TB:บทที่ 245 ศึกระหว่างหลอมรวมธรรมชาติ

 

ได้ฟังที่เฉินหลงว่าดังนั้นแล้ว เต๋าไป่ไม่กล้าจะเดินมาข้างหน้าอีก ทว่าเขาจ้องมองเฉินหลงอย่างระแวดระวัง พวกเขาเป็นคนร้ายมาหลายปี พวกเขาชินชากับการที่ต้องระแวง

เมื่อเห็นว่าเต๋าไป่ไม่กล้าจะเดินมาข้างหน้าแล้ว เฉินหลงเผยสีหน้าเหยียดหยามเขากล่าวไปว่า “ข้าให้พวกเจ้าทุกอย่างเลย แต่ถ้าเจ้าไม่กล้าจะมาขอ ข้าก็จะไปแล้ว” สิ้นคำเฉินหลงกำลังจะเดินออกไป

 

“รอเดี๋ยว ข้าต้องการมีดนั่น” ยักษ์ดำที่มีค้อนยักษ์เข้ามาขวางเฉินหลงไว้ น้ำเสียงของเขาไม่สู้ดีนัก

นี่คือทั่งตีเหล็กสีดำแห่งฆาตกรทั้งเจ็ด เมื่อพี่ของเขาสั่งให้เขาฆ่า เขามักจะทุบคนให้แบนเป็นเนื้อบดด้วยแรงเหมือนดั่งเหล็ก

“ได้สิ มาเอาสิ” เฉินหลงยื่นมีดไปให้ เฮยเฉิน (ทั่งเหล็กดำ )

หัวของเฮยเฉินนั้นใช้งายได้ไม่ดี เมื่อเขาเห็นเฉินหลงยื่นมีดมาให้ เขาจึงรีบพุ่งไปเพื่อหยิบมีดมา

ในตอนนั้นเองที่ ยักบ์ขาวที่มีหมัดเหล็กยื่นหมัดออกมาพลังของเขาไปถึงระดับ “หลอมรวมธรรมชาติ” เขากล่าวว่า “น้องสี่ หยุดก่อน”

เขาคือหมัดเหล็กขาว แห่งฆาตกรทั้งเจ็ด กล่าวได้ว่า เนื่องจากเขาไม่ได้ต้องการจะเข้าไปยังวิหารศักดิ์สิทธิแล้ว พวกเขาทั้งเจ็ดคงตายในคุนหลุน ไป่เตียซวน (หมัดเหล็กขาว)ไม่เพียงมีพลังสูงที่สุดในหมู่คนทั้งเจ็ดเท่านั้น ทว่าเขายังฉลาดที่สุดในหมู่คนทั้งเจ็ดด้วย โดยปกติแล้ว เขาไม่ฆ่าใคร แต่หากเขาอยากจะฆ่าแล้วเขาจะต้องเชี่ยวชาญ เขาต้องฆ่าได้ในการโจมตีเดียว

อย่างไรก็ตามแต่ในครั้งนี้เขาตะโกนช้าไปเล็กน้อย เนื่องจากมีดของเฉินหลงไวกว่าคำพูดของเขา

เมื่อเฮยเฉินยื่นมือออกไปแล้ว มือของเฉินหลงพร้อมมีดในมือได้เหวี่ยงไปเบื้องหน้าแล้ว

หลังจากการฟันของเฉินหลง เฮยเฉินนิ่งไป สายตาของเขาเบิกกว้าง

สองวินาทีต่อมา มือข้างที่ถือทั่งเหล็กอยู่หักและส่วนบนของเฮยเฉินค่อยๆหล่นลงพื้น

เฮยเฉินอยู่ในระดับ ปลดปล่อยลมปราณ โดนเฉินหลงฆ่า

“น้องสี่ น้องสี่”

“พี่สี่”

………

ต่อหน้าต่อตา พี่น้องที่อยู่กันมาหลายปีของพวกเขาโดนฆ่าไปด้วยมีดเพียงเล่มเดียว พวกเขานิ่งอึ้งในตอนแรกจากนั้นพวกเขาทุกคนตะโกนออกมาอย่างแตกตื่น แล้วพวกเขาจึงมาล้อมรอบเฉินหลงพร้อมกัน

 

“โห ช่างโหดร้าย เขาตัดเฮยเฉิน โดยไม่ได้กระพริบตาเลย” นักบุญเฮยรุ่นเยาว์บนฟ้ามองเฉินหลงด้วยความสนใจเป็นที่สุด

อย่างไรเสีย นักบุญไป่รุ่นเยาว์ไม่ได้คิดว่าเฉินหลงน่าสนใจอย่างเพื่อนเขา เขาคิดว่าเฉินหลงช่างเลวร้าย และหากเป็นไปได้ คงจะดีกว่าหากไม่ไปทำให้เขาไม่พอใจ

“แกฆ่าพี่สี่” คนที่สนิทกับเฮยเฉินที่สุดคือ ไป่ฟู่ (ไป่ฟู่) คนที่มีขวานใหญ่สองอัน เขาจ้องมองเฉินหลง

 

ในทุกครั้งที่ไป่ฟู่ฆ่าคน เขาชอบทำให้ขวานทั้งสองของเขากลายเป็นสีเลือด เพื่อให้เขารู้สึกถึงความสวยงามมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นเขาคิดว่าชื่อของเขาควรจะชื่อว่าขวานเลือดไม่ใช่ไป่ฟู่ ในตอนนั้นเองเขาพยายามจะย้อมขวานเขาด้วยเลือดเฉินหลง

 

“ต้องขอโทษด้วย ข้าแค่ขยับมือ ข้าคาดไม่ถึงว่าเขาจะอ่อนขนาดนั้น เขาโดนมีดข่วนแล้วก็โดนฆ่าไป อุ้ย ข้าต้องขอโทษจริงๆ” แม้เฉินหลงจะกล่าวไปว่าเขาขอโทษแต่เขาก็ไม่ได้อยากจะขอโทษจริงๆ

“มือข้าสั่น ตอนนี้มือข้าสั่นด้วย” จากนั้นเขามองไปหาไป่ฟู

“น้องห้า หยุดก่อน” ไป่เตียซวน เดินไปและขวางขวานคู่ของไป่ฟู่ไว้

“พี่สาม เขาฆ่าพี่สี่” เมื่อเห็นว่า ไป่เตียซวน ขวางเขาไว้ ไป่ฟู่ พลันมีสายตาตื่น

“ไม่ต้องห่วงไป ข้าไม่ได้จะพูดว่าข้าจะไม่แก้แค้นให้น้องสี่ ข้าแค่จะถามคำถามเขาสักนิดหน่อยแล้วเจ้าค่อยจัดการหลังจากที่ถามเขาไป” ไป่เตียซวนว่าอย่างเย็นชา

“ท่านเทพ ท่านมาทำอะไรที่นี่ มีคนจากวิหารมาตามข้าหรือ ข้าจะให้น้องห้ามอบเวลาดีๆให้ท่านเอง หากท่านไม่ต้องการจะกล่าวอะไรแล้ว ข้าคิดว่าพวกเขาคงดูแลท่านอย่างดี”

 

ไป่เตียซวนว่า คนที่หกคือเฮยกุน

“ข้าแค่ผ่านมา ข้าจะไปต่อแล้ว แล้วเรื่องวิหาร ข้าไม่รู้” เฉินหลงชี้ทางที่เขาจะไปและบอก

“เยี่ยมมาก งั้นเจ้าก็ตายได้แล้ว น้องห้า เตรียมพร้อม” ป๋านเทียชวนไม่กล่าวอะไรอย่างอื่น เขาเพียงต้องการให้ไป่ฟู่จัดการ

เมื่อเขาฟังที่ไป่เตียซวนพูดขึ้น  ไป่ฟู่เผยยิ้มเหี้ยมโหดในทันที เขาฟันลงไปตรงหัวของเฉินหลง

“น่ารำคาญ” “สิบห้ากรกฎ”

ในทันทีที่ออกเสียง “สิบห้ากรกฎ” ก็ทำงานออกมา

หลังจากใช้กระบวนท่านั้นแล้ว เว้นแต่เพียงไป่เตียซวนที่หนีออกจากกระบวนท่านั้น ได้ด้วยพลังของหลอมรวมธรรมชาติ  อีกห้าคนที่เหลือโดนตัดขาดครึ่งท่อนด้วยกระบวนท่าของเฉินหลง

เบื้องบนของกระบวนท่าสิบห้ากรกฎมีประตูผีสาง ที่ผีน้อยใหญ่ออกมาทางประตูนั้น

“สิบห้ากรกฎ” ของเฉินหลงนั้นเกินจะทานทน

“ช่างเป็นมีดที่เยี่ยมอะไรเช่นนั้น”

 

กระบวนท่าของเฉินหลงทำให้แม้แต่นักบุญบนท้องฟ้ายังอยู่ไม่สุข

“แก แกทำได้อย่างไร แกฆ่าพวกเขาหมดได้อย่างไร” ไป่เตียซวนมองเฉินหลงด้วยสีหน้าโกรธจัด

คนพวกนี้เป็นพี่น้องที่อยู่ร่วมเป็นร่วมตายกันมา เป็นเวลาหลายปีที่คนทั้งเจ็ดอยู่ร่วมกัน ฆ่าผู้คนไปด้วยกัน ดื่มกินอาหารด้วยกัน ในตอนนี้เพียงแค่เสี้ยวพริบตา พวกเขาตายไปทั้งหมด และในอนาคตต่อไปจะเหลือเพียงตัวเขาแค่คนเดียวเท่านั้น ความรู้สึกนี้ช่างแย่เอามากๆ เขาจึงโกรธ

 

“ทำไมข้าถึงจะฆ่าคนพวกนี้ไม่ได้ ข้าเป็นเทพ พวกเจ้าก็เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่อ่อนน้อมเบื้องหน้าข้า ข้าอยากจะเอาชีวิตเจ้าไป อยากให้เจ้าตาย เรื่องนี้เหมาะสมแล้วนี่ อีกอย่างคือเจ้าก็อยากจะฆ่าข้าด้วย ก็มีเพียงแต่จะโดนสาป” เฉินหลงมองไป่เตียซวนด้วยใบหน้าเย็นชา

 

“เหอะ เจ้าเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตอ่อนแอในสายตาข้าเช่นกัน ในตอนนี้จงมอบชีวิตมาซะ” ไป่เตียซวนขยับนิ้วทั้งห้าในถึงมือเหล็ก

“โอ้ งั้นก็ เข้ามาแล้วเอาไปสิ” เฉินหลงยิ้ม

“ตายซะ” ไป่เตียซวนชกเฉินหลงตรงส่วนหัว

 

ในที่สุดไป่เตียซวนทำให้เฉินหลงเห็นพลังที่แท้จริงที่มีระดับ “หลอมรวมธรรมชาติ” ดูเหมือนว่าหมัดของเขาจะส่งพลังของสรวงสวรรค์และโลกหล้าใส่เฉินหลง

ด้วยหมัดของเขาเสมือนว่าเฉินหลงกำลังโดนกักขัง เขาขยับไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เขาทำได้เพียงมองการโจมตีของไป่เตียซวนที่ตรงเข้ามาทางหัวเขา

เฉินหลงขยับร่างของตนไม่ได้ ทว่าพลังจิตเขาช่างแข็งแกร่งนัก เฉินหลงหยิบโล่ป้องกันออกมาใช้งาน ทันเวลาพอดี ในทันทีที่โล่ป้องกันได้เริ่มต้นทำงาน โล่ได้ขวางหมัดของไป่เตียซวนไว้

 

เมื่อเห็นว่าหมัดของเขาโดนขวางไว้ ไป่เตียซวนขมวดคิ้วและกล่าวไปว่า “เกิดอะไรขึ้น”

แน่ชัดว่า หมัดของเขาโจมตีส่วนหัวของเฉินหลงได้อย่างสมบูรณ์ ทว่าทำไมจึงขวางไว้ได้กัน เกิดอะไรขึ้นเล่า ไป่เตียซวนไม่อาจเข้าใจได้

 

เนื่องจากเขาไม่อาจจะนึกได้ เขาจึงไม่อยากจะคิดอีกต่อไป เขาจึงชกไปอีกหมัด

หมัดของไป่เตียซวนชกเฉินหลง ทว่าร่างของเฉินหลงยังไม่อาจจะขยับได้ เขาพึ่งเพียงโล่ป้องกันเพื่อป้องกันทุกการโจมตีของไป่เตียซวน

และในตอนนี้เองเฉินหลงพึ่งโล่ป้องกันเพื่อขวางทุกหมัดของไป่เตียซวนได้ ทว่าเมื่อโล่ป้องกันใช้ได้ดีแล้ว เขาควรจะทำอย่างไรต่อ

พลังของไป่เตียซวนคล้ายกับจะไม่มีวันสิ้นสุด พลังในแต่ละหมัดไม่อ่อนแอลงไปเลยแม้แต่น้อย เช่นเดียวกับที่เขาไม่อ่อนล้า

 

“ลงไปช่วยเขากันเถอะ ไม่เช่นนั้นเขาจะโดนไป่เตียซวนฆ่าตาย” หลังจากที่เห็นเฉินหลงโดนทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียวแล้ว นักบุญทั้งสองพร้อมที่จะพุ่งลงไปหาเขา

ในตอนนั้น ภารกิจของทั้งสองคือการป้องกันคนที่กำลังโดนทำร้ายอยู่นี้ ทว่าหากมีสิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว เมื่อกลับไปคงเป็นการยากจะอธิบาย

 

“ไม่ รอเดี๋ยวก่อน ไม่เห็นหรือว่าพลังโจมตีของไป่เตียซวนไม่ได้ทำอะไรเขาเลย ตามปกติแล้วนักสู้ระดับแปดไม่อาจทานทนพลังของระดับ 9 ได้เมื่อเผชิญหน้ากัน ข้าคิดว่าคนคนนี้อาจมีแผนการอะไรบางอย่าง รออีกหน่อย หากอันตรายจริงๆเราจะลงไป” นักบุญไป่ขวางเพื่อนเขาไว้

 

หลังจากที่เขารู้สึกได้ว่าเพื่อนของเขาพูดมีเหตุผลจริงๆ เขาจึงไม่พยายามไปมากกว่านั้น เขาเพียงมองดูความเป็นไปของเหตุการณ์อย่างระแวดระวังและหากว่ามีอันตรายอะไรเขาจะพุ่งลงไปฆ่าไป่เตียซวน

 

ในเวลาเดียวกันนั้น ช่องว่างระหว่างระดับ 9 อัศวินศักสิทธิ์ และระดับ 10 นักบุญฝึกหัดห่างไปเท่ากับเฉินหลงและไป่เตียซวน และนี่เป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะฆ่าไป่เตียซวน

“สมแล้วที่เจ้าเป็นเทพ หากว่าข้าไม่ได้มีพลังเหนือกว่าเจ้าแล้ว ข้าคงทำอะไรเจ้าไม่ได้ ทว่าในตอนนี้เจ้าต้องตายเท่านั้น” ไป่เตียซวนกล่าวกับเฉินหลงในขณะที่เขากำลังต่อยไปด้วย

เฉินหลงโดนกักขังอยู่ เขาไม่มีทางจะกล่าวอะไรได้ เขาทำได้เพียงพูดในใจ “หากว่าข้ามีพลังระดับ “หลอมรวมธรรมชาติ” แล้ว ข้าคงจะฆ่าแกไปด้วยการตบหน้าเพียงครั้งเดียว”