ตอนที่จางหยายังไม่ปรากฏตัว เงานั้นแค่รู้สึกเกลียดชังเฉินเกอ แต่หลังจากจางหยาปรากฏตัว ความเกลียดชังเฉินเกอของเงาก็ลึกซึ้งมากขึ้น เดิมที เขาแค่ต้องการเปลี่ยนเฉินเกอไปเป็นเงาของตัวเอง แต่ตอนนี้ มันต้องการฆ่าผู้ชายคนนี้
วิญญาณสัมภเวสีดวงหนึ่งไม่สามารถออกจากวัตถุที่มันสิงสู่อยู่ได้ วิญญาณอาฆาตสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในช่วงระยะเวลาหนึ่ง และวิญญาณสีเลือดสามารถออกจากสิ่งที่สิงสู่อยู่ได้เป็นเวลานานและยังสามารถหาวัตถุอื่นเข้าสิงสู่ได้ ตอนนี้นั่นเป็นวิธีที่ฉันใช้ในการจำแนกระหว่างวิญญาณชนิดต่าง ๆ
เฉินเกอมองไปยังเงาที่กำลังใกล้เข้ามา
แต่วิธีการนี้ดูเหมือนจะใช้กับวิญญาณที่อยู่เหนือระดับวิญญาณสีเลือดไม่ได้ คุณหมอเกาบอกว่าเขารู้สึกได้ถึงบางอย่างที่เหนือกว่าวิญญาณสีเลือดในเงานั่น ดังนั้นสิ่งที่แตกต่างระหว่างบางอย่างนั่นกับวิญญาณสีเลือดคืออะไรกัน? ความแตกต่างของระดับพลังระหว่างพวกเขาน่าจะมากกว่าความแตกต่างของระดับพลังระหว่างวิญญาณสีเลือดและวิญญาณทั่วไป
นี่เป็นวิธีการจำแนกวิญญาณสีเลือดกับวิญญาณทั่วไป สีแดงของเสื้อผ้านั้นเป็นสัญญาณชัดเจน แต่สิ่งที่แตกต่างระหว่างวิญญาณสีเลือดและบางอย่างที่เหนือกว่าวิญญาณสีเลือดเล่า?
เงานั่นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นวิญญาณสีเลือดขั้นสูงเท่านั้น หลังจากผีทารกถือกำเนิด มันก็จะกลายเป็นตัวตนที่เหนือกว่าวิญญาณสีเลือดอย่างแท้จริง
เฉินเกอสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างบนเงา
เด็กทารกที่ในอกของเงานั้นกลืนกินร่างของเขา และเขาก็ใช้ตัวเองหล่อเลี้ยงเด็กทารกแลกเปลี่ยนกับพลังที่เหนือระดับที่เขามี ขณะที่เด็กดูปกติ มันก็ทำให้ฉันรู้สึกแย่มากแล้ว มองดูมันแล้วก็ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับตอนที่ฉันมองรูปวิญญาณที่บนประตูในบ้านผีสิง
ตอนที่คุณหมอเกาเกือบจะถูกเปิดโปง เขาก็โยนความระมัดระวังทิ้งไปกับสายลมและใช้ชีวิตหลายชีวิตเป็นเครื่องบูชายัญ เขาควักตาของคนเหล่านั้นและทิ้งรูปวาดวิญญาณเอาไว้บนประตูในบ้านผีสิงของเฉินเกอ
วิญญาณนั่นน่าจะมีบางอย่างที่ทรงพลังกว่าวิญญาณสีเลือด
พอคิดกลับไปแล้ว ก็มีหลายอย่างที่ต้องสืบหาเกี่ยวกับสมาคมเล่าเรื่องผี ตัวอย่างเช่น กล่องที่มีคราบเลือดสีดำ อย่างไรเสีย ที่จางหยาสามารถเติบโตได้รวดเร็วก็อาจจะเกี่ยวข้องกับเลือดสีดำที่เธอขโมยมาจากสมาชิกสมาคมเป็นอย่างมาก เลือดสีดำนั่นต่างไปจากเลือดสีดำที่หยดจากร่างกายของหมอเกาซึ่งเป็นสีของคำสาป มันเป็นสีดำสนิท กระทั่งตอนที่ถูกเก็บเอาไว้ในกล่อง ก็ยังรู้สึกได้ถึงความอาฆาตแค้นลึกซึ้งที่มันสั่งสมไว้
คุณหมอเกาน่าจะไม่ได้วางแผนล่อปิศาจเช่นนั้นไปยังประตูที่บ้านผีสิงใช่ไหม?
เฉินเกอไม่สามารถคาดเดาเป้าหมายของวิญญาณได้ คนเดียวที่รู้ความจริง คนที่ติดตั้งกับดักนั่นเอาไว้ กลายเป็นบ้าไปแล้ว และเฉินกอก็ไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นเรื่องดีหรือเปล่า
หากนั่นเป็นแผนการแท้จริงของเขา ไม่มีอะไรที่ฉันจะทำได้นอกจากเพิ่มจำนวนพนักงานที่ฉันมีและฝึกพวกเขาให้แข็งแกร่งมากขึ้น
ตราบใดที่จางหยายังสามารถพัฒนาต่อไปได้ อย่างนั้นปัญหาส่วนใหญ่ก็สามารถแก้ไขได้ แต่ว่า ระยะห่างระหว่างวิญญาณสีเลือดและตัวตนที่เหนือกว่านั้นก็กว้างมาก ต่อให้เงาใช้เวลาสิบปีในการเปลี่ยนร่าง มันก็เหมือนจะยังมีบางอย่างที่ขาดไปสำหรับจางหยาที่จะมีพัฒนาการเช่นนั้น
พลังของจางหยานั้นเติบโตขึ้นสู่ระดับที่เป็นไปไม่ได้ ครั้งหนึ่งเธอเคยมีพลังเทียบเท่ากับผีผู้หญิงที่ในบ่อน้ำในหมู่บ้านโลงศพ แต่ตอนนี้ เธอน่าจะเอาชนะผู้หญิงในบ่อน้ำได้อย่างง่ายดาย
จางหยาน่าจะปิดบังความลับอะไรเอาไว้เหมือนกัน ฉันต้องทำดี ๆ กับเธอ แต่ฉันก็พบว่าอันที่จริงฉันไม่ได้รู้จักเธอดีขนาดนั้น
เสียงกระทบกันหนัก ๆ ดึงความสนใจเฉินเกอกลับสู่ความเป็นจริง เลือดสีดำที่เต็มไปด้วยคำสาปสาดไปทั่วและเส้นผมสีดำก็ห่อตัวเองรอบตัวเฉินเกอแน่นหนา
“พันธนาการ เขมือบ เชื่อมโยงจิตใจ ความเจ็บปวด ความแหลมคม… ทำไมแกถึงมีคุณสมบัติพิเศษหลายอย่างนัก?”
ภายใต้การปกป้องจากเส้นผมสีดำของจางหยา เฉินเกอได้ยินเสียงเงา
เขาหมายถึงอะไรกัน ‘ความแหลมคม’?
เขมือบนั้นเป็นความสามารถพิเศษของผู้หญิงที่โรงแรม จางหยานั้นกินหัวใจของเธอลงไป ดังนั้นจึงเข้าใจได้ที่เธอจะครอบครองพลังเช่นนั้น พันธนาการนั้นน่าจะเป็นความสามารถของจางหยาเอง และนั่นก็ค่อนข้างเข้ากันได้ดี อย่างไรเสีย เธอก็ใช้เส้นผมของเธอมัดศัตรูของเธอ
จางหยางได้กินเด็กแฝดของปิศาจจากสมาคม และนั่นก็น่าจะทำให้เธอได้รับความสามารถพิเศษเชื่อมโยงจิตใจ นั่นอธิบายว่าทำไมจางหยาถึงสามารถได้ยินเสียงใจหัวใจของเฉินเกอ– เธอน่าจะเชื่อมโยงจิตใจของเธอเข้ากับเฉินเกอตั้งแต่เมื่อตอนนั้น
แต่คุณสมบัติพิเศษอีกสองอย่างนั้นทำให้เฉินเกองุนงง ความเจ็บปวดนั้นดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับซู่อิน และซู่อินก็เพิ่งได้กลายเป็นวิญญาณสีเลือดที่แท้จริง ซู่อินเองน่าจะไม่เข้าใจวิธีการใช้ความสามารถพิเศษของตนเอง ดังนั้นจางหยาจึงเอามันมาเป็นของเธอเองงั้นเหรอ?
ความแหลมคมนั้นเป็นของผีผู้หญิงไร้หัวที่เป็นเพื่อนบ้านเสี่ยวปู้ เธอตายจากการถูกมีดตัดเป็นชิ้น ๆ และความทรงจำนั้นทำให้เลือดของเธอครอบครองคุณสมบัติแหลมคม
เพื่อให้แน่ใจว่าจางหยาไม่ได้แอบกินผีผู้หญิงไร้หัวไปเงียบ ๆ เฉินเกอจึงเปิดหนังสือการ์ตูนแอบดู หญิงไร้หัวยังอยู่ที่นั่น ร่างของเธอยังไม่ได้จางหายไป แต่เธอดูเชื่อฟังมากขึ้นมาก
หญิงไร้หัวเป็นวิญญาณสีเลือดตนหนึ่งที่ฉันวางแผนจะให้เข้าร่วมกับบ้านผีสิง และซู่อินก็เป็นพนักงานที่เชื่อฟังคำสั่งของฉันไปแล้ว งั้นนี่ก็หมายความว่าจางหยาสามารถดูดซับความสามารถพิเศษของวิญญาณสีเลือดอื่น ๆ ผ่านทางฉันได้?
เฉินเกออ้าปากค้าง เขาไม่คิดว่านั่นจะเป็นไปได้
ความสามารถพิเศษที่เงานั่นพูดถึงน่าจะเป็นพลังพิเศษที่โทรศัพท์เครื่องดำระบุ ในเมื่อเงาสามารถมองเห็นคุณสมบัติพิเศษทั้งหมดของวิญญาณสีเลือด งั้นนี่ไม่ใช่หมายความว่าคุณสมบัติพิเศษของเขาเป็นอะไรอย่างเช่น การสังเกต เหรอ?
นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินเกอได้ยินคุณสมบัติพิเศษเช่นนี้ แต่เขาก็เชื่อว่าเงานั่นเข้าใจผิดแล้วครั้งนี้ จางหยาไม่ได้ครอบครองความสามารถพิเศษมากมาย มันก็แค่นอกจากพลังในการพันธนาการที่เธอมีอยู่แล้ว เธอครอบครองพลังต่าง ๆ ที่ฝังลึกอยู่ในร่างของเธอ
จางหยาครอบครองหน้าพิเศษเป็นของตัวเองในโทรศัพท์เครื่องดำ เฉินเกอเคยคิดว่านั่นเป็นเรื่องปกติของวิญญาณสีเลือดทั้งหมด แต่กระทั่งหลังจากซู่อินกลายเป็นวิญญาณสีเลือด เขาก็ยังไม่มีหน้าของตัวเอง
กระทั่งซู่อินกลายเป็นวิญญาณสีเลือด เขาก็ยังเป็นเพียงหนึ่งบรรทัดในรายชื่อพนักงาน แต่ชื่อของเขานั้นเปลี่ยนเป็นสีแดง
วิญญาณสัมภเวสีนั้นไม่มีพลังพิเศษอะไร วิญญาณอาฆาตส่วนน้อยที่มีจะพลังพิเศษ และนั่นก็เหมือนกับการสุ่มชิงโชค แต่ว่า วิญญาณสีเลือดทุกตนนั้นครอบครองพลังพิเศษหนึ่งชนิด วิญญาณสีเลือดตนหนึ่งอาจจะครอบครองพลังพิเศษที่มากกว่านั้น และยิ่งพลังพิเศษมีมากเท่าใด พวกเขาก็จะแข็งแกร่งมากเท่านั้น ถ้าคิดตามหลักนี้ ตัวตนที่เหนือกว่าวิญญาณสีเลือดจะครอบครองพลังแบบไหนกัน?
เฉินเกอพยายามคาดเดาดู และในความจริง เขาก็ยังพยายามคิดหาวิธีการวิวัฒนาการพนักงานของเขาให้ถึงระดับนั้น เวลาอันจำกัดของภารกิจระดับสี่ดาว– โรงเรียนแห่งปรโลก– นั้นกำลังจะหมดแล้ว เมืองหลี่ว่าน ภารกิจระดับสามดาวครึ่งนั้นยังทำให้เขาลำบากขนาดนี้ ถ้าเขาต้องท้าทายฉากระดับสี่ดาวจริง ๆ เขาอาจจะตายได้
ถึงแม้ฉากระดับสามดาวครึ่งจะไม่มีตัวตนที่เหนือกว่าวิญญาณสีเลือด แต่ก็ยังสังเกตเห็นร่องรอยของมันได้ ถ้าคิดตามนี้ ฉากระดับสี่ดาวน่าจะมีตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าวิญญาณสีเลือดปรากฏอยู่
เฉินเกอสูดลมหายใจลึก เมืองที่เขาอาศัยอยู่นั้นมีเรื่องผีมากมาย แต่กระทั่งในเมืองที่พิเศษเช่นนี้ ยังมีฉากระดับสี่ดาวแค่สามฉาก หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง เมืองนี้เป็นที่อยู่อาศัยของตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าวิญญาณสีเลือดถึงสามตน พวกเขาเป็นความลับที่ปิดบังไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของเมือง พวกเขาคือด้านที่มืดกว่ามืดของเมือง