บทที่ 706 เลือก

บัลลังก์พญาหงส์

องค์ชายเจ็ดเข้าใจทันที จึงรีบถอยหลังลงไป 

 

 

ถาวจวินหลันสำรอกอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากรู้สึกดีขึ้นแล้วถึงได้ส่งยิ้มให้องค์ชายเจ็ด “ให้น้องเจ็ดเห็นเรื่องตลกแล้ว องค์รัชทายาทเป็นอย่างไรบ้าง?” องค์ชายเจ็ดเรียกนางว่าพี่สะใภ้รองมาโดยตลอด นางย่อมไม่อาจวางท่าต่อไปได้ ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น เพียงแค่องค์ชายเจ็ดมาช่วยวังตวนเปิ่นในวันนี้ หลังจากนี้ไปนางก็ไม่อาจวางท่าได้อีก 

 

 

แล้วองค์ชายเจ็ดก็เป็นคนดีอยู่แล้ว 

 

 

องค์ชายเจ็ดหน้าตายิ้มแย้ม “ตอนนี้องค์รัชทายาทกำลังคุมสถานการณ์ใหญ่ ส่วนซินพาน ถาวจิ้งผิง และเฉินฟู่กำลังพากำลังเสริมเข้ามา เพื่อช่วยองค์รัชทายาทปราบปรามกำจัดกบฏพ่ะย่ะค่ะ!” 

 

 

เมื่อถาวจวินหลันได้ฟังเช่นนี้ ก็สบายใจไปกว่าครึ่ง แสดงว่าหลี่เย่ไม่ได้มีอันตรายอะไรแล้ว  

 

 

ถาวจวินหลันถอนใจโล่งอก ก่อนสั่งหงหลัว “ไปเอาน้ำมาให้องค์ชายเจ็ดเช็ดหน้าเช็ดตา” ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดมองแล้วน่าขนลุกขนพองยิ่งนัก  

 

 

องค์ชายเจ็ดก็เหมือนคิดได้ ยกมือขึ้นมาเช็ดหน้า ก่อนลูบไปโดนใบหน้าที่เหนียวหนืด พอกางมือออกดูก็เห็นสีแดงสดเป็นวงใหญ่ รู้สึกรังเกียจขึ้นมาในทันใด รีบขอตัวไปล้างหน้าล้างตา สุดท้ายก็พูดขอโทษด้วยท่าทางสำนึก “ข้าทำให้พี่สะใภ้รองตกใจแล้ว” 

 

 

ถาวจวินหลันฝืนยิ้ม “ช่างเถิด ฆ่าคนจะไม่เห็นเลือดได้อย่างไร”แต่ดมกลิ่นคาวเลือดที่แสบจมูก มองดูร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่เต็มพื้น สูดดมกลิ่นไฟที่เผาไหม้เสื้อผ้าและร่างกาย ไม่เพียงนางรู้สึกแย่ แม้แต่ท้องก็ปั่นป่วน 

 

 

หงหลัวประคองถาวจวินหลันกลับเข้าห้อง ก่อนที่ถาวจวินหลันจะเข้าไปในห้องก็ถอดผ้าคลุมโยนไว้ด้านนอก นางคิดว่าบนร่างกายของนางมีกลิ่นคาวเลือดติดมา ต่อให้โยนผ้าคลุมทิ้งไปแล้วก็ยังได้กลิ่นอยู่ดี  

 

 

“บนร่างของข้ามีกลิ่นหรือไม่?” ถาวจวินหลันแสดงท่าทีให้หงหลัวดมอย่างละเอียด 

 

 

หงหลัวลองดมดู “ไม่มีกลิ่นนะเพคะ ยังเป็นกลิ่นหอมของดอกกุ้ยรมผ้าอยู่เลย” 

 

 

ถาวจวินหลันถึงได้วางใจ ให้หงหลัวประคองตนเดินเข้าไปหาเด็กๆ ซวนเอ๋อร์ทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อย ตอนนี้อาจจะยังฝืนถ่างตาอยู่ก็ได้  

 

 

ซวนเอ๋อร์ยังไม่นอนจริงตามคาด กั่วเจี่ยเอ๋อร์ถูกจิ้งหลิงโอบนอนไปแล้ว จิ้งหลิงหันหน้ามาเจอถาวจวินหลัน ใบหน้าก็เปี่ยมไปด้วยความปีติ “พระชายา!” 

 

 

ถาวจวินหลันหัวเราะ “เรื่องผ่านไปแล้ว หลังจากนี้คงไม่มีเรื่องน่ากลัวแล้ว เจ้าพาเด็กๆ ไปเข้านอนก่อน ข้าจะออกไปข้างนอกเสียหน่อย” 

 

 

นางไม่ได้ไปดูหลี่เย่ แต่นางจะไปวังของฮองเฮาสักหน่อย  

 

 

จิ้งหลิงไม่ได้ห้ามปราม นางรู้ดีว่าด้านนอกเป็นเช่นไร ทั้งเรื่องการมาถึงอย่างทันท่วงทีขององค์ชายเจ็ดแล้วยังกำจัดฆ่าทหารกบฏทั้งหมด ตอนนี้ในวังหลังคงไม่มีอันตรายอะไรอีกแล้ว ดังนั้นถาวจวินหลันจะออกไปก็ไม่เป็นไร  

 

 

ที่สำคัญที่สุดคือถาวจวินหลันเป็นชายารัชทายาท เป็นฮองเฮาในอนาคต หากตอนนี้นางมุดหัวหลบอยู่ในวังตวนเปิ่นตลอดเวลา นั่นถึงจะถือว่าไม่เหมาะสมและไม่สมควรนัก  

 

 

ซวนเอ๋อร์มองถาวจวินหลัน แม้ง่วงงุนจนลืมตาไม่ขึ้นแล้ว แต่ก็ยังยิ้มพูดรับปากกับถาวจวินหลันว่า “ข้าจะพาน้องเข้านอนขอรับ” 

 

 

ถาวจวินหลันซึ้งใจ เขยิบเข้าไปหอมแก้มทั้งซวนเอ๋อร์และหมิงจูเบาๆ ก่อนลูบหัวซวนเอ๋อร์เบาๆ “เอาเถิด เจ้านอนเถอะ พรุ่งนี้เช้าตื่นมาทุกอย่างก็ดีแล้ว” 

 

 

ซวนเอ๋อร์ง่วงงุนมากแล้ว พอพูดจบก็หลับตาลงอย่างทนไม่ไหว เข้าสู่สภาวะหลับลึกอย่างรวดเร็ว 

 

 

ถาวจวินหลันช่วยห่มผ้าให้ซวนเอ๋อร์อย่างเอ็นดู แล้วถึงได้เดินออกไปข้างนอก 

 

 

องค์ชายเจ็ดล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้ว เพราะยังต้องไปรายงานหลี่เย่ เขาจึงเพียงล้างหน้าเท่านั้น เสื้อผ้าก็เพียงเปลี่ยนเป็นชุดที่หลี่เย่สวมใส่เมื่อเช้า แม้ไม่ค่อยพอดีตัวแต่ยังดูเรียบร้อย อย่างน้อยดูแล้วก็เหมือนองค์ชายเจ็ดผู้สูงส่ง ไม่ใช่นายทหารอายุน้อยที่ฆ่าคนในสนามรบโดยไม่กะพริบตา 

 

 

องค์ชายเจ็ดรีบร้อนจากไป แต่ก่อนออกไปยังพูดขึ้นว่า “หากพี่สะใภ้รองอยากถาม หรือฝากข้อความไปถึงพี่รอง ก็บอกข้าได้เลย” 

 

 

ถาวจวินหลันไม่เกรงใจ ถามออกมาตรงๆ ว่า “ตอนนี้วังหลังเป็นอย่างไรบ้าง? ปลอดภัยหรือไม่?” 

 

 

“ถูกควบคุมไว้หมดแล้ว คนที่ก่อความวุ่นวายก็ถูกจับกุมหรือฆ่าตัวตายไปหมดแล้ว พี่สะใภ้รองไม่ต้องกังวล” องค์ชายเจ็ดพูดด้วยท่าทางพอใจเล็กน้อย ก็เพราะนี่เป็นผลงานที่เขานำคนไปจัดการ 

 

 

แน่นอนว่าองค์ชายเจ็ดไม่ได้พูดความจริง ไม่กล้าบอกถาวจวินหลันว่าคลื่นลูกเล็กเพียงเท่านี้ในวังหลังไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร ความวุ่นวายก่อกบฏในรัชกาลก่อนนั่นถึงจะน่ากลัวดุดัน และน่าอกสั่นขวัญแขวนกว่า แต่เรื่องใกล้ถึงตอนจบแล้ว อีกทั้งถาวจวินหลันยังตั้งครรภ์อยู่ ยิ่งไม่อาจมาคิดมากเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ได้อีก  

 

 

ถาวจวินหลันพยักหน้า ส่งองค์ชายเจ็ดกลับไปแล้วหันไปกำชับหงหลัว “เจ้าส่งคนไปดูทุกที่ในวัง ดูว่าที่อื่นเป็นอย่างไรบ้าง จากนั้นก็ให้พวกเขาอยู่แต่ในวังของตัวเองให้ดี อย่าได้เพ่นพ่านออกไปไหน” 

 

 

หงหลัวรับคำสั่งจากไป ชุนฮุ่ยกลับเข้ามาประคองถาวจวินหลันให้ขึ้นเกี้ยว 

 

 

เพียงไม่นาน สภาพเละเทะน่าอนาถด้านนอกวังตวนเปิ่นก็ถูกจัดการเก็บกวาดอย่างสะอาดเรียบร้อยแล้ว อย่างน้อยร่างและเปลวเพลิงก็ไม่มีให้เห็นอีก มีเพียงกลิ่นที่หลงเหลืออยู่ในอากาศเท่านั้นที่พิสูจน์ได้ว่าแท้จริงแล้วเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น 

 

 

ถาวจวินหลันถอนหายใจ พลางเอามือปิดจมูกเอาไว้ กลั้นความรู้สึกคลื่นเ**ยนในท้องลงไป ที่จริงแล้วเรื่องในวันนี้ทำให้นางไม่อยากกินเนื้อสัตว์ไปอีกนาน 

 

 

ร่างกายถูกไฟเผา กลิ่นเช่นนั้นที่จริงแล้วคล้ายกับเนื้อย่างนัก 

 

 

ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ภายในวังหลวงจึงเงียบสงัด พวกนางเดินทางผ่านไปได้ยินเพียงเสียงรองเท้ากระทบพื้นเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก 

 

 

ความเงียบเช่นนี้ทำให้อดคิดไม่ได้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่ 

 

 

ถาวจวินหลันแอบงีบอยู่บนเกี้ยวครู่หนึ่ง หญิงมีครรภ์แต่เดิมก็เหนื่อยง่ายอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวันนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย นางที่ทนมาจนถึงตอนนี้ได้ พอมาเจอเกี้ยวสั่นไหวไปมา ก็ให้ง่วงมากกว่าเดิม 

 

 

รอจนถึงวังของฮองเฮา หลังจากเกี้ยวหยุดลงชุนฮุ่ยถึงได้สะกิดถาวจวินหลันเบาๆ “ชายารัชทายาท ถึงแล้วเพคะ” 

 

 

ถาวจวินหลันลืมตาขึ้น สีหน้าท่าทางก็เปลี่ยนไป ดวงตาที่ยังดูง่วงงุนก็กลายเป็นสงบนิ่ง นางเอื้อมมือให้ชุนฮุ่ยจับ จากนั้นก็ลงจากรถม้าไป  

 

 

ประตูวังของฮองเฮาปิดสนิท ข้างในเงียบสงัดไร้เสียง คล้ายว่าคนในนั้นหลับไปหมดแล้ว หรือจะพูดว่าตายหมดแล้ว  

 

 

ถาวจวินหลันแสดงท่าทางให้ข้ารับใช้ไปเคาะประตู ส่วนนางอดทนรอ แล้วยังแย้มยิ้มพูดกับชุนฮุ่ยว่า “เจ้าว่าอีกครู่ฮองเฮาเห็นข้าจะมีท่าทางเช่นไร?” 

 

 

ชุนฮุ่ยครุ่นคิดจริงจัง แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก สุดท้ายก็ทำได้แค่ส่ายหน้า 

 

 

“ข้าเดาว่าฮองเฮาคงนิ่งเฉย” ถาวจวินหลันพูดเสียงเบา หรี่ตาลงมองประตูสองบานที่ปิดสนิท “ฮองเฮาคงเตรียมพร้อมไว้นานแล้ว ที่จริงฮองเฮาน่านับถือนัก เจ้าดูสิ นางถูกโจมตีมาตั้งหลายครั้ง แต่กลับไม่เคยล้ม ทั้งยังดูแข็งกล้าขึ้นเสมอ หากไม่ใช่ว่านางโชคร้าย อีกทั้งยังโหดเ**้ยมเกินไป วันนี้นางคงไม่ได้มีจุดจบเช่นนี้เป็นแน่” 

 

 

ฮองเฮามีแผนการ ความอดทน และสายตาพินิจพิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันดีเยี่ยม ตอนแรกไทเฮาถึงขั้นเตือนนางไม่ให้ประมาทฮองเฮา หากนางมีโอกาสก็อย่าใจอ่อน เห็นชัดว่าขนาดไทเฮายังต้องยอมรับความสามารถของฮองเฮา 

 

 

แต่น่าเสียดายที่คนวางแผนไม่สู้ชะตาฟ้าลิขิต 

 

 

ถาวจวินหลันหัวเราะร่วน “ดังนั้นนางถึงเป็นกระจกของข้า หลังจากนี้ข้าจะไม่เป็นเหมือนนาง” นางไม่กล้าพูดว่านางเป็นคนมีเมตตา แต่นางก็ไม่ใช่คนเ**้ยมโหดขนาดละทิ้งคุณธรรมทุกอย่าง อีกทั้งนางเองก็ต้องย้ำเตือนตนเองเสมอ ว่าให้รักษาคุณธรรมเล็กน้อยในใจเอาไว้  

 

 

ไม่นานประตูก็เปิดออกช้าๆ ถาวจวินหลันจึงเห็นฮองเฮาในเครื่อวแต่งกายเต็มยศ 

 

 

แม้ฮองเฮาไม่เหลือความสง่างามแล้ว แต่ก็ยังหลงเหลือภาพลักษณ์ เสื้อผ้าอาภรณ์หรูหราสวยงามถูกสวมใส่อยู่บนร่างกายของนาง ไม่ได้ให้ความรู้สึกซับซ้อนและรุงรัง ไม่ว่าใครเห็นก็คิดว่าเหมาะสม 

 

 

“ฮองเฮาเหนียงเหนียงเพคะ” ถาวจวินหลันยิ้มแย้ม “ดึกเพียงนี้แล้ว ฮองเฮาเหนียงเหนียงยังไม่บรรทมอีกหรือเพคะ?” 

 

 

ฮองเฮายิ้มตอบ “ชายารัชทายาทก็ยังไม่นอนมิใช่หรือ? หญิงชราเช่นข้าอายุมากแล้ว ย่อมนอนน้อยเป็นธรรมดา” 

 

 

ถาวจวินหลันพยักหน้าเข้าใจ ก่อนยิ้มถามว่า “ดึกขนาดนี้แล้วฮองเฮาเหนียงเหนียงยังใส่ชุดเต็มพระยศอยู่ทำไมเพคะ? หรือคิดว่าหลังจากนี้คงไม่มีโอกาสได้สวมอีกเพคะ?” 

 

 

ฮองเฮากลับพยักหน้ายอมรับ “ใช่แล้ว หลังจากนี้คงไม่มีโอกาสได้ใส่แล้ว พูดไปแล้ว ข้าเพิ่งได้ใส่ชุดนี้เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น ทั้งที่เป็นชายารัชทายาทนานหลายปี กลับโชคดีสู้เจ้าไม่ได้” 

 

 

ถาวจวินหลันนั่งตำแหน่งชายารัชทายาทได้ไม่ถึงปี อีกไม่นานก็จะได้เป็นฮองเฮาแล้ว หลังจากนี้ไม่รู้ว่าจะไปได้ไกลเพียงใด ดูแล้วคงดีกว่าฮองเฮามากนัก 

 

 

ถาวจวินหลันพยักหน้าอย่างจริงใจ “เป็นเช่นนั้นจริงเพคะ แต่ฮองเฮาเหนียงเหนียงอย่าทรงอิจฉาไปเลยเพคะ” 

 

 

ฮองเฮาหัวเราะเย้ยหยันเล็กน้อย “ข้าคงไม่ได้ใจแคบขนาดนั้น” 

 

 

“เพคะ ฮองเฮาเหนียงเหนียงแผนการไม่เป็นรองใคร สายตาเฉียบคมไม่มีใครเทียบเทียม เพราะฉะนั้นหม่อมฉันถึงมีเรื่องต้องการถามความเห็นของฮองเฮาเหนียงเหนียง ฮองเฮาเหนียงเหนียงคิดว่าหม่อมฉันควรจัดการพระองค์อย่างไรดีเพคะ?” ถาวจวินหลันพูดเรื่องนี้มาจากใจจริง และแน่นอนว่าจงใจ 

 

 

ฮองเฮาตะลึงไป ก่อนหัวเราะลั่น แล้วค่อยๆ ส่ายหน้าหรี่ตาลงพูดว่า “เจ้าไม่มีทางฆ่าข้า และไม่กล้าฆ่าข้า” 

 

 

ถาวจวินหลันพยักหน้า “เป็นเรื่องจริงเพคะ หม่อมฉันยังไม่กล้าฆ่าพระองค์” 

 

 

ฮองเฮายิ่งยิ้มอย่างลำพองใจ  

 

 

ถาวจวินหลันพูดสิ่งที่ยังไม่ได้เอื้อนเอ่ยออกมาทั้งหมด “แต่หม่อมฉันกล้าลากศพขององค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อออกมา เผากระดูกโปรยขี้เถ้า แล้วเขียนโทษสถานหนักอีกสิบกระทง ให้เขาโดนด่าสาปส่งไปพันปีเพคะ” 

 

 

ถาวจวินหลันเงยหน้าส่งยิ้มให้ฮองเฮา “พระองค์คิดว่าแบบนี้เป็นอย่างไรบ้างเพคะ?” 

 

 

ฮองเฮาหัวเราะไม่ออก ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงพูดว่า “ไม่ว่าผู้ใดก็บอกว่าเจ้าเป็นคนมีเมตตา แต่ดูแล้วเจ้าคงเ**้ยมโหดกว่าข้านัก” 

 

 

“จะมีเมตตาใจดีก็ต้องดูว่าปฏิบัติกับใครเพคะ” ถาวจวินหลันหน้าเคร่งขรึม “แต่ไม่จำเป็นกับพระองค์แน่นอนเพคะ หากพระองค์ยอมตาย หม่อมฉันก็จะไม่ยุ่งกับชื่อเสียงและร่างขององค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อ ขอให้พระองค์พิจารณาให้ดีเถิด”