ตอนที่ 17 ข้ามีเพียงตาให้เจ้าเท่านั้น (2) โดย Ink Stone_Fantasy
หวังลู่นิ่งเงียบอยู่พักใหญ่ สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ร่างของอาเซี่ย
ท่าทีของอีกฝ่ายนั้นไม่มีด่างพร้อย ทว่าเพราะเหตุนี้จึงทำให้คนอื่นรู้สึกไม่สบายใจ เพราะข้อเสนอที่ว่าเป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ อาเซี่ยผลักตัวเองลงมาอยู่ในจุดที่ต่ำต้อยก็จริง แต่ด้านหลังของเขากลับมีกำแพงใหญ่ราวภูเขาตั้งอยู่
ทำไมน่ะหรือ เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะหากครั้งนี้อาเซี่ยเอาเงินทองมากองให้ หรือต่อให้เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นเยี่ยมก็ตาม หวังลู่ก็อาจจะใช้ข้ออ้างที่ว่า บิดาของเจ้าคนนี้เป็นคนมีคุณธรรมและซื่อสัตย์อย่างไม่มีข้อกังขา ของราคาถูกเหล่านี้ไม่อาจซื้อข้าได้ ทว่าในเมื่ออีกฝ่ายอุตส่าห์ควักเอาลูกตาตัวเองออกมา เขาจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร หากเขายังยืนกรานไม่รับ เขาจะไม่ดูเห็นแก่ตัวขณะที่สำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ถูกผลาญจนไม่เหลือหรือ
ถึงตอนนั้น คนที่จองหองอย่างไร้เหตุผลย่อมไม่ใช่สำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์แต่เป็นหวังลู่เอง
เขาต้องยอมรับว่าวิธีนี้แม้จะโหดร้ายเลวทราม แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายตกอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หวังลู่ยังคงเงียบอยู่ เมื่อมองใบหน้าที่เคลือบรอยยิ้มแฝงความในที่ฉีกกว้างขึ้นเรื่อยๆ ของอาเซี่ย ในใจของหวังลู่ก็ค่อยๆ ขุ่นเคืองขึ้น
หวังลู่ผู้นี้ยอมถูกเกลี้ยกล่อมได้แต่ไม่ยอมถูกบังคับ และหากจะพูดอย่างซื่อตรง เขายอมให้กับข้อโต้แย้งที่ไม่อาจปรองดองได้เท่านั้น ไม่เช่นนั้นเขาก็มักมีทางออกให้การกระทำต่างๆ อยู่เสมอ ทว่าครั้งนี้ท่าทีอ่อนนอกแข็งในของอาเซี่ยกลับทำให้หวังลู่โกรธขึ้นมา
น่าสนใจนี่ อยากจะเล่นเล่ห์กับข้าใช่ไหม เจ้าแน่ใจแล้วนะ
ทว่าก่อนที่หวังลู่จะได้ทำอะไรลงไป เขาก็ได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างเวทนาของเสี่ยวชีดังมาจากด้านหลัง “หากเจ้าจริงใจจริงๆ ทำไมจึงใช้ของของผู้อื่นเป็นหลักฐานเล่า เจ้าเองก็มีตา ทำไมจึงไม่ควักลูกตาตัวเองออกมา!”
พูดจบ เสี่ยวชีก็ฉวยไม้เท้านักบวชขึ้นมา สืบเท้าไปข้างหน้าหลายก้าว ลำแสงสีทองเปล่งประกายออกจากไม้เท้าลำหนานั่น ภายใต้แสงนั้น หวังลู่รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ทะลักออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ เขาอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ “คุณหนูเจ็ด นี่ท่าน…”
อึดใจถัดมาหวังลู่ก็นิ่งเงียบไป เขาเห็นกับตาว่าทุกครั้งที่หญิงสาวก้าวเดิน เงาของนางกลับสูงขึ้น ชุดสีม่วงรวมถึงไม้เท้านักบวชปล่อยลำแสงแห่งเซนที่นุ่มนวลออกมา ขณะก้าวเดิน นางก็ยกมือขึ้น แล้วกลีบดอกไม้ก็กระจายไปตามสายลม เสียงแห่งธรรมชาติหมุนวนเป็นวงกลม หนำซ้ำร่างของนางก็ดูราวกับมีเสียงสวดมนต์จากอรหันต์นับร้อยดังประสานกันออกมา รูปร่างที่สง่างามและการเคลื่อนไหวที่แข็งแรงนี้ทำให้ไม่อาจละสายตาได้
“น่าสงสารจริงๆ”
เสี่ยวชีมองที่เด็กสาวหูแมวด้วยสายตาเห็นใจอย่างสุดซึ้ง จากนั้นนางก็ยื่นไม้เท้าออกไป การเคลื่อนไหวนั้นดูเหมือนช้าแต่ความจริงแล้วเร็วจนไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้มีปฏิกิริยาตอบโต้
ทันใดนั้นหินตาแมวก็ลอยขึ้นและหมุนวน จากที่เป็นหินแข็งทื่อมันก็ค่อยๆ บวมขึ้น และค่อยๆ ชุ่มชื้นขึ้นจากตรงใจกลาง
ตอนนั้นเองแม้แต่อาเซี่ยผู้ลึกลับก็ยังมีสีหน้าประหลาดใจ ดวงตาขวาของหลิงเยียนถูกควักออกมาด้วยวิธีพิเศษก่อนที่จะถูกทำให้เป็นผลึกหิน มันกลายสภาพจากสิ่งมีชีวิตมาเป็นสิ่งที่ไร้ชีวิต ทว่าเมื่ออยู่ใต้แสงแห่งเซนของเสี่ยวชี สิ่งไร้ชีวิตนั้นก็ดูเหมือนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เป็นการกระทำที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างแท้จริง!
“ไป”
เสี่ยวชีถอนหายใจขณะที่ไม้เท้าในมือนางสั่นไหวเล็กน้อย ลูกตาในมือของหลิงเยียนกลายเป็นลำแสงและพุ่งเข้าไปในผ้าปิดตาของเด็กสาว นางร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็ถอดผ้าปิดตาออก ดวงตาที่ว่องไวและใช้การได้หมุนวนอยู่ในที่ของมัน และเห็นได้ชัดเจนดังเดิม
“… เป็นวิธีที่เยี่ยมจริงๆ” หวังลู่ตกใจ หินตาแมวกลายเป็นลูกตา ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันทำได้ยากแค่ไหน หนำซ้ำเสี่ยวชีเป็นเพียงร่างอวตารหนึ่งจากจำนวนหลายร่าง และมีพลังอิทธิฤทธิ์อยู่ในขั้นสร้างแกนระดับกลางเท่านั้น และแม้ไม้เท้านักบวชของนางจะเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ มันก็ยังห่างไกลที่จะสร้างปาฏิหาริย์เช่นนี้ได้
อาคมไม่ได้อยู่ที่ไม้เท้านักบวชแต่อยู่ที่เสี่ยวชี ด้วยตบะขั้นสร้างแกน นางสามารถเปลี่ยนสิ่งไม่มีชีวิตให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตได้ นั่นหมายถึงว่านางเข้าใจวิถีของการกลับชาติมาเกิดเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นวิถีหลักที่ผู้บำเพ็ญเซียนเซนเก่งๆ หลายคนล้มเหลวที่จะทำความเข้าใจ
แน่ละว่าคนที่เป็นสหายกับอาจารย์ของเขาย่อมไม่ใช่คนธรรมดา การทำเช่นนี้ ไม่เพียงแสดงให้เห็นพลังที่แสนมหัศจรรย์ของเสี่ยวชี แต่ยังแก้มืออาเซี่ยได้อีกด้วย
ลูกตาของเจ้ากลับคืนที่ไปแล้ว หากคิดจะปรองดองกัน เช่นนั้นก็ยื่นข้อเสนอมาใหม่ นอกจากนั้นเสี่ยวชีก็เพิ่งจะกล่าวไปเองว่าหากอาเซี่ยต้องการแสดงความจริงใจจริงๆ เขาก็ควรจะควักลูกตาตัวเองออกมา
แสงแห่งเซนและเสียงสวดมนตร์ยังคงดังออกมาจากไม้เท้าในมือของเสี่ยวชี ทว่าสารแห่งการ ‘ปลดปล่อยทุกสรรพสิ่งจากความทุกข์’ ภายในนั้นได้หายไปแล้ว หญิงสาวมองอาเซี่ยด้วยสายตาเยียบเย็น ราวกับกำลังรอให้ฝ่ายหลังควักลูกตาของตัวเองออกมา
นักบวชเซนเนื้อสุนัขมีวิชาเฉกเช่นนักบวชเซนแท้ๆ แต่กลับไม่มีความที่นักบวชเซนพึงจะมี หากนางอารมณ์ไม่ดี นางสามารถสวาปามสุนัขภูตนับพันที่อยู่บนเขาอวิ๋นไท่ได้ ดังนั้นการจะควักเอาลูกตาของคนบาปสักคนสำหรับนางก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
อาเซี่ยถอนหายใจ “น่าขายหน้าจริงๆ ดูเหมือนว่าการมาเยือนของเราในวันนี้จะผิดเวลาไปหน่อย งั้นเราค่อยเจอกันใหม่คราวหน้าเถอะ”
“คิดจะหนีงั้นหรือ”
หวังลู่เลิกคิ้วและก้าวออกมาด้านหน้า ในมือยังคงกำกระบี่แห่งเขาคุนอยู่ เขาพุ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายโดยไม่ใส่ใจถึงช่องว่างที่ไม่อาจเอาชนะได้ระหว่างตบะขั้นสร้างฐานระดับกลางและตบะขั้นสร้างแกนระดับกลางแม้แต่น้อย
อาเซี่ยยังคงมีสีหน้านิ่งเฉย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ใส่ใจกระบี่ที่หวังลู่เสือกเข้ามาสักนิด ต่อให้ไม่มีข้อจำกัดของการสาบานกับปีศาจในใจ พลังในการโจมตีของหวังลู่ก็ย่ำแย่เกินกว่าที่จะชายตาแล ทว่าครั้งนี้หวังลู่ไม่ได้ตัวคนเดียว ตอนที่เขาไสกระบี่ในมือไปด้านหน้า ด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบได้ หญิงสาวไร้เดียงสาด้านหลังก็ขยับตัวตาม และการเคลื่อนไหวของนางนั้นรวดเร็วยิ่งกว่าหวังลู่เสียอีก
หญิงสาวเสือกกระบี่ออกมาเช่นกัน แต่อาเซี่ยไม่อาจเพิกเฉยต่อการโจมตีของหลิวหลีได้ แม้ความต่างระหว่างตบะขั้นสร้างฐานระดับสูงกับตบะขั้นสร้างแกนระดับกลางจะเหมือนสวรรค์กับโลกมนุษย์ แต่ดูเหมือนว่ากระบี่กระจ่างใจจะสามารถข้ามสะพานไปสู่สวรรค์และเจาะทะลวงเข้าไปได้ นางแค่เสือกกระบี่เข้าไปตรงๆ แต่อาเซี่ยกลับรู้สึกว่าพลังอิทธิฤทธิ์ทั้งหมดในกายกำลังสั่นไหว หากเผชิญหน้ากันตัวต่อตัว เขาก็อาจจะยังต้านทานได้ แต่เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายมีนักบวชเซนเนื้อสุนัขลึกลับที่ความเชี่ยวชาญเรื่องเซนนั้นลึกซึ้งราวกับทะเลลึก อาเซี่ยจึงตัดสินใจที่จะหนี
อาเซี่ยกับหลิงเยียนมาด้วยกัน ดังนั้นเขาจึงไม่ควรหนีลำพัง อาเซี่ยก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว ลำแสงจากวิชาหลบหนีเปล่งประกายออกมาจากร่าง เขายื่นมือไปคว้าหลิงเยียน ทว่าเด็กสาวกลับตอบสนองช้าและไม่ได้ขยับตัวในทันที
ในตอนนั้นเอง ทิศทางกระบี่ของหลิวหลีก็เปลี่ยนไป มันพุ่งเข้าไปหาที่ว่างด้านหน้าของหลิงเยียนแทน คิ้วของอาเซี่ยเลิกสูงเมื่อสายใยระหว่างเขากับหลิงเยียนถูกกระบี่นั้นสะบั้นออก อึดใจถัดมา ลำแสงหลบหนีก็โอบรอบตัวเขาและในพริบตานั้นเองร่างของเขาก็ถูกย้ายออกไปหลายสิบลี้
ทว่าเด็กสาวหูแมวกลับถูกทิ้งไว้ที่เดิม
นี่คือกลยุทธ์เดียวกันกับที่ใช้รับมือฉือโฮ่ว ทว่าครั้งนี้สิ่งที่ถูกทิ้งไว้ไม่ใช่กะโหลกโบราณซึ่งเป็นถ้วยรางวัลแห่งชัยชนะ แต่เป็นสัตว์ภูตตบะขั้นสร้างแกนช่วงปลาย
เมื่อได้เห็นใบหน้าตื่นกลัวของหลิงเยียน ทั้งสามก็แทบไม่เชื่อว่านางจะเป็นคนเดียวกับผู้อาวุโสที่มีท่าทียโสโอหังเมื่อหลายวันก่อน