TB:บทที่ 233 ศิษย์คนที่สอง

 

หลังจากใช้เวลาอยู่สองสามนาทีเพื่อเก็บของในสนามรบ เฉินหลงและไป่ไท่ฮางออกจากที่นั่นไปด้วยกัน เนื่องจากยังมี “มดสีทอง” ในภูเขานั้นอยู่ และหาก “มดสีทอง” ยังไม่โดนกำจัดไป ก็ยังไม่มีทางที่จะขุดเหมืองได้อย่างปลอดภัยเลย ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงจำต้องเปลี่ยนสถานที่

 

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามแต่ภูเขายังคงมีเป็นร้อยเป็นพันลูก ดังนั้นจึงเปลี่ยนไปอีกลูกเท่านั้น

เขาไม่รู้ว่าจะมีกฏเกณฑ์อะไรในภูเขาทั้งแสนลูกหรือไม่ แต่สัตว์บนภูเขาจะไม่ไปอยู่บนเขาลูกอื่น

ครึ่งชั่วโมงหลังจากที่เฉินหลงและไป่ไท่ฮางไปจากสถานที่ที่พวกเขาเพิ่งเผชิญหน้ากับมดสีทองแล้ว รังของมดสีทองอีกรังที่มีมดกว่าพันตัวก็เข้ามา เมื่อพวกมันเห็นว่าพวกที่เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับมันตายไปหมดแล้ว พวกมันทำเสียง “ขู่” ในทันที

จากนั้นเขาทั้งลูกเริ่มจะปะทุเสียง “ขู่” ออกมา

 

“เอาล่ะ ดูเหมือนว่าพวกเราจะไปแหย่รังมันเข้าแล้ว” เฉินหลงคนที่วิ่งอย่างว่องไวเบื้องหน้าในเขาอีกลูกว่า เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น เขาได้ยินเสียง “ขู่” นี่ดังด้วยความโกรธที่ไม่จบสิ้น

 

“ท่านเทพพวกมดสีทองนี่มีชื่อในความเป็นหนึ่งเดียวกัน พวกเราฆ่าเผ่าพันธุ์ของมันในรังเก่าและจัดการกับเขี้ยวใหญ่ๆนั่น แน่นอนว่าพวกมันจะไม่ปล่อยพวกเราไป” ไท่ฮางที่เก่าแก่แบกเสาเหล็กอันยักษ์พร้อมด้วยเขี้ยวอันใหญ่ มีหินอัญมณีและถุงพิษที่ห้อยไปด้วย เขาวิ่งอยู่หลังเฉินหลง

เนื่องจากพวกมันกินเนื้อ เขี้ยวใหญ่ๆของพวกมันจึงแข็งดังเหล็กกล้าและอาจจะแข็งกว่าเหล็กกว่าด้วยซ้ำไป

 

และเพราะว่าเป็นเช่นนั้นพวกมันจึงขุดเหล็กได้ อีกทั้งยังกัดให้ขาดและกินเข้าไปได้ด้วย และเนื่องจาก “มดสีทอง” พวกนั้นเป็นสัตว์สังคม พวกสัตว์ที่ไม่ได้แข็งแกร่งนักจะไม่กล้าท้าทายพวกมัน  และพวกสัตว์ที่แข็งแกร่งมักขยาดที่จะฆ่าสัตว์ที่อ่อนแอ ดังนั้นแล้วพวก “เขี้ยวงอของมด” พวกนี้จึงกลายเป็นของที่ยอดเยี่ยมไป

และฉะนั้น ไท่ฮางจึงเต็มใจจะเก็บของนี่ไปด้วย

 

ในระหว่างที่พวกเขาคุยกันอยู่นั้น มี “มดสีทอง” จำนวนหนึ่งอยู่เบื้องหน้าพวกเขาขวางทางเดินอยู่

โดยไม่กล่าวสิ่งใด มันไม่แม้มีโอกาสจะพ่นยาพิษ เฉินหลงจัดการทันที

เขาเห็นซากมดพวกนั้น ตาทั้งสองของไป่ไท่ฮางเป็นประกาย เขาพร้อมจะตัดมันเป็นชิ้นๆแล้ว

ทว่าเฉินหลงกลับกล่าวว่า “ดีล่ะ อย่ามัวอ้อยอิ่ง พวกมดสีทองทั้งภูเขาเหล่านั้นล่าพวกเราอยู่แล้ว หากเราช้าสักครึ่งนาที พวกเราคงได้ตายบนภูเขานี่”

สิ้นคำ เขาพุ่งเข้าไปหาร่างของมด เฉินหลงยิ้ม เขาหยิบหินอัญมณีขึ้นมาจากร่างของ “มดสีทอง” และใส่ลงไปในวงแหวนมิติ

เขาเห็นหินอัญมณีในมือเฉินหลงหายไป เขาเคยเห็นมีดพลันปรากฏขึ้นมาในมือเฉินหลงมาก่อน ไป่ไท่ฮางตามเฉินหลงไปและถามว่า “ท่านเทพ ท่านมีอุปกรณ์ช่องมิติติดตัวหรือ”

เฉินหลงมองไป่ไท่ฮางแบบแปลกๆ “คุณรู้จักเครื่องมือช่องมิติหรือ”

“ข้าเคยได้ยินมาบ้าง แต่ไม่เคยเห็น กล่าวกันว่าในเมืองใหญ่ทั้งหนึ่งร้อยแปดเมืองของอาณาจักรคุนหลุน เจ้าเมืองของแต่ละเมืองจะมีเครื่องมือช่องมิติอยู่ และยังกล่าวกันว่าเครื่องช่องมือมิติเหล่านี้นั้นพวกเขาได้รับต่อๆกันมาจาก “วิหารศักดิ์สิทธิ” และจะใช้โดยเจ้าเมือง” ไป่ไท่ฮางกล่าวขณะที่มองเฉินหลง ในที่ที่มีวงแหวนมิติอยู่บนตัวเฉินหลง

เจ้าเมืองทั้งหนึ่งร้อยแปดเมืองมีอุปกรณ์ช่องมิติ แล้วอะไรคือ “วิหารศักดิ์สิทธิ” นี่อีก พวกเขาสามารถสร้างอุปกรณ์ช่องมิติได้มากกว่าหนึ่งร้อยชิ้น เรื่องนี้ทำให้เฉินหลงสงสัยมากขึ้นเกี่ยวกับ “วิหารศักดิ์สิทธิ” นี่

แต่อย่างไรเสีย พลังของเฉินหลงยังคงอ่อนแอไป เขาจึงพักเรื่อง “วิหารศักดิ์สิทธิ” นี่ไปก่อนในตอนนี้

“เหมือนกับไป่วูจีและเฮยหยาง พวกเขามีอุปกรณ์ช่องมิติหรือไม่” เฉินหลงถาม

“ไม่ เมืองทั้งสองของพวกเขาเป็นเมืองเล็ก ผู้ครองเมืองไม่มีคุณสมบัติพอจะได้สนุกกับอุปกรณ์ช่องมิติ แต่อย่างไรเสียหากพวกเขาสะสมบุญมากพอและพยายามจะพัฒนาแล้ว พวกเขาจะสามารถมีอุปกรณ์ช่องมิติได้เมื่อพวกเขากลายมาเป็นเจ้าเมืองในหนึ่งร้อยแปดเมือง แต่เรื่องนี้ดูเป็นเรื่องยากเอามาก ยากมากจริงๆ” ไป่ไท่ฮางส่ายหัว

 

หลังจากนั้น เฉินหลงได้รู้จากไป่ไท่ฮางว่าที่คุนหลุนมีเมืองใหญ่หนึ่งร้อยแปดแห่ง เมืองขนาดกลางเจ็ดร้อยยี่สิบแห่งและเมืองเล็กสามพันหกร้อยแห่ง ดังนั้นแล้วหากเฮยหยางและไป่ไท่ฮางต้องการจะกลายมาเป็นผู้ครองเมืองละก็ พวกเขาคงทำได้เพียงฝัน สำหรับเมืองเล็กอย่างแคนน่อน(ปืนใหญ่) เมืองแบบนี้มีเยอะเหมือนกาแลกซี่

 

แต่อย่างไรเสีย ในทุกๆหนึ่งร้อยปี จะมีการบุกของฝูงสัตว์ครั้งใหญ่ และนอกจากเมืองใหญ่และเมืองขนาดกลางที่สามารถยืนหยัดได้นั้น เมืองเล็กๆต่างจะโดนรวมไปกับฝูงการบุกของสัตว์

“ไท่ฮาง คุณอยากจะเป็นศิษย์ของฉันไหม” เฉินหลงว่าไปในทันที

เมื่อได้ยินที่เฉินหลงว่าแล้ว ไป่ไท่ฮางอึ้งและนิ่งไป

เมื่อเฉินหลงเห็นดังนั้น เขาจับไป่ไท่ฮางและวิ่งต่อไป เขาไม่ต้องการจะเห็นศิษย์ของเขาโดนแทะจนกลายเป็นกระดูกขาวไปเพราะพวกมดสีทอง

“ท่านเทพท่านอยากจะรับข้าเป็นศิษย์จริงๆหรือ” ไป่ไท่ฮางมีสายตาอย่างตกตะลึง เขามองเฉินหลง

ตัวตนของเทพคือสิ่งใดกัน แม้ในเมืองใหญ่พวกผู้ครองเมืองพวกนั้นยังก้มกราบ เมื่อพวกเขาเห็นเฉินหลงก็ตาม ในตอนนี้เฉินหลงมีสถานะเป็นเทพ และแม้หากพวกเขาไม่ต้องการจะทำก็ไม่มีใครกล้ามาลบหลู่เฉินหลง

 

เนื่องจากการจะลบหลู่เฉินหลงคือการลบหลู่ “วิหารศักดิ์สิทธิ” การจะทำลายเมืองใหญ่ด้วยพลังของวิหารช่างง่ายดายราวบดขยี้มดตัวหนึ่ง แน่นอนว่าไป่ไท่ฮางตกใจเล็กน้อยด้วยข้อมูลนี้

“ใช่แล้ว แน่นอน แต่หากนายไม่อยากก็ไม่ต้องก็ได้” เฉินหลงพยักหน้า

“ได้สิ ได้เลย แน่นอนว่าข้าต้องการ” ในตอนนี้ไป่ไท่ฮางโต้ตอบราวกับเขากำลังอยู่ในภาวะปิติเคลิ้บเคลิ้ม

สิ้นคำไป่ไท่ฮางพร้อมจะให้ของขวัญชิ้นใหญ่กับเฉินหลง หลังจากนั้นเสี้ยววินาทีเขาพบว่าตัวเขากำลังโดนลากไปโดยเฉินหลง

“ไม่ต้องรีบฉลองไป รอจนกล่าวคุณจะได้ออกจากเขานี่ไปก่อนแล้วคุณจะฉลองได้” ตอนแรกเฉินหลงกำลังจะไปยังเขาอีกลูก ทว่าเขาเปลี่ยนใจ

 

มีเหตุผลสองอย่างที่เฉินหลงเปลี่ยนใจ เหตุผลอย่างแรกคือเขาต้องการรับไป่ไท่ฮางเป็นศิษย์ ประการที่สองคือหลังจากที่เฉินหลงเฉือน “มดสีทอง” ไปแล้ว เขาพบว่าพลังของเขาแข็งแกร่งขึ้น เขาต้องการจะเห็นว่าจะเขาพัฒนาพลังของเขาต่อไปโดยฆ่า “มดสีทอง” พวกนั้นได้หรือไม่ เนื่องจากไป่ไท่ฮางอยู่รอบตัวเขาแล้ว เฉินหลงไม่อาจจะทำสำเร็จได้ เมื่อพวกเขาเข้าไปยังภูเขา เฉินหลงและไป่ไท่ฮางใช้เวลาสองวันและเพราะพวกเขาต้องการจะเข้าไปสำรวจ ทว่าในตอนนี้ด้วยการหลบหนีแบบเต็มที่ของเฉินหลง จึงใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงเพื่อออกไปจากภูเขา

ทว่าเมื่อพวกเขาไปถึงตีนเขาแล้ว พวก “มดสีทอง” ไม่ได้ตามไล่พวกเขามาต่อ พวกเขาจึงทำเพียงพักอยู่ที่นั้น

พวก “อาณาจักรคุนหลุน” นี่แปลกไปเล็กน้อย ตอนแรกเมื่อโลกนี้มีพลังถึงระดับลมปราณ  เขาคงบินไปบนฟ้าได้ แต่อย่างไรเสีย อาณาจักรคุนหลุนนี่ ดูเหมือนจะกดไม่ให้เฉินหลงบินได้

ไป่ไท่ฮาง เขาคุกเข่าลงเบื้องหน้าและเรียกเฉินอาจารย์

“เอาล่ะ ยืนขึ้น” เฉินหลงมองตาไป่ไท่ฮางด้วยความพึงพอใจ

นี่คือศิษย์คนที่สองของเขาต่อจากฮัวหมิงเหริน เขายังเป็นศิษย์คนแรกและคนสุดท้ายในโลกนี้ด้วย หลังจากไป่ไท่ฮางแล้ว เฉินหลงไม่ต้องการจะรับศิษย์คนอื่นอีก