หมอเทวดาโม่ประเมินเสี่ยวเทียนเหยาต่ำมากเกินไป เขาอยู่ในพระราชวังดังนั้นเขาจึงล่าช้าที่จะออกมาส่งข่าว เสี่ยวเทียนเหยา จะไม่ปล่อยให้ทุกคนที่คว้าสิ่งของของเขาและดูถูกเขาเมื่อเขาอ่อนแอไปได้อย่างไร
ไม่ใช่ว่าเสี่ยวเทียนเหยา อยากเป็นคนไม่ดี แต่ถ้าเขาไม่ใช้มือของเขา เขาอาจจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับผลกระทบได้ คนเหล่านั้นจะเอาทำลายเขาอีกครั้งและอีกครั้งเท่านั้น เพราะคิดว่าพวกเขาโชคดี
เสี่ยวเทียนเหยา ไม่กลัวคนเหล่านั้น แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขาเองจะสามารถดูแลตัวเองได้ ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือการฆ่าศัตรูนับแสนคนของเขา ปล่อยให้คนเหล่านั้นรู้ว่าพวกเขาไม่ควรกระตือรือร้นที่จะเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านเขาและทำร้ายเขา
เมื่อเสี่ยวเทียนเหยา ถามซูฉาและหลิวไป๋ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ฮ่องเต้ก็ขอถามหมอหลวงฉินว่าในท้ายที่สุดแล้วใครคือคนที่ผู้ช่วยเสี่ยว จื่ออัน หลิน ชูจิ่วหรือเสี่ยวเทียนเหยา?
“แน่นอนว่าเสี่ยวหวางเฟยมีทักษะทางการแพทย์ ทักษะการฝังเข็มของนางเองก็ไม่ได้แย่กว่าหมอเทวดาโม่ อย่างไรก็ตามทุกการกระทำของเสี่ยวหวางเฟยนั้นต่างก็ทำตามคำแนะนำของเสี่ยวหวางเย่พ่ะย่ะค่ะ “หมอหลวงฉิน ได้รายงานสิ่งที่เขาเห็น แต่สำหรับส่วนที่เหลือ
เขาจะฝังมันลงไปในหลุมฝังศพของเขา
ถ้าเขาปล่อยให้ฮ่องเต้รู้ว่าเขาให้ความร่วมมือกับเสี่ยวหวางเย่ ฮ่องเต้จะฆ่าเขาอย่างแน่นอน
คำตอบนี้เท่ากับไม่มีอะไร แต่ฮ่องเต้จะเชื่อหมอหลวงฉินหรือไม่นั่นก็เป็นอีกเรื่อง “เสี่ยวหวางเฟยพูดอะไรเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยขององค์ชายสาม?”
“เสี่ยวหวางเฟย กล่าวว่าอาการเจ็บป่วยขององค์ชายสามเกิดจากการสร้างขึ้นด้วยน้ำมือของมนุษย์พ่ะย่ะค่ะ มีเพียงเฉพาะคนที่มักมีการติดต่อกับเขาเท่านั้นที่สามารถทำเช่นนี้ได้ “คนเดียวที่อยู่เคียงข้างเสี่ยว จื่ออันตลอดเวลาคือหมอเทวดาโม่
“เจ้าพาคนไปที่พักของหมอเทวดาโม่และค้นอีกครั้ง” เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ไม่ได้อยู่ภายใต้อิทธิพลของหมอหลวงฉิน
“กระหม่อมรับบัญชา” หมอหลวงฉิน ได้พาคนของเขาไปตรวจสอบที่พักของหมอเทวดาโม่ หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม เขาก็กลับมารายงานขึ้น “ไม่มีอะไรพ่ะย่ะค่ะ ที่พักของหมอเทวาโม่นั้นขาวสะอาดมากพ่ะย่ะค่ะ ”
ความสงสัยของฮ่องเต้ยังไม่ได้ลดลง แต่เขาก็ไม่สามารถหาหลักฐานได้ ฮ่องเต้ไม่สามารถยอมรับได้ว่าหมอเทวดาโม่เป็นผู้บริสุทธิ์ ก่อนจะพูดขึ้น “ประกาศออกไปว่าองค์ชายสามได้รับรักษาเรียบร้อยแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดว่าได้รักการรักษาโดยเสี่ยวหวางเฟย ตราบเท่าที่มันจะไม่ฟังดูว่าเป็นเพราะหมดเทวดาโม่เท่านั้นก็พอ”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” หมอหลวงฉินคำนับศีรษะลง เพื่อปกปิดความสุขในสายตาของเขา
หลังจากพ่ายแพ้ถึงสองครั้งติดต่อกันและไม่คำนึงถึงชีวิตและความตายของผู้ป่วย เขาอยากจะเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชื่อเสียงของหมอเทวดาโม่
เมื่อหมอหลวงฉินจากไป องครักษ์เงาก็มารายงานต่อฮ่องเต้ขึ้น “ฝ่าบาท หมอเทวดาโม่ไปที่หน้าผานอกเมืองหลวง ดูเหมือนเขาจะรอใครบางคนอยู่ แต่ก็ไม่รอจนคนผู้นั้นมาถึงพ่ะย่ะค่ะ “
ไปที่หน้าผานอกเมืองหรือ?
เขาไม่ได้บอกว่าเขาจะออกไปนอกวังเพื่อที่จะไปส่งข้อความไปยังนิกายลับหรือ? แล้วเขาไปที่หน้าผานอกเมืองทำไม?
หัวคิ้วของฮ่องเต้ขมวดขึ้น มีความรังเกียจในสายตาของเขา แต่เขาไม่ได้ถามอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนจะพูดขึ้น “ตามหลิน เซี่ยงมาพบเจิ้น”
เรื่องเกี่ยวกับหมอเทวดาโม่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน เขาต้องการที่จะถามหลินเซี่ยงว่าในที่สุดแล้วเขาเลี้ยงดูบุตรสาวของเขามาอย่างไร? บุตรสาวของเขาได้เรียนรู้การแพทย์ได้อย่างไร?
เพียงแค่นึกว่าเขาเป็นคนที่ผลักดันหลิน ชูจิ่วให้ไปแต่งงานกับเสี่ยวเทียนเหยา เขาก็ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธแล้ว
มันเหมือนกับว่าเขากำลังตบหน้าของตัวเอง
หลังจากเรียนรู้ว่าขาของเสี่ยวเทียนเหยา หายแล้ว หลิน เซี่ยงก็กำลังรอให้ฮ่องเต้เรียกเขาเข้าไปในวัง ดังนั้นเขาจึงไม่ตกใจที่ได้รับคำเชิญ เขาเข้าไปในวังพร้อมกับขันทีในทันที
“กระหม่อมหลิน เซี่ยง ถวายบังคงฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่น ๆ ปีพ่ะย่ะค่ะ “หลิน เซี่ยง นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นและทำความเคารพด้วยความนอบน้อม
โดยปกติเมื่อฮ่องเต้พบกับหลิน เซี่ยงเป็นการส่วนตัว หลิน เซี่ยงไม่จำเป็นต้องทำความเคารพเต็มพิธีเช่นนี้อีกต่อไป แต่ตอนนี้แม้จะผ่านไปนาน ฮ่องเต้ก็ไม่ยอมให้เขา คราวนี้ฮ่องเต้โกรธจริงๆ
ฮ่องเต้ไม่สามารถปิดบังความผิดหวังของเขาที่มีต่อหลิน เซี่ยงและในความไม่เชื่อฟังของหลิน ชูจิ่วได้ พ่อและลูกคู่นี้ ทำกับเขาราวกับคนโง่… …