TB:บทที่ 246 พลังของหลอมรวมธรรมชาติ
มีความแตกต่างอย่างสำคัญระหว่างผู้ที่มีพลังระดับหลอมรวมธรรมชาติและสัตว์อสูรที่มีพลังระดับหลอมรวมธรรมชาติ ผู้ใช้พลังจะฝึกฝนไปทีละขั้นจากอ่อนแอจนแข็งแกร่ง พวกเขาต้องมีพลังไปถึงขั้นที่รู้แจ้งสรวงสวรรค์และโลกหล้า ดังนั้นแล้วเมื่อพวกเขามีระดับพลังผ่านพ้นไปสู่ระดับ “หลอมรวมธรรมชาติ” ทุกๆกระบวนท่าและทุกๆรูปแบบนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยบรรยายกาศอันไม่สิ้นสุดแห่งสรวงสวรรค์และโลกหล้าที่จะทำให้คู่ต่อสู้ที่มีพลังต่ำกว่ารู้สึกอับจนหนทาง
สัตว์ต่างชนิดนั้นแตกต่างกัน สิ่งที่ทำให้พวกมันต่างออกคือยีนส์ของพวกมัน ฉะนั้นแล้วพวกมันจึงไม่รู้ว่าพวกมันมีพลังของสวรรค์และโลกหล้าอะไร ไม่ต้องกล่าวถึงการใช้พลังสรวงสวรรค์และโลกเลย และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไม “แมลงป่องหางเสือ” สีทองถึงโดนเฉินหลงบดขยี้ไปได้ แน่นอนว่ามีสัตว์บางตัวในโลกนี้ที่มีพลังสวรรค์และโลกหล้าโดยกำเนิด ทว่าก็มีสัตว์บางตัวที่มีพลังน้อยกว่านั้น
ในตอนนี้สถานการณ์ของเฉินหลงคือความสิ้นหวังระดับต่ำสุดที่ต้องเผชิญหน้ากับ “หลอมรวมธรรมชาติ”
ประสิทธิภาพของโล่กำบังนั้นทำให้พลังหมัดแทบเข้ามาหาเขาไม่ได้ เฉินหลงยังพยายามอย่างที่สุดเพื่อที่จะให้หลุดออกจากการกกักขังของพลังชี่แห่งสรวงสวรรค์และโลกหล้า ทว่าเขากลับทำไม่ได้
“ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยพลังแบบที่เขามี เมื่อต้องเผชิญหน้ากับ “หลอมรวมธรรมชาติ” ด้วยพลังระดับที่ต่ำกว่าแล้ว ไม่ได้เรียกว่าสู้กันเลยแม้แต่น้อย แต่แค่เป็นการรังแกสุนัขที่ไม่มีทางสู้” เฉินหลงรู้สึกหมดหนทาง
แต่ความจริงแล้ว เฉินหลงคิดผิด เขาไม่ได้สู้อยู่กับคนในอาณาจักรคุนหลุน เนื่องจากว่าเขามีพลังระดับสรวงสวรรค์และโลกหล้าอยู่หลายประเภทเมื่อเทียบกับพลังที่โลก เนื่องจากเหตุผลดังกล่าวจึงมีพลังแห่งสรวงสวรรค์และโลกหล้าที่ทรงพลังเมื่อใช้กับระดับสภาพอย่าง “หลอมรวมธรรมชาติ” เขาสามารถกักขังคู่ต่อสู้ที่พลังต่ำกว่าได้ เพียงแต่ว่ายังมีการสู้กลับจากบนโลกอยู่เท่านั้น
“จะว่าไป ข้ายังมีไฟแห่งสวรรค์และโลกอยู่ ข้าสงสัยเหลือเกินว่าพลังนั้นจะช่วยข้าจากเหตุการณ์นี้ได้หรือไม่”
ในตอนที่เขาคิดอยู่นั้น เฉินหลงนึกคิดแล้วไฟแห่งสวรรค์และโลกได้ติดขึ้นมา
แน่นอนว่าเฉินหลงไม่ได้ทำให้ไฟแห่งสวรรค์และโลกปรากฏออกมา
ในทันทีที่ไฟแห่งสวรรค์และโลกจุดติดขึ้น เฉินหลงพลันรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแห่งสรวงสวรรค์และโลกหล้าที่จำกัดตัวเขาให้หายไปในทันใด
หลังจากเฉินหลงควบคุมธาตุไฟของพลังฉีและโลกหล้าที่ไป่เตียซวนควบคุม พลังฉีแห่งสวรรค์และโลกหล้าที่ควบคุมเฉินหลงก็หายไปด้วย
เฉินหลงที่รอดพ้นไปจากปัญหาแล้วพลันถอยกลับและเปิดช่องว่างระหว่างเขาและไป่เตียซวน ในเดียวกันตัวเขาก็มีไม้เท่ายาวสามเมตรที่ฝังเครื่องรางเอาไว้
ไม้เท่านี้เป็นหนึ่งในเครื่องมือทั้งสี่สิบแปดชิ้นที่เฉินหลงครอบครองอยู่ ชื่อของไม้นี้คือ “ไม้เท้าแห่งพลัง” การทำงานคือจะมีเพียงผู้ใช้ที่ถือที่จะรู้สึกว่าน้ำหนักปกติแต่ เมื่อโจมตีศัตรูไปแล้ว ศัตรูจะรู้สึกได้ว่าโดนบดขยี้โดยพลังหนึ่งหมื่นตัน
ตอนที่เขาเห็นว่าเฉินหลงสลัดตัวออกมาจากการกักขังด้วยพลังฉีแห่งสรวงสวรรค์และโลกหล้าของตัวเขาได้ ไป่เตียซวนนิ่งอึ้งไป เนื่องจากว่าเรื่องนี้สำหรับเขาแล้วค่อนข้างจะเหนือความคาดหมาย
ในอดีต หากเป็นพลังแล้วไป่เตียซวนมีเหนือกว่าศัตรูมาตลอด และตราบเท่าที่มีพลังแห่งสรวงสวรรค์และโลกหล้ามาคุมขังพวกเขา พวกศัตรูก็เป็นเพียงผักเป็นเพียงปลา แต่วันนี้เฉินหลงลบล้างกฏที่ว่าของไป่เตียซวน
เช่นเดียวกัน นักบุญทั้งสองบนฟ้าพวกเขาก็นิ่งอึ้งไป
ไม่กี่นาทีต่อมา นักบุญเฮยได้ส่งเสียงขึ้นมา “คนคนนี้เป็นปิศาจจริงๆด้วย”
เพื่อนของเขาทำได้เพียงพยักหน้า ในตอนนี้เขาไม่มีอะไรที่ทำได้นอกจากพยักหน้าแล้ว
ในตอนแรก เขาเพียงต้องการจะดูว่าเฉินหลงจะทนต่อไปได้หรือไม่ แล้วจึงค่อยไปช่วยเขาตอนที่เฉินหลงทนมาไม่ได้แล้ว ทว่าการที่เฉินหลงหลุดจากการกักขังในสถานการณ์แบบนี้ด้วยพลังของตนนั้นเขาไม่ได้คาดคิดมาก่อน
“คงต้องบอกว่า เจ้ายังคงทำให้ข้าประหลาดใจได้จริงๆ ด้วยพลังแห่งเทพนักรบระดับแปด เจ้าสามารถจะเอาตัวเองหนีจากการกักขังของฉีแห่งสวรรค์และโลกได้ เจ้าเป็นคนแรกที่ทำได้” ไป่เตียซวนมองเฉินหลงด้วยความไม่คาดคิด “แต่ นี่ก็เป็นครั้งสุดท้ายด้วยเช่นกัน อีกอย่างพวกอุปกรณ์ช่องมิติของเจ้าน่ะ จะเป็นของข้า”
สิ้นคำ หมัดของไป่เตียซวนก็เล็งมาที่เฉินหลง
“แค่นี้หรือ”
เฉินหลงก็ปล่อยหมัดไปใส่ไป่เตียซวนด้วยเช่นกัน
“ตู้ม”
“ไม้เท้าแห่งพลัง” กับหมัดของไป่เตียซวนก็ปะทะกัน เกิดเป็นฝุ่นใหญ่ที่พวยพุ่ง ทำให้ทัศนียภาพโดนบดบังไป
ในตอนนั้นเองที่มีร่างหนึ่งบินออกมาจากภายในนั้น
ร่างนั้นคือไป่เตียซวน
หลังจากนั้นไป่เตียซวนก็ร่วงลงไปกับพื้น มีรอยเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขา หมัดเหล็กที่สวมอยู่ได้พังทลายไป แขนเขาสั่นไหวเล็กน้อยอย่างรู้ตัวราวกับว่าการโจมตีนี้ทำร้ายเขาได้
“เป็นอะไรไปกันนี่ ข้าบาดเจ็บหรือ” ไป่เตียซวนมองเฉินหลงด้วยความหวาดกลัวและความไม่แน่ใจ
เขาไม่เชื่อว่าเขาจะโดนเฉินหลงทำให้บาดเจ็บได้ “ในตอนนี้อะไรคือพลังกัน นี่ไม่ใช่พลัง แต่จะว่าไป นั่นคือไม้ท้า”
“เอาล่ะ แกมั่นใจหรือว่าข้าจะเป็นคนสุดท้ายที่ทำแบบนั้นได้” ในทันทีที่ฝุ่นหายไป เฉินหลงยืนอย่างสง่างามพร้อมด้วยไม้เท้าในมือ เขาเผชิญหน้ากับไป่เตียซวน “นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น แล้วแกจะต้องทรมานมากกว่านี้”
จากเครื่องมือทั้งสี่สิบแปดชิ้น มีเพียงของสิบกว่าชิ้นที่มีการใช้แบบพิเศษ ที่เหลือนั้นเป็นเครื่องมือที่ร้ายกาจ แม้ว่าการฆ่าไป่เตียซวนจะไม่ใช่เรื่องยาก ทว่าหากเขาต้องการจะสู้รบตบตีกับเฉินหลงแล้ว เฉินหลงก็จะสู้รบตบตีด้วย
“เช่นนั้นหรือ เจ้าคิดว่าเจ้าจะฆ่าข้าได้จริงๆหรือ อุปกรณ์ป้องกันของเจ้าก็น่าจะมีเวลาใช้จำกัด เมื่อเวลานั้นหมดไปแล้ว ข้าจะดูว่าเจ้ายังภาคภูมิอยู่อีกไหม ตอนนี้ข้าจะปล่อยให้เจ้าภูมิใจไปก่อนสักพัก แล้วข้าจะเอาชีวิตเจ้าไปอีกรอบเอง” สิ้นคำร่างของไป่เตียซวนก็กระพริบและหายไปในป่าของภูเขาที่ต้นไม้แน่นหนา
เครื่องมือของเฉินหลงทำให้ไป่เตียซวนประหลาดใจจริงๆ อีกอย่างหนึ่งคือพลังฉีแห่งสวรรค์และโลกหล้าไม่อาจจะกักขังเฉินหลงได้ ในช่วงเวลานั้น ไป่เตียซวนไม่อาจทำอะไรเฉินหลงได้ แต่อย่างไรเสียเขาเชื่อว่าอุปกรณ์ของเฉินหลงนั้นไม่มีทางใช้ได้ผลตลอดไป เขาจึงใช้วิธีเล่นเกมแมวจับหนูกับเฉินหลง
หลังจากไป่เตียซวนไปแล้ว เฉินหลงโล่งใจเล็กน้อยเนื่องจากพลังในตอนนี้ที่เขามีนั้นไม่มีทางที่จะฆ่าไป่เตียซวนได้เลย ทว่าเขายังเชื่อว่าไป่เตียซวนจะจับตามองเขาและพร้อมจะโจมตีเขาได้ทุกเวลา เฉินหลงรู้สึกกดดันกับเรื่องนี้
“ดูเหมือนว่าวันนี้ฉันจะดวงไม่ดีเลย” เขาแค่อยากหาใครมาคุยด้วย” เฉินหลงทำได้เพียงไม่พูดอะไรไปพักใหญ่
“ไป่เตียซวนไปแล้ว เราควรตามเขาไปไหม” นักบุญเฮยที่อยู่บนฟ้าว่า
“ไม่ต้อง ไป่เตียซวนมีชื่อในเรื่องการแก้แค้น มันจะต้องหาทางกลับมาแน่นอนหลังจากที่เจ็บปวดกับความพ่ายแพ้อันยิ่งใหญ่เช่นนี้ ตราบใดที่เราตามเขาอยู่ไป่เตียซวนคงหนีไปไหนไม่พ้น” นักบุญไป่ว่าขึ้น
หลังจากที่ไป่เตียซวนไปแล้ว เฉินหลงได้เปลี่ยนเส้นทางและออกไปเช่นกัน
อย่างไรเสีย เฉินหลงก็ได้รู้ว่าไป่เตียซวนจะตามเขาเงียบๆ เขาจึงจะระมัดระวังไว้ตลอด
เหตุการณ์เป็นไปตามนั้น ไม่นานก็เป็นเวลาเย็น
เฉินหลงไม่หาทางอะไรอีก เขาพบที่ว่างเปล่าแล้วเขาจึงหยุดพัก
หลังจากนั่งลง เฉินหลงจุดไฟ และย่างเนื้อ “งูเขียวยักษ์”
“งูเขียวยักษ์” นี้เป็นเนื้อชิ้นยักษ์ ทำให้เฉินหลงต้องปรุงรส อีกทั้งยังมีบางส่วนเหลืออีกด้วย และในตอนที่เขาอบเนื้อนั่น ขณะเดียวกัน เฉินหลงก็พร้อมจะต่อสู้ตลอดเวลา