มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 610
กลุ่มที่สามที่หลัวซิวอยู่ หลังจากที่เหลียนเอ๋อร์พ่ายแพ้ไปแล้ว ก็เหลือหลัวซิวกับอีกคน

เขาเป็นชายหนุ่มในชุดผ้าฝ้าย ชุดท่อนบนของเขาปักลายนกบินผ่านเมฆขาว ส่วนท่อนล่างปักลายภูเขาและลำธาร

“สำนักฟ้าดิน แดนใต้”

ดูจากเครื่องแต่งกายก็รู้ว่า หนุ่มชุดผ้าฝ้ายคนนี้เป็นคนที่มาสำนักฟ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์จากแดนใต้

นกบินผ่านเมฆขาวหมายความถึงท้องฟ้า ภูเขาและลำธารหมายความถึงแผ่นดิน เมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้วจึงหมายถึงฟ้าดิน

“พลังของเจ้าแข็งแกร่งมาก ร่างยุทธ์แดนมกุฎขั้นกลาง ตัวสำนึกมกุฎยุทธ์ขั้น 7 ขึ้นไป และดูเหมือนว่ายังมีวิชาลับที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งการโจมตีได้อีก และยังมีสมบัติที่ช่วยเสริมการสูญเสียพลังจิตแท้อย่างรวดเร็ว”

ชายหนุ่มในชุดผ้าฝ้ายนี้สังเกตฝีมือในการต่อสู้ของหลัวซิวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มาโดยตลอด จึงพอดูออกว่าหลัวซิวมีอะไรครอบครองอยู่ในมือบ้าง

จะว่าไปแล้วนั่นก็เป็นเพราะการฝึกตนของหลัวซิวนั้นต่ำเกินไป หากการฝึกตนของเขาไม่ต่างจากอัจฉริยะในแดนศักดิ์สิทธิ์มากนัก เขาไม่จำเป็นต้องใช้ไพ่เด็ดมากมายขนาดนี้ก็สามารถรับมือได้

“ไม่ทราบว่านอกจากพวกนี้แล้ว เจ้ายังมีไพ่เด็ดอื่นอีกหรือไม่” ชายหนุ่มชุดผ้าฝ้ายอมยิ้ม

“หากข้าบอกว่าไม่มีแล้ว เจ้าจะเชื่อหรือไม่” หลัวซิวหัวเราะด้วยท่าทางที่ไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ

เมื่อเห็นท่าทางสงบนิ่งไม่แยแสของหลัวซิว ชายหนุ่มชุดผ้าฝ้ายก็ชะงักไป “เจ้านี่ช่างมั่นใจในตัวเองนัก ดังนั้นเจ้าก็มีคุณสมบัติที่จะรับรู้ชื่อของข้า เจ้าฟังให้ดี วันนี้คนที่จะเอาชนะเจ้าได้มีนามว่าสวีเฟิง”

สวีเฟิงกล่าวพลางหรี่ตาลง พลังอันเข้มข้นย่าเกรงขามแผ่ซ่านออกมาจากร่างของเขา ราวกับพายุฝนที่ตั้งเค้ามานานแล้ว ทำให้บรรยากาศโดยรอบเริ่มบิดเบี้ยว

มกุฎยุทธ์ขั้น 7!

เมื่อสวีเฟิงแสดงพลังออกมา หลัวซิวก็ตัดสินได้ทันทีว่าการฝึกตนของเขานั้นไปถึงแดนมกุฎยุทธ์ช่วงปลายแล้ว

การที่อัจฉริยะที่เกิดในแดนศักดิ์สิทธิ์สามารถฝึกตนถึงแดนมกุฎยุทธ์ช่วงปลายได้ก่อนอายุ 40 ปีนั้นก็นับว่าเป็นคนที่ทรงคุณค่าแล้ว คนส่วนใหญ่มักจะติดอยู่ที่มกุฎยุทธ์ช่วงต้น มีเพียงจำนวนน้อยคนที่จะสามารถก้าวเข้าสู่มกุฎยุทธ์ขั้นกลางได้

และมกุฎยุทธ์ขั้นกลางกับขั้นปลายก็นับว่าเป็นเส้นแบ่งระหว่างอัจฉริยะขั้นสุดยอดกับอัจฉริยะไร้เทียมทาน

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังกดดันที่มาจากสวีเฟิง หลัวซิวแทบไม่ได้รับผลกระทบใด เขาเคลื่อนที่พลันหายตัววับไปในทันที โดยใช้วิชาล่องหนไท่เสวียนกระโจนเข้าใส่อีกฝ่าย

“ปิดฟ้าดิน!”

สวีเฟิงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา เขาชูตราประทับขึ้น ทำให้บรรยากาศรอบเวทีประลองยุทธ์ได้รับผลกระทบและเริ่มแข็งทื่ออยู่กับที่ ทำให้หลัวซิวไม่สามารถใช้วิชาล่องหนไท่เสวียนในการเทเลพอร์ตไปยังบริเวณใกล้ๆ นี้ได้

สำหรับนักยุทธ์ทั่วๆ ไปนั้น เทเลพอร์ตเป็นความสามารถที่แข็งแกร่งมาก แต่สำหรับนักยุทธ์ที่เป็นยอดฝีมือนั้น สามารถหาวิธีในการเอาชนะเทเลพอร์ตได้

ในเมื่อเทเลพอร์ตไม่ได้ผล ก็เหลือทางเดียวคือใช้ความเร็วของวิชาท่าร่างบรรลุมังกรเขียว สำหรับหลัวซิวแล้ว ใช้เวลาเพียงหายใจเข้าออกก็สามารถบุกไปถึงหน้าสวีเฟิงได้แล้ว

สวีเฟิงไม่ใส่ใจ เขาชูตราประทับออกมาอีก พื้นของเวทีประลองยุทธ์พลันสั่นสะเทือนขึ้นมา กำแพงหินเริ่มยกตัวเป็นเกลียวคลื่น

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

หลัวซิวใช้ร่างเนื้ออันแข็งแกร่งปะทะเข้ากับกำแพงหินแต่ละอันจนพังทลาย แต่กำแพงหินพวกนี้กลับต่อเนื่องทอดยาว ดังนั้นเขาทำลายไปแล้ว 18 อันก็ยังบุกไปไม่ถึงตัวสวีเฟิง

“เฮอะ ร่างยุทธ์ร่างเนื้อของเจ้าแข็งแกร่ง แต่หากเจ้ามีไม้เด็ดแค่นี้ก็นับว่าทำให้ข้าผิดหวังยิ่งนัก”

สวีเฟิงแค่นยิ้ม จากนั้นทั่วร่างของเขาก็ปรากฏเปลวไฟสีเขียวลุกโชนขึ้นมา เขาเพียงยกมือขึ้น พลังอันหนักแน่นรุนแรงก็ปะทุออกมาจากพื้นใต้เท้าของเขา แล้วมารวมอยู่ที่ฝ่ามือของเขา

“ใช้พลังฟ้าดินมาช่วยงั้นหรือ” ดวงตาของหลัวซิวหรี่เล็กลง