TB:บทที่ 236 พลังของเทวากึ่งเทพ

 

เขาเดินเข้าไปในถ้ำ เฉินหลงเห็นว่ามีส่วนที่นูนขึ้นมาคล้ายกับเป็นภูเขาเนื้อสัตว์ในถ้ำ เบื้องหลังของส่วนที่นูนนั้น ยังมีไข่สีขาวโปร่งแสงขนาดเท่ากับมะพร้าวที่ปกคลุมด้วยเมือกวางอยู่

ในตอนนี้ เฉินหลงเดินเข้าไปในถ้ำ สิ่งที่อยู่บนภูเขาเนื้อนี้กำลังจ้องเฉินหลงด้วยสายตาเกลียดชัง  มันรู้ว่าสิ่งมีชีวิตตรงหน้ามันคงฆ่าตัวอ่อนของมันไปหมดแล้ว ทว่าเขาต้องชดใช้สิ่งที่เขาฆ่าไป

“แกดูน่าเกลียด และช่างน่าละอายที่ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นเจ้าต้องตายเพื่อฉัน” เฉินหลงว่าและยกมีดนรกในมือขึ้นมา

โดยปกติแล้วหากกล่าวถึง “ราชินีมด” มันคงมารอเพื่อจะฆ่า จากนั้นมันทำเสียง “ขู่”

หลังจากได้ยินเสียงของราชินีมดเข้ามาในระยะใกล้แล้ว เฉินหลงพลันรู้สึกมึน

ราชินีมดใช้การโจมตีจิตใจ ในตอนนั้นเองมีมดสีทองสองตัวที่มีพลังถึงระดับลมปราณพุ่งเข้ามาจากหลังของราชินีมดและเข้าโจมตีเฉินหลง

การโจมตีทางจิตใจของราชินีมดช่างทรงพลังขนาดที่ว่าเฉินหลงไม่อาจจะโต้ตอบมดสีทองทั้งสองได้

 

เมื่อเฉินหลงโดนโจมตีโดยจิตของราชินีมด เขารู้ว่าพลังที่แท้จริงของมันไปถึงระดับ “หลอมรวมกับธรรมชาติ”

“มดเขมือบทอง” ทั้งสองเป็นองครักของราชินีมดและเป็นกลเม็ดสุดท้ายของราชินีมดแล้ว และเพราะเฉินหลงต้องการชีวิตของแม่พวกมัน เขาจึงควรจะโดนฉีกเป็นชิ้นๆ

เขี้ยวงอทั้งสี่แทงเฉินหลงที่จิตยังคงตื่นตกใจอยู่

เมื่อเขี้ยวใหญ่ของ “มดสีทอง” ปะทะกับระฆังทองของเฉินหลง พลังงานที่ทรงพลังทำให้เครื่องรางบนระฆังทองวิ่งพล่านอย่างว่องไว ในเวลานี้ กล่าวได้ว่าระฆังทองได้แสดงพลังอย่างเต็มที่เป็นครั้งแรก

 

แต่อย่างไรเสีย พลังของ“มดสีทอง”ทั้งสองทรงพลังเกินไป ระฆังทองไม่อาจทานทนและแตกหักไป

ระฆังทองระดับสิบสองที่ไม่มีอะไรมาเทียบเคียงได้ในตำนาน ที่สุดแล้ว ในตอนนี้ได้แตกสลายไป

หลังจากระฆังทองได้แตกไปแล้ว เขี้ยวซี่ใหญ่ของ“มดสีทอง”เปิดขึ้นและหนีบร่างของเฉินหลงไว้ มันพร้อมจะฉีกเฉินหลงเป็นชิ้นๆ

 

อย่างไรเสีย ในขณะนั้นมด“มดสีทอง”ทั้งสองกลับหยุดไปในทันที แทนที่จะฉีกร่างเฉินหลงให้ขาดครึ่ง พวกมันกลับแค่หนีบร่างเฉินหลงไว้แน่นเพื่อไม่ให้เขาขยับไปมาและคาบเขาไปหาราชินีมด

ในตอนนั้นเองที่เฉินหลงพลันตื่นขึ้นจากการโจมตีของพลังจิต เขามองเห็นภูเขาเนื้อสัตว์และคล้ายกับว่า “ราชินีมด” จะกล่าวว่า “นี่แกหัวเราะด้วยใบหน้าที่น่าเกลียดนั่นหรือ”

เขามองราชินีมด แล้วเฉินหลงรู้สึกได้ว่าจู่ๆเธอก็ยิ้ม

“ราชินีมด” ไม่ได้กล่าวอะไร ทว่าตาเธอแสดงความโล่งใจว่าเธอจะไม่แก้แค้น เธอเป็นเจ้าเหนือทุกสรรพสิ่งของภูเขานี่มาตลอด และไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่กล้าพอจะลุกขึ้นมาต่อต้านเธอ แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ไอ้แมลงตัวจ้อยเบื้องหน้าเธอฆ่าลูกน้องเธอไปจนหมด ความเคียดแค้นเช่นนั้นทำให้ไม่อาจะฆ่าเขาให้ตายง่ายๆ พวกเธอควรจะได้ลิ้มรสชาติของเขาไปทีละน้อย ให้สาสมกับสิ่งที่เขาทำกับเธอ

“ไม่ใช่ว่าคุณคิดว่าคุณอยู่ในเกมหรือ ผมจะกลายเป็นก้อนเนื้อในมือคุณ และคุณจะพยายามกินผมเข้าไป” ใบหน้าเฉินหลงแสดงยิ้มแปลกประหลาด “การโจมตีจิตของคุณช่างแข็งแกร่ง และด้วยการโจมตีที่เน้นไปที่จิตของคุณ ผมไม่อาจจะต้านทานอะไรได้เลย ทว่าคุณคงคิดว่าคุณชนะจริงๆแล้ว และนั่นแหละที่ผิดพลาดครั้งใหญ่”

ในขณะที่กล่าวไปนั้น สร้อยคอได้ปรากฏขึ้นอย่างเงียบงันบนคอของเฉินหลง

สร้อยคอนี้เป็นหนึ่งในเครื่องมือกึ่งเทพทั้งสี่สิบแปดชิ้นที่เฉินหลงได้มาจาก “วิหารพระอาทิตย์” เมื่อคราวก่อน ชื่อของสร้อยนี้คือ “โซ่แห่งจิตวิญญาณ” ตราบใดที่เขาสวมสร้อยนี้ พลังจิตวิญญาณของผู้ที่สวมสร้อยนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่าในทันที และในขณะเดียวกันนั้นเอง สร้อยนี้จะทำให้มีคุ้มกันจิตจากการโจมตีทางจิตได้ทุกประเภทถึงระดับพลังปรมาจารย์แห่งดวงดาว

การโจมตีทางจิตของราชินีมดช่างแข็งแกร่ง ทว่าก็ไม่อาจเทียบได้กับผู้ที่แข็งแกร่งในขอบเขตของปรมาจารย์แห่งดวงดาวนี้

ด้วยสร้อยนี้เอง เฉินหลงจะไม่ต้องสู้กลับไปเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเธอเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเฉินหลง สายตาอันหวั่นไหวปรากฏในตาของราชินีมด

แมลงตัวเล็กจ้อยนี่จะกลายมาเป็นอาหารของเธอ แล้วเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะมีความมั่นใจและไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดเลย เธอไม่ชอบความรู้สึกนี้ เธอไม่ต้องการจะลิ้มรสเขาไปช้าๆ ทว่าเธออยากให้เขาตายไปเสียตอนนี้

เฉินหลงสร้างความรู้สึกที่ไม่ดีให้กับราชินีมด ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนใจและสั่งให้ฆ่าเฉินหลงให้ตาย

หลังจากได้รับคำสั่งจากราชินีมด มดสีทองทั้งสองรีบหนีบเฉินหลงด้วยเคี้ยวยักษ์ของมันทันทีและเตรียมให้เฉินหลงได้ตัวหักครึ่ง

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกมันหนีบฟันใหญ่เข้าด้วยกัน พวกมันกลับพบว่าไม่มีทางเลยที่จะหนีบเฉินหลงได้ เนื่องจากพลังที่ป้องกันเฉินหลงไว้

เมื่อรู้ว่าราชินีมดจะฆ่าเขา เฉินหลงจึงหยิบโล่กำบังออกมา

“ตอนนี้ คุณยังคิดว่าเราเล่นเกมกันอยู่ไหม” เฉินหลงจ้องราชินีมด

เมื่อเธอเห็นว่า “มดสีทอง” ไม่อาจจะกัดเฉินหลงได้ สายตาของราชินีมดก็เปลี่ยนไป เธอใช้พลังจิตพุ่งเข้าโจมตีเฉินหลงอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามพลังจิตที่ราชินีมดใช้โจมตีนั้นไม่อาจใช้การได้

“ผมไม่คิดว่ามันแปลกนะที่พลังจิตของคุณใช้งานกับผมได้ก่อนหน้านี้แต่ตอนนี้ดันใช้ไม่ได้แล้ว” เฉินหลงมองราชินีมด

ก่อนหน้าเธอไม่อยากจะเล่นเกม “แมวจับหนู” แต่ตอนนี้เธอชักไม่อยากจะเล่นแล้ว เมื่อเธอได้ยินที่เฉินหลงว่า ตาของราชินีมดเต็มไปด้วยความลังเล

เมื่อก่อนหน้า เห็นกับตาว่าพลังจิตของเธอใช้กับแมลงนี่อย่างดี ทว่าทำไมตอนนี้จึงใช้ไม่ได้กัน ราชินีมดต้องการจะรู้สาเหตุอย่างจริงจัง

“เพราะว่า ผมเป็นมนุษย์และเป็นเจ้าเหนือทุกสรรพสิ่ง” “ค้อนแห่งแรงโน้มถ่วง” ปรากฏขึ้นในมือเฉินหลง

แรงโน้มถ่วงที่มากกว่าเดิมกว่าร้อยเท่าทุบใส่ “มดสีทอง” ตรงๆและบี้พวกมันจนกลายเป็นเนื้อบด แม้แต่เขี้ยวที่แข็งแรงของมันยังโดนบดขยี้ไปด้วย

แต่อย่างไรเสีย “หินพลังงาน” ในร่างของพวกมันไม่ได้เละไปด้วย

เมื่อเธอได้เห็น“ลูก”ที่ทรงพลังทั้งสองกลายเป็นเนื้อบดไป ตาของราชินีพลันฉายความกลัว

ในขณะเดียวกัน เธอยังพยายามปล่อยพลังจิตอย่างที่สุดด้วย เธอหวังว่าจะมีผลกับเฉินหลง ทว่าเมื่อเธออยู่เบื้องหน้าเครื่องมือกึ่งเทพแล้ว ทุกอย่างที่เธอทำกลับล้มเหลว

“ถ้าจะให้ผมบอกความจริงนะ คุณได้ทำให้ผมสัมผัสกับความรู้สึกว่าจะตาย และหากผมโดนมดสีทองสองตัวตัดครึ่งมาก่อน ผมคงไม่อาจจพลิกกลับมาได้ ดังนั้นเพื่อผมจะได้แสดงความขอบคุณที่ทำให้ผมรู้สึกถึงความรู้สึกจะตายได้ ผมจะให้คุณได้รู้สึกเช่นกัน” สิ้นคำเฉินหลงเก็บ “ค้อนแห่งแรงโน้มถ่วง” และหยิบมีดนรกออกมา

“กระชากลิ้น”

เมื่อใช้เพลงดาบ “กระชากลิ้น” มีดนรกตัดผ่านราชินีมดไปทีละส่วน

และแม้พละกำลังของราชินีมดจะไปถึงระดับหลอมรวมกับธรรมชาติแล้ว ทว่ายังเป็นเพียงระดับของพลังแห่งจิตวิญญาณ ร่างกายของเธอช่างอ่อนแอจนไม่อาจขยับได้แม้แต่น้อย ดังนั้น เธอจึงกลายเป็นชิ้นเนื้อบนเขียงให้เฉินหลงสับ

มีดตัดเนื้อ แล้วเนื้อก็โดนมีดนั้นตัด

ทุกคราวที่มีดเฉือนลงไป ราชินีมดสั่นไหวไปด้วยความเจ็บปวด ตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและร้องขอความเมตตา

อย่างไรเสียเฉินหลงไม่อาจจะสงสารสัตว์แปลกประหลาดนี่ที่เกือบจะเอาชีวิตเขาไปได้แม้แต่น้อย