บทที่ 2349 หลอกถาม 3 / บทที่ 2350 หลอกถาม 4

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2349 หลอกถาม 3

ไม่นึกเลยว่าตี้ฝูอีจะจับได้นานแล้ว! เพียงแต่ไม่เปิดโปงนางเท่านั้น…

แววตาตี้ฝูอีเจือความเยาะหยันเอาไว้บางๆ

“อวิ๋นชิงหลัว เหตุผลที่เปิ่นจวินไม่เปิดโปงเจ้า ก็เพียงเพราะเห็นแก่ที่เจ้าเคยช่วยเปิ่นจวินไว้ครั้งหนึ่ง ไม่อยากให้เจ้าต้องขายหน้าเกินไปเท่านั้น เจ้านึกว่าเรื่องที่เจ้าทำจะสามารถปกปิดเปิ่นจวินได้จริงๆ น่ะหรือ?”

อันที่จริงเรื่องชุดกันเพลิงสองชุดที่ถูกส่งออกไป ตี้ฝูอีรู้อยู่แล้ว

เพียงแต่เขาก็คิดจะล่ออวิ๋นเยียนหลีเข้ามาเช่นกัน ใช้แผนซ้อนแผนเท่านั้น

ส่วนห้องลับแห่งนั้น เขาเคยเข้าไปสำรวจดูแล้ว คนที่ถูกคุมขังไว้ด้านในคือลูกน้องระดับล่างจำนวนหนึ่งของอวิ๋นชิงหลัว มิใช่ชาวมาร ดังนั้นตี้ฝูอีจึงไม่สืบสาวลงลึก เพียงสั่งให้คนจับตามองอย่างลับๆ

“อวิ๋นชิงหลัว เจ้าก็นับว่าเป็นพี่สาวของอวิ๋นเยียนหลี เจ้าติดตามอยู่ข้างกายเปิ่นจวินมีแผนการอันใด?”

“ไม่มีแผนการใด! ข้ากับเขาไม่ได้เดินอยู่บนเส้นทางเดียวกัน!”

อวิ๋นชิงหลัวพลันเงยหน้าขึ้น สุ้มเสียงตื่นตระหนก

“ข้าเป็นเพียงดวงจิตหนึ่งของพี่สาวเขาที่มาจุติ เขาไม่เคยมองข้าเป็นพี่สาวของเขาเลย เป็นเพียงเครื่องมือชิ้นหนึ่ง!”

ตี้ฝูอีมองนางอยู่เงียบๆ เพียงจ้องมองนาง ใบหน้าเฉิดฉันของอวิ๋นชิงหลัวแดงก่ำ

“เขาไม่เคยมองข้าเป็นคนด้วยซ้ำ! เพียงอยากให้ข้าขายชีวิตเพื่อเขา! ไม่สนใจความเป็นความตายของข้าเลย…ข้าไม่ใช่คนของเขา ตอนนั้นข้าแค่ไม่มีทางเลือก ข้าอยู่ที่แดนอสุราโดดเดี่ยวไร้ญาติมิตร ทำได้เพียงคล้อยตามเขา…”

“อวิ๋นชิงหลัว เจ้าไม่ได้พูดความจริงทั้งหมดออกมากระมัง? เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นดวงจิตหนึ่งของพี่สาวเขาที่มาจุติ เขาแค่ใช้ประโยชน์จากเจ้า แล้วเจ้าไปเกิดในทวีปซิงเยวี่ย ณ โลกเบื้องล่างได้อย่างไร? เจ้าใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นอย่างรุ่งโรจน์เฉิดฉายเลยนี่…”

ร่างกายอวิ๋นชิงหลัวพลันสั่นสะท้าน

“ข…ข้าไปเกิดที่ทวีปซิงเยวี่ยมาก่อนจริงๆ เป็นห้วงคิดของเซียนหญิงอวิ๋น ส่งดวงจิตหนึ่งไปยังโลกเบื้องล่าง ก็แค่…ข้าก็แค่…”

ดวงตานางฉายแววตื่นตระหนกแวบหนึ่ง ถึงแม้จะเลือนหายไปในชั่วพริบตา แต่ก็เล็ดรอดสายตาของตี้ฝูอีไปไม่ได้

“เป็นเจ้าจริงๆ สินะ! อยู่ที่นั่นเจ้าชื่ออวิ๋นชิงหลัวด้วยกระมัง? ใจกล้าไม่เบานี่ วางกับดักเปิ่นจวินอยู่หลายครั้ง…”

น้ำเสียงตี้ฝูอีแผ่วหวิว พูดจาคลุมเครือ คล้ายว่าเป็นเพียงการพลั้งปากออกมา แต่พอกล่าวประโยคหลังออกมาก็กลั้นหายใจนิดๆ รอคอยคำตอบหนึ่งจากนาง

วาจานี้ของเขาปานสายฟ้าฟาด สั่นสะเทือนสมองอวิ๋นชิงหลัวจนเกิดเสียงดังหึ่งๆ

นางอ้าปากนิดๆ

“ท่าน…ขะ…ข้าไม่ได้วางกับดักท่านนะ…ตลอดมาข้าชมชอบท่านมาโดยตลอด!”

ม่านตาตี้ฝูอีหดตัวเล็กน้อย มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อพลันกำแน่น เอวที่อยู่ภายใต้เสื้อคลุมหดเกร็ง ทว่าสีหน้ายังคงราบเรียบเช่นเดิม

“ชอบข้างั้นรึ? ชมชอบที่ฐานะของข้าเท่านั้นกระมัง? ถึงอย่างไรยามนั้นเปิ่นจวินก็มีฐานะสูงศักดิ์…”

โลหิตแล่นพล่านขึ้นสู่สมองของอวิ๋นชิงหลัวแล้ว

“ไม่! ไม่ใช่แน่นอน! ต่อให้ตอนนั้นท่านไม่ใช่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ข้าก็ชอบท่านอยู่ดี ข้าชอบที่ตัวตนของท่าน มิใช่ฐานะอันใด…”

ในที่สุดก็หลอกล่อให้คายออกมาได้แล้ว!

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย! ที่แท้เขาก็คือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย!

เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเบาะแสร่องรอยถูกลบทิ้งไปหมดแล้ว เพียงแต่กู้ซีจิ่วยังคงจดจำได้รางๆ เฝ้าติดตามหาคนอย่างโง่งมมากว่าสองร้อยปี!

ไม่น่าเชื่อเลยไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นอดีตชาติของเขาจริงๆ!

ปลายนิ้วตี้ฝูอีเย็นเฉียบ หัวใจเต้นแรงจนจังหวะหัวใจแทบจะรวนแล้ว เขาฝืนข่มหัวใจที่เต้นระรัวเอาไว้ ยกมุมปากขึ้นแวบหนึ่ง

“อวิ๋นชิงหลัว เจ้าจดจำเรื่องราวที่เกี่ยวกับข้าผู้เป็นทูตสวรรค์ได้ไม่น้อยเลยนี่ เช่นนั้นที่เจ้าช่วยข้าไว้เมื่อหนึ่งปีก่อน ก็เป็นเพราะจดจำข้าผู้เป็นทูตสวรรค์ได้ใช่ไหม?! ทว่าฉวยโอกาสที่ข้าเสียความทรงจำไปหลอกลวงซ่อนเร้นมาโดยตลอด! นี่คือคำว่าชอบของเจ้าหรือ?”

ปกติอวิ๋นชิงหลัวมักจะพูดจารอบคอบยิ่ง ปากปิดสนิทยิ่งกว่าฝาหอย ตี้ฝูอีเคยหลอกถามนางหลายครั้งแล้ว ไม่เคยหลอกถามอะไรออกมาได้เลย

หนนี้จึงถือโอกาสที่อวิ๋นชิงหลัวบาดเจ็บสาหัส ซ้ำยังว้าวุ่นใจเพราะตี้ฝูอีลงทัณฑ์นาง จิตใจระส่ำระส่าย พอเห็นว่าตี้ฝูอีมีท่าทีคล้ายว่าจะฟื้นฟูความทรงจำในชาติก่อนได้แล้ว แถมเขายังหลอกถามได้แนบเนียนยิ่งนักอีก จึงทำให้นางเข้าใจผิดว่าเขาจำเรื่องราวในชาติก่อนได้แล้ว ดังนั้นถึงได้พูดออกมา

————————————————————————————-

บทที่ 2350 หลอกถาม 4

อวิ๋นชิงหลัวกัดริมฝีปาก ขณะนี้ความคิดจิตใจของนางถูกเปิดเปลือยออกมาต่อหน้าตี้ฝูอีแล้ว นางก็คร้านจะเฉไฉไปอีก

“ใช่ ข้าก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าท่านจะมาที่แดนอสุรา ทันทีที่มองออกว่าเป็นท่านข้าก็ยินดีจนแทบบ้า ถึงได้ยอมสละทุกสิ่งเพื่อช่วยเหลือท่าน แสร้งตายได้อย่างไม่ลังเล”

ในดวงตานางมีน้ำตาเอ่อคลอ

“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ข้ารักท่านมาสองชาติแล้ว”

ในที่สุดนางก็เอ่ยเรียกสมญานามเดิมออกมา ยื่นมือที่สั่นเทาออกมา หมายจะจับแขนเสื้อของตี้ฝูอี

นางอยากสัมผัสเขา อยากจนแทบคลั่งแล้ว! แม้ว่าจะเป็นการสัมผัสแขนเสื้อเขาก็ยังดี!

แต่ตี้ฝูอีไม่มอบโอกาสให้นางเลย เขาถอยหลังไปก้าวหนึ่ง อวิ๋นชิงหลัวคว้าได้เพียงอากาศ ซ้ำยังเกือบจะพลัดตกจากเตียงด้วย

“ข้าผู้เป็นทูตสวรรค์ไม่เคยชอบเจ้า!”

สุ้มเสียงตี้ฝูอีหมางเมิน

“ในสายตาเปิ่นจวินเจ้าไม่ต่างไปจากสตรีคนอื่นๆ เลย อวิ๋นชิงหลัว ถึงแม้เจ้าจะช่วยเหลือเปิ่นจวินเพราะมีจุดประสงค์แอบแฝง แต่เปิ่นจวินจะยังให้โอกาสเจ้าสักครั้ง ถ้าเจ้าไม่คว้าโอกาสนี้เอาไว้อีก เปิ่นจวินจะทำให้เจ้าอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้!”

ตี้ฝูอียื่นฝ่ามือออกมา

“มอบยาถอนพิษส่วนที่สองให้ข้า!”

ร่างกายอวิ๋นชิงหลัวพลันแข็งทื่อ

“ท่านพบนางแล้วหรือ?”

“พูดเหลวไหล!”

“ไม่น่าเชื่อว่านางจะยังไม่ตาย…”

“ถึงเจ้าตายนางก็ไม่ตาย!”

สีหน้าตี้ฝูอีทะมึนลง หากมิใช่เพื่อยาถอนพิษส่วนที่สอง อาศัยเพียงประโยคนี้ของอวิ๋นชิงหลัว เขาก็ซัดนางให้กระเด็นไปได้แล้ว!

วิชาแพทย์ของเขาเลิศล้ำ ยามที่เขาจับชีพจรให้กู้ซีจิ่ว ก็วินิจฉัยได้แล้วว่ามีพิษประหลาดตกค้างอยู่บริเวณหัวใจของนาง ตอนที่เขาขับพิษให้นาง ได้ลองสารพัดวิธีเพื่อขับออกมาให้นางแล้ว ผลคือไม่ประสบความสำเร็จเลย

ทำได้เพียงสะกดพิษไว้ตรงนั้นให้นาง ทำให้มันแพร่กระจายไม่ได้ชั่วคราว ทำให้นางไม่เจ็บปวดถึงเพียงนั้นอีก เคลื่อนไหวได้ไร้ขีดจำกัด

แน่นอน เขายังไม่วางใจ จึงนำโอสถพิทักษ์ชีพที่ท่านพ่อของเขามอบให้มาป้อนให้นางทันที

ประสิทธิภาพของโอสถนั้นล้ำเลิศ มีสรรพคุณยื้อชีวิตกลับมาจากความตายได้ ต่อให้เป็นคนตายถ้ากินโอสถนี้เข้าไปก็สามารถฟื้นกลับมามีชีวิตได้

นับประสาอะไรกับกู้ซีจิ่วที่ยังมีชีวิตอยู่เล่า?

ถึงแม้ให้ยาไม่ตรงโรค แต่ก็ช่วยปกป้องไม่ให้ชีพจรของนางถูกพิษประหลาดนั้นกัดกร่อนได้

แรกเริ่มที่กู้ซีจิ่วถูกพิษนั้น ชีพจรเสียหายอย่างหนัก ซ้ำยังเป็นประเภทที่ไม่อาจฟื้นฟูได้อีก ต่อให้วันหน้าแก้พิษได้ พลังยุทธ์ของนางไม่เพียงแต่จะถดถอยลงอย่างสิ้นเชิงเท่านั้น จะไม่อาจฝึกฝนวรยุทธ์ได้อีกแล้วด้วย

เว้นแต่นางจะละทิ้งสังขารนี้เสีย กลับชาติมาเกิดใหม่

แต่เมื่อมีโอสถพิทักษ์ชีพเม็ดนั้น ปัญหาข้อนี้ก็จะไม่คงอยู่อีกต่อไป

ถึงแม้ด้านการศึกษาวิจัยศาสตร์พิษของตี้ฝูอีจะสู้กู้ซีจิ่วไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็มีจอมมารหนิงเสวี่ยโม่ผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้พิษอยู่ หนิงเสวี่ยโม่เกรงว่าวันหน้าบุตรชายจะตกเป็นรอง จึงเขียนตำราพิษเล่มใหญ่ทิ้งไว้ให้เขา ให้เขาได้ศึกษาเรียนรู้

ตำราพิษเล่มนั้นครอบคลุมสารพัดชนิด ย่อมมีพิษประหลาดพิสดารมากมายเช่นกัน รวมถึงวิธีแก้พิษสารพัดวิธีด้วย

ส่วนเขาก็เฉลียวฉลาด และลึกๆ ในตัวเขาก็มีสัมผัสเฉียบไวต่อสิ่งนี้อยู่แล้ว หลังจากเขาได้ศึกษาค้นคว้า ก็เรียกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงคนหนึ่งแล้ว

หลังจากเขาตรวจสอบดูสักพัก ในที่สุดก็ทราบแล้วว่ายาถอนพิษที่คุณชายไผ่ขจีป้อนให้กู้ซีจิ่วเป็นเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ยังมีครึ่งหนึ่งอยู่

นี่ก็คือแหตุผลที่เขารีบร้อนกลับมา

ส่วนเรื่องที่ซัดคุณชายไผ่ขจีไปหนึ่งครั้งก่อนกลับนั้น แม้ว่าจะเป็นเพราะโกรธเคืองวาจานั้นของกู้ซีจิ่ว โกรธที่ตัวเองวิ่งตามหานางจนขาแทบหัก แต่นางกลับเข้าใจผิดว่าเขามาล้างแค้นให้ย่วนย่วน…

เขาอยากให้นางรู้ ถ้าหากเขาต้องการล้างแค้นให้ย่วนย่วน ก็ต้องหักซี่โครงคุณชายไผ่ขจีสามซี่ ถึงจะสมกับเป็นตัวเขาตี้ฝูอี

ในเมื่อนางเข้าใจเขาผิดแบบนี้ เช่นนั้นก็ทำให้มันกลายเป็นเรื่องจริงเสียเลย!

เหตุผลที่เขาลงมือยังมีอยู่อีกข้อ

คุณชายไผ่ขจีชอบสัมพันธ์รักใคร่ระหว่างศิษย์อาจารย์ คิดเกินเลยกับกู้ซีจิ่ว จึงทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส ต่อให้เจ้าคนชุดเขียวปี๋ผู้นั้นคิดไม่ซื่อกับกู้ซีจิ่ว เช่นนั้นก็นับว่ามีใจแต่ไร้กำลัง ต่อให้กู้ซีจิ่วอยู่ข้างกายเขาก็ปลอดภัยยิ่งนักอยู่ดี…

แน่นอน ยังมีเหตุผลข้อที่สามอยู่ด้วย เขาไม่สบอารมณ์คนทรามผู้นี้มานานมากแล้ว! คันไม้คันมืออยากจัดการเขา!