคือที่ที่เงานั่นกำลังสู้กับคุณหมอเกา และรอยเปื้อนรูปคนก็กำลังถูกนำไปทางนั้น แต่ว่าพวกมันทั้งหมดล้วนถูกดันกลับมาด้วยหมอกสีเลือดและโซ่
เฉินเกอไม่รู้ว่าอีกทิศทางนั้นจะนำไปสู่อะไร เพื่อไม่เผยตัวเองออกมา เขาตามหลังกลุ่มนี้ไปเงียบ ๆ กลืนตัวเองเข้าไปในกลุ่มฆาตกรบ้าคลั่ง สำหรับคนที่มีชีวิตรอดอยู่ในเมืองหลี่ว่านได้ ไม่ว่าจะเก่งกาจแค่ไหน อย่างน้อยที่สุดก็ยังต้องมีอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน– พวกเขาทั้งหมดล้วนวิ่งได้เร็วมาก ตอนที่คนผู้หนึ่งถูกวิญญาณอาฆาตไล่ตาม มีเพียงคนที่วิ่งหนีจากวิญญาณตนนั้นได้ทันถึงจะมีชีวิตรอดมาได้
เมืองหลี่ว่านนั้นไม่ได้ใหญ่นัก ถูกรอยเปื้อนกลุ่มหนึ่งไล่ตาม ไม่ช้ากลุ่มคนก็วิ่งวนไปรอบเมืองรอบหนึ่ง ในที่สุด พวกเขาหยุดอยู่ที่หน้าตึกอพาร์ทเม้นท์เก่าแก่หลังหนึ่ง ตึกนี้ดูเหมือนจะเก่ากว่าตึกอื่น ๆ ในเมือง มันมีลิฟท์พร้อมกับประตูแบบที่ยุบเข้าไปด้านในบานประตูลิฟท์ได้อย่างที่เห็นตามหนังเก่า ๆ น้อยครั้งที่ลิฟท์เหล่านี้จะถูกใช้ในตึกที่พักอาศัย– พวกมันปกติจะใช้ในการขนส่งของชิ้นใหญ่มากกว่า
“หลบไปให้พ้น ๆ!” ในลิฟท์นั้นจุคนได้ไม่มากนัก และทุกคนก็ต้องการเข้าไปข้างในนั้น เมื่อชีวิตของพวกเขาตกอยู่ในอันตราย กลุ่มฆาตกรโหดเหล่านี้ก็เผยนิสัยเดิมออกมา ความร่วมมือกันนั้นไม่มีความหมายในหมู่พวกเขา– พวกเขาไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะรวมกันเราอยู่ มีเพียงต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองเท่านั้น
อพาร์ทเม้นท์นี้สูงเก้าชั้นและดูจะเป็นตึกสูงที่สุดในเมืองหลี่ว่าน เฉินเกอมองไปที่ตึกนี้ด้วยดวงตาหยินหยาง และในไม่ช้าเขาก็ค้นพบสิ่งประหลาดของที่นี่ ตึกอื่น ๆ นั้นเต็มไปด้วยรอยเปื้อน แต่ตึกนี้นั้นเงียบอย่างน่าสงสัย ไม่มีรอยเปื้อนหรือว่าวิญญาณอาฆาต อันที่จริง มันเหมือนที่นี่นั้นเป็นแดนร้าง
“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าตึกนี่มีความน่ากลัวที่น่าหวาดกลัวเสียยิ่งกว่ารอยเปื้อนรูปคนเสียอีก?”
ฆาตกรคนที่เร็วที่สุดนั้นพุ่งเข้าไปในลิฟท์ได้แล้ว เขากดปุ่มลิฟท์ให้ปิด ไม่สนใจคนอื่นที่พยายามจะเข้าไปด้วย
ปัง!
ตอนที่คนด้านนอกทันรู้ว่าผู้ชายคนนั้นวางแผนจะหนีไปในลิฟท์คนเดียว พวกเขาก็โยนอาวุธทั้งหมดของพวกตนเข้าไปในลิฟท์ อย่างที่พูดถึงก่อนหน้านี้ ประตูลิฟท์นั้นเป็นแบบที่ยุบเข้าไปได้ หมายความว่ามีช่องว่างระหว่างประตูลิฟท์ นอกจากนี้ มันยังเปิดปิดช้ามาก ผลก็คือไม่มีใครในพวกเขาได้ขึ้นลิฟท์จากไป
“ฉันคิดว่าฉันจะใช้บันได” เฉินเกอไม่สนใจฆาตกรพวกนี้ คนพวกนั้นไม่ได้มีคุณสมบัติจะเป็นพนักงานของเขาได้ แทนที่จะสู้กับคนพวกนี้ เขาไปสำรวจดูด้วยตัวเองดีกว่า เขาเดินไปทางบันได และก่อนที่จะทันได้เดินขึ้นไป เฉินเกอก็ตัวแข็งอยู่กับที่เหมือนถูกช็อตเมื่อเงยหน้ามองขึ้นไป ที่ติดไว้ตรงทางไปบันไดนั้นเป็นโปสเตอร์ของสวนสนุกนิวเซนจูรี่!
โปสเตอร์นั้นเก่า และยังถูกฉีกขาดไปเป็นแถบใหญ่ แต่เฉินเกอก็ยังบอกได้ตั้งแต่มองแวบแรกเพราะว่าที่ตรงกลางของโปสเตอร์นั้นก็คือบ้านผีสิงของเขาเอง!
หลายปีก่อน ตอนที่สวนสนุกเพิ่มเริ่มเปิดบริการ บ้านผีสิงของเฉินเกอเคยเป็นเครื่องเล่นหลัก ตอนนั้น มันเป็นช่วงเวลาที่ข่าวต่าง ๆ นั้นไม่ได้กระจายไปอย่างรวดเร็วนัก สวนสนุกจึงได้แต่แปะป้ายโฆษณาและใบปลิวไปทั่วเมืองจิ่วเจียง และผู้เข้าชมที่มาที่สวนสนุกก็จะได้รับโปสเตอร์สวนสนุกที่ออกแบบอย่างละเมียด ถ้าใครชอบประสบการณ์ที่นี่ พวกเขาก็จะช่วยกระจายข่าวสวนสนุกออกไป
ถ้าเป็นแค่นั้น เฉินเกอก็คงไม่ตกใจ– เขาคงแค่ประหลาดใจ– แต่เขานึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ ระหว่างทางมาที่นี่ เขาได้รับโทรศัพท์จากฟ่านฉง ในสาย ฟ่านฉงบอกอย่างชัดเจนว่าเขาเล่นเกมของเสี่ยวปู้จบแล้ว และฉากสุดท้ายของเกมเสี่ยวปู้นั้นเข้าไปในตึกหลังหนึ่ง ที่กำแพงตึกนั้นมีโปสเตอร์ของสวนสนุกนิวเซนจูรี่ติดไว้!
“ฉันเจอแล้ว!” ขณะที่เฉินเกอวิ่งวุ่นไปทั่วเมืองหลี่ว่านก่อนหน้านี้ เขาค้นหาที่นี่ มันพ้นสายตาเขามาได้จนถึงตอนนี้ “เสี่ยวปู้น่าจะอยู่ที่นี่ และดังนั้นนี่จึงเป็นเงื่อนงำที่พ่อกับแม่ของฉันทิ้งไว้ให้!”
ที่ห้องเก็บศพใต้ดิน หลังจากเฉินเกอสู้กับคุณหมอเกา คุณหมอเกานั้นใช้สัมปชัญญะสุดท้ายที่เหลืออยู่ให้เฉินเกอดูรูปใบหนึ่ง ในรูป พ่อกับแม่ของเฉินเกอนั้นยืนอยู่กับเด็กหญิงชุดแดงคนหนึ่ง– เด็กหญิงคนนั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเสี่ยวปู้ ดังนั้น เฉินเกอจึงสามารถยืนยันได้ว่าเสี่ยวปู้นั้นรู้บางอย่างเกี่ยวกับพ่อกับแม่ของเขาเพราะว่าพวกเขามีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันมาก่อน!
ยิ่งเขาปลดล็อกภารกิจได้มากขึ้น เขาก็ยิ่งตระหนักได้ถึงความลึกลับเบื้องหลังการหายตัวไปของพ่อแม่ของเขาว่าลึกเสียยิ่งกว่าที่เขาคิดไว้ตอนแรก ขนาดของความลับนั้นมีแต่จะขยายขึ้น และมันยังเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เขาคิดว่าเขาเข้าใกล้ความจริง ความดำมืดที่ลึกล้ำยิ่งกว่าเดิมก็เผยออกมา
เขาเอื้อมมือไปแตะที่ขอบโปสเตอร์ เฉินเกอมองไปที่ทางเดินที่นำไปสู่ช่องบันได เขาเรียกพนักงานทั้งหมดของตัวเองออกมาและเดินหน้าไป
“มันถูกปิดเอาไว้?” เฉินเกอไม่รู้ว่านี่เป็นผลงานของเงานั่นหรือว่าเป็นตัวตึกเองที่ถูกผนึกเอาไว้มานานแล้ว ทางเดินนั้นถูกกำแพงอิฐขวางเอาไว้ ไม่มีช่องว่างเหลือเลย
ปัง!
เฉินเกอลองทุบกำแพงด้วยค้อน เขาพบว่ากำแพงนั้นหนาอย่างไม่น่าเชื่อ และมันก็ต้องใช้เวลากว่าที่จะทำให้กำแพงมีรอยแตกได้
“ดูเหมือนว่าลิฟท์จะเป็นหนทางเดียวเท่านั้น” เสี่ยวปู้อาจจะซ่อนอยู่ในตึกนี้ นี่อาจจะเป็นความลับสุดยอดของเมืองหลี่ว่านและความจริงเบื้องหลังการหายตัวไปของพ่อและแม่ของเขา เฉินเกอเปลี่ยนจากบุคลิกเป็นมิตรตามปกติของเขา เขาคว้าค้อนและวิ่งไปทางลิฟท์พร้อมกับซู่อิน “ถ้ามีใครกล้าเข้าใกล้ประตู ฉันจะตัดเชือกที่แขวนลิฟท์ทิ้งซะ!”
เฉินเกอตะโกนเมื่ออยู่ห่างไปแค่สิบเมตร น้ำเสียงของเขาราบเรียบและสงบ เขาไม่ได้ดูเร่งร้อนเป็นพิเศษ แต่ว่าฆาตกรทั้งหมดเริ่มเงียบลง
ตัวตึกเองนั้นไม่มีรอยเปื้อนรูปคน และรอยเปื้อนรูปคนที่ด้านนอกก็เริ่มช้าลงเมื่อมันเข้ามาใกล้ตึกนี่ แต่ว่า พวกมันก็แค่ช้าลง มันไม่ได้หยุด ตึกนี่ดูเหมือนจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สองของเงานั่น เมื่อมันพบว่ามีคนเข้ามาในตึกนี้ มันก็ส่งเสียงประหลาดมาอีกครั้งเหมือนกำลังเรียกชื่อใครสักคน
พอได้ยินเสียงนั่น รอยเปื้อนรูปคนก็เร่งความเร็วขึ้นและพุ่งมาทางตึกนี้
“ถ้าเงานั่นรู้ว่าเสี่ยวปู้ซ่อนอยู่ที่นี่ ทำไมมันถึงไม่มาตามหาเธอ? นี่เป็นอาณาเขตของมันแท้ ๆ” ฆาตกรหลายคนเบียดตัวเข้าไปในลิฟท์ ก่อนที่เฉินเกอจะมาถึง พวกมันก็เริ่มฆ่ากันเองเพราะน้ำหนักเกิน ไม่มีใครยินดีอาสาออกไปจากลิฟท์ ดังนั้นพวกมันจึงโยนศพออกมาแทน
หลังจากเฉินเกอเข้าไปในลิฟท์ ในที่สุดลิฟท์ก็เคลื่อนที่ มันสั่นแล้วเริ่มทิ้งตัวลงไปด้านล่าง
“ทำไมมันถึงลงข้างล่างล่ะ?” ฆาตกรคนที่ยืนอยู่ติดกับแผงควบคุมอ้าปากค้างอย่างตกใจ “ฉันแน่ใจว่าฉันกดชั้นบนสุด!”
“ไม่ต้องตกใจ บางทีอาจจะมีคนอยู่ด้านล่างต้องการขึ้นมาข้างบน” ในลิฟท์นั้นแน่นขนัดไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีพื้นที่รอบตัวเฉินเกอ
ตึกนี่นั้นมีชั้นใต้ดินสองชั้น เป็นชั้นใต้ดินให้เช่า ส่วนใหญ่แล้วเป็นชาวต่างชาติที่ไม่สามารถเช่าห้องที่อื่นได้ หลายปีก่อน ส่วนกลางของจิ่วเจียงนั้นวางแผนที่จะมุ่งพัฒนารอบ ๆ จิ่วเจียงตะวันออก ทุกคนล้วนมีความหวังเต็มที่กับโครงการนี้ พวกเขาสร้างโรงงานและตึกสูง และยังดึงดูดคนนอกอย่างเจียหมิงให้มาหางานทำที่นี่ แน่นอนว่า ไม่มีใครคิดว่าจิ่วเจียงตะวันออกจะจบลงแบบนี้ในหลายปีถัดมา
ลิฟท์เคลื่อนที่ช้ามาก และน่าแปลก เมื่อลิฟท์ผ่านชั้นใต้ดินชั้นแรก มันหยุด ลิฟท์เปิดออกไปยังพื้นที่ว่างเปล่า ผู้ชายคนที่ยืนอยู่ข้างแผงควบคุมรีบกดปุ่มที่น่าจะนำพวกเขาขึ้นไปที่ชั้นบน ครู่ต่อมา ประตูลิฟท์ก็ปิด แต่ลิฟท์ก็ยังไม่เคลื่อนที่ขึ้นด้านบน ยังคงลงไปข้างล่างต่อ ไม่ช้า มันก็เปิดประตูออกที่ชั้นใต้ดินชั้นที่สอง
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?” ชายคนนั้นกดปุ่มลิฟท์หลายครั้ง แต่ประตูลิฟท์ก็ไม่ยอมปิด เขาพยายามอยู่นานก่อนที่จะอ้าปากค้างอย่างตกใจ “ทำไมมันถึงบอกว่าน้ำหนักเกินอีกแล้วล่ะ?”
หน้าจอของลิฟท์รุ่นเก่าแบบนี้นั้นอยู่ที่แผงควบคุม และมันก็เล็กมาก และหากไม่สังเกตใกล้ ๆ ก็ไม่เห็นข้อความเหล่านี้
“ไม่มีใครออกหรือเข้าลิฟท์เสียหน่อย ทำไมจู่ ๆ พวกเราถึงได้น้ำหนักเกินกัน? มีบางอย่างเข้ามาในลิฟท์ก่อนหน้านี้เหรอ?” ทุกคนในลิฟท์นั้นอาศัยอยู่ในหลี่ว่านมาระยะเวลาหนึ่งกันแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงพอรู้สถานการณ์ต่างๆ ที่พวกเขาอาจจะเจอได้ที่นี่
ปัญหาตอนนี้ของพวกเขาก็คือจะอยู่ในลิฟท์ต่อหรือว่าจะออกไป ถ้าพวกเขาอยู่ในลิฟท์ต่อ พวกเขาก็อยู่กับผี แต่ถ้าพวกเขาออกไปจากลิฟท์ ก็อาจจะมีผีรอพวกเขาอยู่ที่ข้างนอกมากกว่านี้
“บางทีอาจจะมีบางอย่างผิดปกติกับลิฟท์นี่ ทุกคนยินดีออกไปดูไหมเผื่อว่ามันจะทำงานได้?” มีคนแนะนำขึ้น แต่ว่าก็ถูกปัดตกไปอย่างรวดเร็วเพราะไม่มีใครต้องการออกไป เทียบกับความมืดของชั้นใต้ดินแล้ว ขึ้นไปด้านบนนั้นเป็นตัวเลือกที่ฉลาดกว่า หรืออย่างน้อยที่สุด ธรรมชาติของคนก็บอกแบบนั้น
คุมเชิงกันอยู่อย่างนี้นั้นไม่ดี และเฉินเกอเองก็ไม่ได้คิดจะไปตามฆ่าเหล่าฆาตกรที่เหลือพวกนี้– เขาไม่เห็นเหตุผลอื่น ดังนั้น เขาจึงอาสาออกจากลิฟท์ไป น่าแปลก พอเขาออกไปจากลิฟท์ มันก็กลับมาเป็นปกติ
“นี่หมายความว่ายังไงกัน? ลิฟท์ตัวนี้ตรวจจับน้ำหนักของผีและเพิ่มตัวตนพวกนั้นเข้าไปทำให้น้ำหนักเกินงั้นเหรอ?”
หลังจากเฉินเกอออกไป พวกมันที่เหลือก็รีบปิดประตูราวกับเกรงว่าผู้ชายคนนี้จู่ ๆ อาจจะเปลี่ยนใจ
คราวนี้ ประตูลิฟท์ปิดลงตามปกติ ในวินาทีสุดท้าย เฉินเกอมองเห็นเงาร่างคนมากมายยืนหันหลังให้เขาอยู่ในลิฟท์
“ฉันขอให้พวกแกทุกคนโชคดีนะ”
เฉินเกอถือค้อนเอาไว้แล้ววิ่งไปตามทางเดิน สิ่งแปลก ๆ ที่เขารู้สึกนั้นเพิ่มมากขึ้น ตัวอย่างเช่น มีโปสเตอร์สวนสนุกที่อยู่ในสภาพดีอยู่บนกำแพง และยังมีเครื่องเล่นที่ถูกทิ้ง ทั้งหมดนี้ต้องเกี่ยวข้องกับบ้านผีสิงของเขาสักทางหนึ่ง
เขาวิ่งไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของชั้นใต้ดินและหยุดลงที่หน้าประตูบานหนึ่ง
ประตูบานนี้ดูคล้ายกับบานอื่น ๆ แต่ว่ามีก้นบุหรี่มากมายเกลื่อนอยู่รอบ ๆ ประตู และยังเป็นยี่ห้อเดียวกับที่พ่อของเฉินเกอโปรดปรานเป็นอย่างมากด้วย