ตอนที่เฉินเกอใช้เวลาไปกับการคิด สถานการณ์การต่อสู้ก็เปลี่ยนไปมาก ความวุ่นวายนั้นยิ่งมายิ่งมากขึ้น เงาเริ่มมีทีท่าเฉื่อยชาเมื่อถูกทั้งจางหยาและคุณหมอเกาโจมตี
ร่างกายที่สร้างขึ้นจากคำสาปนั้นไม่มีรูปร่างและรูปแบบ วิญญาณทั่วไปไม่สามารถทำอันตรายเงาได้ อันที่จริง การสัมผัสถูกนั้นมีแต่จะทำให้วิญญาณนั้นบาดเจ็บสาหัส เพียงแค่เรื่องนี้ เงาก็สามารถจัดการกับวิญญาณสีเลือดตนไหนก็ได้แล้ว แต่โชคร้าย เขามาเจอเข้ากับคุณหมอเกาและจางหยา
วิญญาณสีเลือดขั้นสูงทั้งสองตนนั้นนั้นสามารถกลืนกินคำสาปได้เป็นจำนวนมาก การมีพลังมหาศาลนั้นเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา– พลังพิเศษของพวกเขานั้นยังดูเหมือนจะเป็นจุดอ่อนโดยธรรมชาติของเงา การจองจำของหมอเกาและพันธนาการของจางหยานั้นได้เปรียบเมื่อต้องรับมือกับเงา พวกเขาขวางทางหนีของเงาเอาไว้แล้วยังทำให้เงาต้องรับมือสองทาง
การต่อสู้ระหว่างวิญญาณสีเลือดนั้นน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ฉีกทึ้งความแค้นของอีกฝ่ายมาหล่อเลี้ยงตนเอง นี่เป็นภาพที่คนธรรมดาก็คงนึกจินตนาการไม่ออก แต่ว่า มันเป็นสิ่งไม่อาจจะธรรมดาไปมากกว่านี้ได้แล้วสำหรับเหล่าวิญญาณ
เงานั้นปกคลุมไปด้วยคำสาป แต่ว่าวิญญาณสีเลือดขั้นสูงทั้งสองนั้นไม่สนใจเรื่องนั้น หลายอย่างที่คุณหมอเกาแบกรับเอาไว้นั้นผลักให้เขาไปอยู่ที่ปากเหวแห่งความบ้าคลั่ง ขณะที่จางหยาดูเป็นปกติ หลังจากต่อสู้ไป เงาก็ตระหนักว่าความบ้าคลั่งของผู้หญิงคนนี้นั้นไม่ได้น้อยไปกว่าประธานทั้งสองคนของสมาคมเล่าเรื่องผี
ร่างกายสีดำมืดนั้นแตกออกครั้งแล้วครั้งเล่า เลือดสีดำซึมออกจากใบหน้าของเด็กทารก ทุกคนตรงนั้นได้ยินเสียงประหลาด มันเหมือนกับท้องฟ้าสีแดงเลือดที่เหนือหัวพวกเขากำลังร้องไห้ หรือบางที มันอาจจะเป็นผืนดินที่ได้รับความเสียหายจากฝันร้ายเหล่านี้กำลังคร่ำครวญ
น้ำตาและเสียงหัวเราะ พวกเขาเห็นเด็กคนหนึ่งถือมีดยืนอยู่ในตรอกที่ค่อย ๆ ถูกน้ำฝนหนาหนักท่วมทับ ลำคอมีเชือกผูกเอาไว้ ศีรษะถูกกดลงกับพื้น น้ำตาผสมเข้ากับสายฝน เด็กคนนั้นกรีดร้องและร้องไห้ขอความช่วยเหลือ เขาร้องไห้และร้องไห้จนกระทั่งมุมปากเปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้ม
จมอยู่ในเส้นทางดำมืด ถูกไฟแผดเผา มีคมกริบกรีดเลือดเนื้อ และถูกฝังเอาไว้ในหลุม ไม่สามารถหายใจได้ ไม่รู้สึกถึงแสงอาทิตย์ที่ตกต้องใบหน้า ทั้งหมดที่เขาเอื้อมถึงก็คือมือของตัวเองที่มีแผลเป็นน่าเกลียดมากมาย
“ทำไมแกถึงต้องการฆ่าฉัน? ฉันทำอะไรผิด?”
ร่างกายของเงาสลายไป คำสาปที่เหลืออยู่เปลี่ยนไปเป็นหลอดเลือดและแทงเข้าไปในหัวใจของเด็กทารก
รูปร่างและรูปแบบค่อย ๆ ถูกแกะขึ้นบนใบหน้าที่เดิมไร้เครื่องหน้าของเด็กทารก กระดูกอ่อนถูกบีบให้อยู่ในรูปประหลาดขณะที่ร่างกายถูกคำสาปและความอาฆาตแค้นเติมเต็ม เด็กลืมตาขึ้นมองมายังเฉินเกอที่มีเส้นผมสีดำเป็นเกราะป้องกัน
หัวใจในอกของมันเต้นตุบ และท้องฟ้าก็เริ่มหลั่งฝนเลือด ภาพของเฉินเกอนั้นแผดเผาอยู่ในม่านตาของเด็กทารก ขณะที่หัวใจของเด็กเต้นหนักหน่วง อ้าปากฮุบอากาศอย่างกระหาย เด็กทารกดูไม่คล้ายปิศาจที่ถูกสร้างขึ้นจากคำสาป และดูคล้ายกับคนเป็นมากกว่า
มันเข้าไปสิงอยู่ในเด็กทารกของมันเอง แต่ว่าอวัยภายในก็ยังเต้นด้วยจังหวะของตนเอง ร่างกายของมันนั้นราวกับจะพังทลายจากข้างใน แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ริมฝีปากของมันก็ยังขยับเป็นรอยยิ้ม ดวงตาเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แทนที่ความเหี้ยมโหดและความพ่ายแพ้เดิมด้วยความชั่วร้ายและอาฆาตแค้น
“นี่ไม่ใช่ดวงตาของเงา!” เฉินเกอหรี่ตามองไปยังภาพสะท้อนของตนเองในดวงตาของเด็กทารกผ่านช่องว่างของเส้นผม มันเป็นสิ่งที่เขาเกือบจะจำไม่ได้ แต่เขาแน่ใจว่านี่เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของตัวเขาเอง!
“ฉันตายเพื่อแกไปตั้งหลายครั้ง– มันได้เวลาที่แกจะตายแทนฉันบ้างแล้ว”
หลอดเลือดฝอยแตกออกและร่างกายของเงาก็สลายไปโดยสมบูรณ์ ผีทารกรูปร่างพิกลพิการคลานออกจากช่องอก ขณะที่ฝนเลือดตกอยู่รอบตัวมัน มันก็พุ่งเข้าใส่เฉินเกอ เคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากกว่าก่อนหน้าเป็นสิบเท่า
เส้นผมสีดำหลายชั้นถูกดึงทึ้งออกและแม้จะมีโซ่ล่ามมันเอาไว้ ความเร็วของผีทารกก็ไม่ได้ช้าลง ร่างกายของมันค่อย ๆ ฉีกขาดออกแต่ภาพของเฉินเกอในดวงตาของมันกลับชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ คำสาปเปลี่ยนไปเป็นเส้นสายสีดำพุ่งเข้าไปในดวงตาของมัน พันธนาการรอบเงาเฉินเกอในดวงตาของมัน ระยะห่างระหว่างพวกเขานั้นยังอีกระยะหนึ่งแต่เฉินเกอพบว่าตัวเองไม่สามารถขยับได้แล้ว เขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างมัดเขาเอาไว้
“มันทำเช่นนี้ได้อย่างไรโดยที่ไม่ต้องสัมผัส? นี่เป็นพลังชนิดไหนกัน? คำสาปแบบหนึ่งงั้นเหรอ?” ผีทารกนั้นสูบกินเงาจนแห้ง และมันก็ดูเหมือนจะกำลังใช้พลังของตัวเองอยู่ตอนนี้ เส้นสีดำรอบตัวเฉินเกอในดวงตาของมันเริ่มลุกไหม้ เปลวไฟสีดำนั้นแผดเผาเฉินเกอในดวงตาของมัน และเฉินเกอในความเป็นจริงก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดแบบเดียวกัน มันยิ่งกว่ามีมดล้านตัวไต่ไปทั่วตัวเฉินเกอ ทั้งใต้ผิวและบนผิวของเขา พวกมันกัดผิวเนื้อเขา ทีละตารางนิ้ว ทิ้งความรู้สึกเหมือนถูกเผาเอาไว้เบื้องหลัง
“ความดีงามทุกอย่างของแกนั้นกลายเป็นอาหารให้ความสิ้นหวัง ฉันจะรอคอยแกอยู่ที่นรกที่ลึกที่สุด…” ริมฝีปากของเด็กทารกฉีกออกจากกัน สายตาของมันมองจ้องมาที่เฉินเกออย่างลึกซึ้ง “เงาของฉัน”
ปัง!
เส้นผมสีดำบดบังการมองเห็นของเฉินเกอขณะที่โอบพันอยู่รอบตัวเขาโดยสมบูรณ์ เส้นผมสีดำคลานเข้าไปในร่างเฉินเกอ มันกลืนกินคำสาปทีละนิด– นี่เป็นพลังของความตะกละ ผีเด็กทารกนั้นกำลังใช้พลังของผีทารก กระทั่งวิญญาณสีเลือด คำสาปเช่นนี้ก็ยังยากที่จะย่อย และผีทารกก็ใช้มันกับคนเป็น ๆ คนหนึ่ง
“เขาเพิ่งพูดว่าฉันเป็นเงาของเขาใช่ไหม?” เฉินเกอยังไม่สามารถควบคุมร่างของตัวเองได้แต่จางหยากำลังกลืนกินคำสาปอย่างช้า ๆ ด้วยสติสัมปชัญญะระดับเหนือมนุษย์ เฉินเกอไม่ได้ล้มพับไป ผ่านช่องว่าง เขาลืมตามองไปยังผีทารก
โซ่และเส้นผมสีดำพันอยู่รอบร่างของมัน และผีทารกก็หยุดอยู่ห่างจากเฉินเกอสามเมตร แขนของจางหยานั้นแทงผ่านดวงตาของเด็กทารกไปขณะที่หมอเกากำอยู่รอบหัวใจของเด็ก
“แค่อีกนิดเดียว?” เสียงที่ทำให้สันหลังเย็นวาบหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากที่แตกออก ผีทารกหัวเราะอยู่ในฝนเลือด การเขยื้อนขึ้นลงของหน้าอกของมันนั้นกลายเป็นรุนแรงมากขึ้นขณะที่ร่างของมันเริ่มพองออกเหมือนลูกโป่ง “เฉินเกอ ฉันจะจำวันนี้เอาไว้ เพื่อชดใช้ ฉันจะทำให้แกต้องจดจำทุก ๆ วันต่อ ๆ ไป”
ผีทารกหันหน้าหนี มันหันมองไปที่สักแห่งในจิ่วเจียงตะวันออก กระดูกเริ่มเหยียดออก และร่างกายที่ใช้เพียงครั้งเดียวทิ้งนี้ก็เพิ่มจำนวนขึ้นอีกครั้ง! ประหลาด สัญลักษณ์สีดำปรากฏขึ้นบนผิวของผีทารกซึ่งดูเหมือนคำสาปแรกเริ่มที่สุด
“ระวัง!” คำเตือนของเฉินเกอนั้นมาช้าเกินไป เส้นสีดำหลุดออกจากในร่างของมัน สัญลักษณ์สีดำนั้นทิ้งร่างหนีไปและร่างกายของผีทารกก็ระเบิดจากข้างใน!
เขารู้สึกเหมือนแก้วหูของตัวเองกำลังจะฉีก หลังจากนั้นครู่หนึ่งทุกอย่างก็เงียบลง และจิตใจของเขาก็ว่างเปล่า ทั้งหมดที่เฉินเกอรู้สึกก็คือร่างของเขานั้นล้มไปด้านหลังก่อนที่จะดิ่งลงไป สุดท้ายแล้วเขาก็ถูกบางอย่างจับเอาไว้ที่กลางอากาศ
ตอนที่เฉินเกอลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็พบว่าตัวเองนั้นห้อยอยู่ด้านนอกชั้นเก้าของตึกในเปลผมสีดำ
“จางหยา?” เส้นผมสีดำยังอยู่รอบ ๆ แต่ว่าที่เหนือชั้นที่สิบเริ่มแสดงสัญลักษณ์ของคำสาป
“เธอเป็นคนที่ผลักฉันลงมา?” ฝนเลือดหยุดไปแล้ว มีเสียงผีกรีดร้องดังอยู่รอบ ๆ โดยมีอพาร์ทเม้นท์ผีเป็นศูนย์กลาง ความวุ่นวายที่พวกเขาสร้างขึ้นนั้นมากมายนักจนดึงดูดวิญญาณทั้งหมดรอบเมืองหลี่ว่าน
“เสียงกรีดร้องเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่หวาดกลัวเงานั่น โลกที่ด้านหลังประตูนี่น่ากลัวแค่ไหนกันแน่?”
หมอกเลือดปกคลุมทุกอย่าง กระทั่งดวงตาหยินหยาง เฉินเกอก็มองไม่เห็นปิศาจพวกนี้– เขาแค่ได้ยินเสียงเท่านั้น เส้นผมสีดำดึงเขาขึ้นไป ตอนที่เฉินเกอกลับขึ้นไปบนดาดฟ้า เขาก็ตกใจกับภาพที่ได้เห็น
ตอนที่ร่างของผีทารกระเบิด ทั้งจางหยาและคุณหมอเกาไม่มีใครถอย วิญญาณสีเลือดขั้นสูงทั้งสองนั้นเลือกเหมือนกัน– พวกเขาเลือกโจมตีเด็กทารกนั่นพร้อมกัน!
ไม่มีใครในพวกเขายกการป้องกันขึ้นมา ครึ่งหนึ่งของเส้นผมสีดำและโซ่ล้วนเสียหาย และสิ่งที่เลวร้ายที่สุด สัญลักษณ์ของผีทารกเริ่มปรากฏขึ้นบนร่างของจางหยาและคุณหมอเกา สัญลักษณ์เหล่านี้นั้นแหวกว่ายไปทั่วร่างของพวกเขาราวกับปลา และมันยังต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการกำจัด
พวกเขาล้วนอยู่ในสภาพย่ำแย่ คุณหมอเกาแขนหายไปข้างหนึ่ง คำสาปและอารมณ์ด้านลบล้วนไม่ถูกกดเอาไว้แล้ว และใบหน้าของผู้บริสุทธิ์ก็กรีดร้องโหยหวนไม่รู้จบสิ้น
ร่างกายของจางหยาที่เผชิญกับเงานั่นมีประทับคำสาปและที่ทำให้เธอโกรธที่สุดก็คือมันปรากฏบนใบหน้าที่มีบาดแผลของเธอด้วยเหมือนกัน คุณหมอเกานั้นมีพลังพิเศษในการกดข่มและการเปลี่ยนรูปขณะที่จางหยานั้นมีพลังในการกลืนกิน ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่พวกเขาก็ไม่มีใครคิดถอย พวกเขาล้วนอดทนเอาไว้ พร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งต่อไป
“ทำไมพวกเขาถึงได้กังวลถึงการต่อสู้ครั้งต่อไป?” เฉินเกอมองไปที่กลางดาดฟ้า แขนของหมอเกาที่กดหัวใจของผีทารกเอาไว้ก่อนหน้านี้นั้นตกอยู่ตรงนั้น มันเกือบจะสลายไปเพราะคำสาป และส่วนใหญ่กว่าของแขนนั้นก็ละลายไปกับเลือดสีดำ แต่ว่าหัวใจของผีทารกนั้นไปไหนแล้วไม่รู้
“มันถูกระเบิดไปเหรอ?”
หลังจากมองไปรอบ ๆ เฉินเกอก็ตระหนักว่าแขนอีกข้างที่ยังเหลืออยู่ของหมอเกานั้นกำหัวใจสีแดงเลือดครึ่งหนึ่งเอาไว้ หัวใจนี้นั้นมีขนาดแค่หนึ่งในห้าของขนาดหัวใจปกติ และมันก็ปกคลุมไปด้วยลวดลายสีดำ
“หัวใจของวิญญาณสีเลือดนั้นมีสีแดง ถึงแม้ว่าหัวใจนี่จะเล็ก มันก็ยังต่างไปจากหัวใจของวิญญาณสีเลือด ความรู้สึกที่ฉันได้รับจากลวดลายสีดำเหล่านั้นคืออันตรายมาก เหมือนมองอีกสักสองสามทีก็จะทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นกับฉัน”
หมอเกานั้นกำหัวใจครึ่งหนึ่งเอาไว้ และอีกครึ่งหนึ่งนั้นอยู่กับจางหยา– พวกเขาทั้งคู่ต้องการสิ่งที่อีกฝ่ายถือเอาไว้ ไม่ต้องพูดอะไรเฉินเกอก็ถอยหลังไปเงียบ ๆ เขามองเข้าไปในกระเป๋าสะพายหลังของตัวเองแล้วก็เรียกพนักงานที่เหลือของตัวเองออกมา
“บางทีฉันอาจจะพูดคุยด้วยเหตุผลกับคุณหมอเกาได้ เขาเป็นผู้ชายที่มีความคิดอ่านกระจ่างชัด ดังนั้นฉันเชื่อว่าเขาจะสามารถมองภาพรวมของเรื่องราวได้” ตอนที่ร่างกายของผีทารกระเบิด ไป๋ชิวหลินและผู้หญิงในอุโมงค์ล้วนซ่อนตัวอยู่ในหนังสือการ์ตูน คำสาปดูเหมือนจะใช้การได้กับร่างคนเป็นและวิญญาณเท่านั้น มันไม่มีผลอะไรมากนักกับสิ่งที่ไม่มีชีวิต
เฉินเกออันที่จริงต้องการถามผีผู้หญิงจากอุโมงค์ว่าอยู่ในหนังสือการ์ตูนของเอี๋ยนต้าเหนียนนั้นสบายดีอยู่หรือเปล่า แต่พอคิดถึงว่าจางหยาอยู่ข้าง ๆ เขา เฉินเกอก็ปิดปากเงียบ
ทั้งสองฝ่ายยืนนิ่งอยู่บนดาดฟ้ารักษาความสมดุลเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ การต่อสู้ครั้งใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ผ่านไประมาณสิบนาที ก็มีเสียงระเบิดดังมาจากทางเมืองหลี่ว่าน ทุกคนหันไปเห็นคลื่นสีแดงกระแทกมาทางเขตที่พักหมิงหยาง ในหมอกหนาสีเลือด เจ้าของเมืองหลี่ว่านตัวจิง เสี่ยวปู้ รีบร้อนมาทางอพาร์ทเม้นท์ผีพร้อมกับลากเหมินหนานและเหล่าโจวมาด้วย
เสี่ยวปู้นั้นไม่ใช่วิญญาณสีเลือดธรรมดา ประตูในเมืองหลี่ว่านนั้นหลุดจากการควบคุม และอิทธิพลของมันก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตึกเดียวอีกต่อไปแล้วแต่ว่าแผ่ไปทั่วทั้งเมือง ในฐานะผู้เปิดประตู พลังของเสี่ยวปู้เพิ่มมากขึ้น เธอมีพลังแค่ไหนนั้น เฉินเกอเองก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ว่าเธอไม่ได้อ่อนแอไปกว่าผีตะกละที่โรงแรมแน่นอน
ถ้าเป็นวิญญาณสีเลือดธรรมดาก็แล้วไป แต่มีวิญญาณสีเลือดขั้นสูงอีกตนเป็นพวกเดียวกับเฉินเกอ สมดุลนั้นก็เปลี่ยนไป ในตอนที่ประธานทั้งสองของสมาคมเล่าเรื่องผีเปลี่ยนไปมองเสี่ยวปู้ พวกเขาก็หันมองกันและกัน จากนั้นพวกเขาก็ลงมือพร้อมกัน
“ตามไป! ผมมีหลายอย่างที่ต้องการถามเขา!” เฉินเกอร้องสั่ง คุณหมอเกากระโดดลงไปจากหลังคา โซ่แทงเข้าไปในตึกและเขาก็ทิ้งตัวลงไปก่อนที่จะหายไปในหมอกเลือดพร้อมกับหัวใจครึ่งหนึ่งนั่น
คุณหมอเกาหนีไปนั้นทำให้เฉินเกอประหลาดใจอย่างชัดเจน เขาไม่รู้ว่าทำไมชายเสียสติคนนี้ถึงกลายเป็นตัดสินใจเด็ดเดี่ยวอย่างกะทันหัน บางที กลไกสักอย่างในใจเขาอาจจะถูกกระตุ้นขึ้นมา หรือตอนนั้น ‘ความสิ้นหวัง’ ทั้งหลายในตัวคุณหมอเกาตัดสินใจเหมือน ๆ กัน
“เขาจากไปทั้งอย่างนี้ ฉันยังมีหลายอย่างเกี่ยวกับประตูที่บ้านผีสิงที่อยากจะถามเขา” เฉินเกอไม่สนใจว่าคุณหมอเกานั้นเสียสติ เขาจะใช้เวลาและพยายามช่วยเขา แต่มันกลายเป็นว่าคุณหมอเกาไม่ต้องการความช่วยเหลือของเขา
หลังจากคุณหมอเกาจากไป เส้นผมสีดำบนดาดฟ้าก็หายไปอย่างรวดเร็ว และจางหยาก็ก้าวยาว ๆ เข้าไปหาเฉินเกอไม่พูดไม่จา เส้นผมของเธอนั้นปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่งของเธอเอาไว้ ตอนที่เฉินเกอคิดว่าเธอกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง ดวงตาของจางหยาก็กวาดผ่านใบหน้าของผุ้หญิงจากอุโมงค์ และจากนั้นก็เอื้อมเข้าไปในหนังสือการ์ตูนคว้าเอาผู้หญิงไร้หัวออกมา
โดยไม่สนใจเอี๋ยนต้าเหนียนที่ขดตัวอยู่ที่มุมของหนังสือการ์ตูน จางหยาผูกผมเส้นหนึ่งของเธอเอาไว้รอบข้อมือหญิงไร้หัว จากนั้นเธอก็เอนตัวพิงหลังของเฉินเกอแล้วหายเข้าไปในเงาของเขา มองทางที่จางหยาเดินมาแล้วก็พบว่ามีเลือดสีดำลากเป็นรอยยาว เธอดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บหนัก
“ระหว่างการต่อสู้กับสมาคมเล่าเรื่องผีก่อนหน้านี้ ก่อนที่เธอจะเข้าสู่ภาวะจำศีล จางหยาให้ตุ๊กตาที่ช่วยฉันรับอันตรายถึงตายไว้ตัวหนึ่ง
“คราวนี้ เธอพันเส้นผมของเธอรอบข้อมือหญิงไร้หัว บังคับให้เธอต้องยอมจำนนน่าจะเป็นอะไรที่ให้ผลเหมือนกัน
“อย่างนั้นนี่ก็หมายความว่าจางหยากำลังจะจำศีลอีก? นี่เป็นเพราะว่าเธอได้รับบาดเจ็บหนักหรือว่าเธอต้องการเวลาในการค่อย ๆ ย่อยหัวใจครึ่งหนึ่งของผีทารกกันแน่?”
เฉินเกอนั้นคุ้นเคยกับนิสัยของจางหยา ตอนที่สายตาของเธอมองไปที่หญิงจากอุโมงค์ก่อนหน้านี้ เธอก็อาจจะวางแผนเปลี่ยนหญิงจากอุโมงค์ไปเป็นตุ๊กตา แต่ว่า ในสภาพตอนนี้ของเธอนั้น จางหยาไม่มั่นใจเต็มที่ว่าการเปลี่ยนร่างนั้นจะสำเร็จ ดังนั้นเธอจึงเลือกตัวเลือกที่ดีที่สุดรองลงมาและถักทอคำเตือนของเธอเข้าไปในร่างของหญิงไร้หัว
“สภานการณ์ของหมอเกานั้นย่ำแย่เสียยิ่งกว่าจางหยา แต่ว่าฉันก็ยังต้องระวังเอาไว้ พวกเขาทั้งคู่เป็นวิญญาณสีเลือดที่แข็งแกร่งที่สุด และตอนนี้ พวกเขาล้วนได้ครอบครองหัวใจของตัวตนที่แข็งแกร่งว่าวิญญาณสีเลือด ถ้าคุณหมอเกาทำได้สำเร็จ คืนหนึ่ง เขาก็อาจจะปรากฏตัวจากด้านหลังประตูที่บ้านผีสิง”
ตอนนี้ คุณหมอเกานั้นไม่สามารถควบคุมอารมณ์ด้านลบและคำสาปได้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สามารถควบคุมพวกมันได้หลังจากทะลวงขีดจำกัดและกลายไปเป็นบางอย่างที่แข็งแกร่งกว่าวิญญาณสีเลือด เมื่อคุณหมอเกาได้สติกลับมา เขาย่อมกลายเป็นศัตรูที่น่ากลัวมาก
“พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดรวมเข้ากับความฉลาดที่สุด แล้วฉันจะยังทำอะไรได้? บางทีฉันอาจจะให้เกาหรูเซว่ย้ายมาอยู่กับฉันที่บ้านผีสิง ให้เธออยู่ห้องข้าง ๆ ห้องน้ำ?”
“บอส!” เหล่าโจวขัดจังหวะพึมพำของเฉินเกอ
“ต้องขอโทษที่รบกวนทั้งหมดนี่นะ” เฉินเกอพูดจากใจจริง เขาต้องการกอดเหล่าโจวสักครั้งแต่ก็กวาดมือผ่านร่างเขาไป จากนั้นก็เข้าใจได้ว่าทำไม “ผมดีใจที่พวกคุณทุกคนไม่เป็นอะไร”
หลังจากคุยกับเหล่าโจวสั้น ๆ และสัญญากับเหมินหนาว่าจะส่งเขากลับไปยังหอผู้ป่วยสามเพื่อซ่อนหน้าต่างของเขา เขาก็เก็บทุกตนเข้าไปในหนังสือการ์ตูน
“เสี่ยวปู้ เงาถูกฆ่าไปแล้ว เธอเป็นอิสระแล้วตอนนี้ แต่เธอก็ห้ามประมาท ร่างหลักของเงา ผีทารก นั้นกำลังจะถือกำเนิด และยังมีโอกาสที่เขาจะกลับมา” คำบอกใบ้ของเฉินเกอนั้นชัดเจนไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว เสี่ยวปู้ไม่ได้ตอบเฉินเกอตรง ๆ เสียงน้ำหยดดังมาจากช่องบันได ผู้หญิงในชุดเสื้อกันฝนสีแดงมาถึงพร้อมกับแขนขาที่เหลืออยู่ของเสี่ยวปู้และอุ้มถงถงเอาไว้ในอ้อมแขน เธอพยายามอ้าปากที่ถูกเย็บออก ต้องการพูดบางอย่างกับเฉินเกอ
“คุณเจอลูกของคุณแล้ว?” เฉินเกอเข้าใจว่าผู้หญิงในชุดเสื้อกันฝนเข้ามาที่อพาร์ทเม้นท์ผีเพื่อตามหาลูกของเธอ เขายังเห็นว่าตึกนั้นเต็มไปด้วยเด็ก ๆ ที่ถูกเงาสูบเอาความทรงจำไป
ผู้หยิงในชุดเสื้อกันฝนสีแดงส่ายหน้า เธอวางชิ้นส่วนของเสี่ยวปู้เอาไว้ไม่ไกลจากเสี่ยวปู้นักและหันหลังกลับ
น้ำจากเสื้อกันฝนของเธอไหลไปบนพื้นเกิดเป็นประโยค “ฉันจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะเจอเขา จากนั้นฉันจะไปหาคุณ”
“ผมรู้ว่าคุณอยากจะขอบคุณผม แต่คำสัญญานี่พอเป็นตัวหนังสือแล้วทำไมมันถึงดูน่ากลัว?” เฉินเกอไม่ได้รั้งเธอเอาไว้ เขามีอย่างอื่นอีกมากมายที่ต้องทำตอนนี้