TB:บทที่ 247 หมีเหล็กกล้า

 

ในช่วงกลางวัน เฉินหลงไม่เพียงแต่ต้องระแวงไป่เตียซวน ทว่าเขาต้องแอบจุดไฟแห่งสรวงสวรรค์และโลกหล้าด้วย

คงเป็นไปไม่ได้หากจะฆ่าไป่เตียซวนที่มีพลังระดับ “หลอมรวมธรรมชาติ” ทว่าถ้าเขาบาดเจ็บสาหัสจึงจะมีทางฆ่าเขาอยู่ วิธีนั้นมีอยู่ในไฟแห่งสรวงสวรรค์และโลกหล้า ตราบใดที่เฉินหลงทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสได้ เฉินหลงก็ควรหาเวลาให้ตัวเองพัฒนาระดับพลัง เมื่อเขามีพลังระดับ “หลอมรวมธรรมชาติ” แล้ว เฉินหลงก็จัดการเขาได้

 

ก่อนที่เฉินหลงจะพัก เขาได้คิดกระบวนท่าสังหารด้วยไฟแห่งสรวงสวรรค์และโลกหล้าได้ นั่นคือระเบิดเปลวไฟ

ระเบิดเปลวไฟได้กดไฟแห่งสรวงสวรรค์และโลกหล้าไว้ให้เหลือเพียงกำลังระเบิดขนาดเท่ากับลูกวอลนัท

 

การทำเช่นนี้ช่างง่ายที่จะพูดแต่ยากที่จะทำ และแม้แต่คนอย่างเฉินหลงที่ได้ฝึก “โฮวชิงจือ”  มาแล้วและเปลี่ยนร่างโดยผ่าน “ผลไฟ” ได้ยังยากที่จะควบคุมพลังนี้ เขาสามารถสร้างระเบิดเปลวไฟได้ ทว่าเขาจำไม่ได้แล้วว่าพลาดไปกี่ครั้ง

ยังโชคดีที่เฉินหลงควบคุมไฟแห่งสวรรค์และโลกได้และมีพลังถึงระดับนิ้วมือ

ทุกๆครั้งที่เขาควบคุมระเบิดเปลวเพลิงไม่ได้ ไฟแห่งสรวงสวรรค์และโลกหล้าจะลามไป หรือไม่เช่นนั้นมันจะระเบิดมลายหายเป็นความว่างเปล่า

 

ในตอนนั้นเองที่แม้เฉินหลงจะทำเป็นว่าเขารู้เรื่องนี้แล้ว แต่เขาก็ได้ฝังลูกระเบิดไฟยี่สิบลูกไว้รอบๆตัวเขา และนี่คือข้อจำกัดที่เฉินหลงจะควบคุมได้

แม้ว่าจะมีลูกระเบิดยี่สิบลูก พลังของแต่ละลูกนั้นมีถึงระดับ “หลอมรวมธรรมชาติ” หากว่าจะระเบิดขึ้นจริงๆ คงจะพอที่จะกำจัดไป่เตียซวนได้ อีกประการคือเครื่องมือกึ่งอาวุธของเฉินหลงที่เตรียมพร้อมให้เฉินหลงโจมตีไป่เตียซวนโดยที่เขาไม่คาดคิด

 

เมื่อกินอาหารมื้อเย็นเสร็จ เฉินหลงพักผ่อนโดยพิงต้นไม้ต้นใหญ่

เนื่องจาก เขาไม่รู้ว่าไป่เตียซวนจ้องมองเขาจากที่ใด เฉินหลงจึงถือ “ไม้เท้าพลัง” ในตอนที่เขาพักด้วย

หลังจากนั้นสองชั่วโมง ไป่เตียซวนปรากฏตัวขึ้นเงียบๆจากป่า เขาเข้าไปหาเฉินหลง

ในตอนนั้นเองที่เฉินหลงได้เปิดตาอย่างระมัดระวัง เขาถือ “ไม้เท้าแห่งพลังไว้” ในมือและทำท่าป้องกันตัว

“เจ้าช่างกล้าหาญ เจ้าคงรู้ว่าข้าจะไม่มีทางปล่อยเจ้าไปในเมื่อเจ้าเปิดโอกาสดีๆเช่นนี้แล้ว” ไป่เตียซวนมองเฉินหลง

ในช่วงสองชั่วโมงที่เฉินหลงพักผ่อนอยู่นั้น ไป่เตียซวนเฝ้าสังเกตเขาจนรู้ว่าเขาปลอดภัยแน่ๆแล้ว

“ข้าเป็นเทพและเจ้าก็เป็นแค่อัศวินศักสิทธิ์  อัศวินที่ไม่กล้าแม้จะไปยังวิหาร ทำไมจึงต้องกลัวกันเล่า” เฉินหลงบอกกับไป่เตียซวนพร้อมด้วยไม้เท้าแห่งพลัง

 

ในอาณาจักรคุนหลุน คนคุนหลุนทั้งหมดที่ผ่านพ้นพลังระดับเก้า ต้องเตรียมการเพื่อรับใช้นักบุญ พวกเขาจะต้องไปยังวิหารศักดิ์สิทธิเพื่อรับใช้นักบุญ หากว่าพวกเขาไม่ได้ไปรับใช้เหล่านักบุญแล้ว พวกเขาถือได้ว่าหักหลังคนทั้งอาณาจักรคุนหลุน เมื่อพลังของไป่เตียซวนก้าวไปถึงระดับ “หลอมรวมธรรมชาติ” เขาไม่มีความเคารพต่อนักบุญ  ดังนั้นเขาจึงหลบหนีจากพิธีการ

“โอ้ไม่กลัวงั้นหรอ  แล้วทำไมเจ้าไม่ไล่ตามข้าละวันนี้ ทั้งๆที่ข้าบาดเจ็บในตอนนั้น” ไป่เตียซวนไม่กลัวเฉินหลงตอนที่ได้เห็นเขา ทว่าเมื่อเขาพัฒนาพลังขึ้น เขาก็ต้องแอบระวังตัวด้วย

 

“แม้ว่าข้าไม่ไล่ตามเจ้าไป นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าข้ากลัวเจ้า พลังของเจ้าแข็งแกร่งกว่าข้า และแม้ข้าไล่ตามพลังเจ้าทัน ข้าก็ฆ่าเจ้าไม่ได้ ทำไมข้าจะต้องพยายามอย่างเสียเปล่าด้วยล่ะ และข้าคงไม่ได้ทำร้ายเจ้าได้แค่ครั้งเดียว ข้าเชื่อว่าข้าจะทำได้อีก” ใบหน้าเฉินหลงแสดงความมั่นใจอย่างที่สุด

เขาเห็นสีหน้าเฉินหลงที่มั่นใจแล้ว ไป่เตียซวนไม่แน่ใจว่าเขาจะดำเนินการต่อดีหรือไม่

 

“ไม่กล้าจะทำหรือ” เฉินหลงมองไป่เตียซวนด้วยสีหน้ารังเกียจ “คงจะเป็นความผิดหวังอย่างสุดซึ้งหากเจ้าไม่มีความกล้าพอจะสู้กับนักรบศักดิ์สิทธิ”

“จะไปมีกำลังใจสู้ได้อย่างไร ในเมื่อไม่มีประโยชน์สำหรับข้า” ไป่เตียซวนส่ายหัวอย่างใจเย็น

“หากว่าไม่กล้าแล้วก็อย่าเสียเวลาและจงไปเสีย” เฉินหลงเผยสีหน้ารังเกียจและรอยยิ้มเหยียดหยาม

ภายหลังจากที่จ้องมองเฉินหลงพักหนึ่ง ไป่เตียซวนหันและจากไปโดยไม่กล่าวอะไร

 

ในที่สุดแล้วไป่เตียซวนก็เผชิญหน้ากับชนชาติคุนหลุนทั้งหมด อีกทั้งต้องเผชิญหน้ากับวิหารศักดิ์สิทธิอันมีพลังที่น่าสะพรึงกลัว หากว่าเขาไม่ระมัดระวัง เขาคงไม่อยู่รอดมาถึงตอนนี้

ในขณะนั้น ใบหน้าของเฉินหลงที่ไม่เข้าใจรายละเอียดอะไรนักแม้แต่เรื่องที่พลังของไป่เตียซวนไม่ได้ดีเท่ากับพลังของเขาเอง และเรื่องที่ไป่เตียซวนรีบพุ่งออกไปด้วย

 

“ไม่ได้กล้าเลย” เขาเห็นไป่เตียซวนที่ตื่นกลัวเพราะคำของเขาแล้ว เฉินหลงผิดหวังเล็กน้อย ทว่าเขายังได้ประโยชน์อยู่

ไป่เตียซวนกลับมาเพื่อหาเฉินหลง หลังจากนั้นเขาไม่ได้กลับเข้าไปในป่า

เมื่อไป่เตียซวนที่ระแวดระวังและแสดงออกอย่างไม่เกรงกลัวแล้ว เฉินหลงทำได้เพียงส่ายหัวและพักผ่อนต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เฉินหลงพักผ่อนดีๆได้แล้ว เนื่องจากเขารู้ว่าไป่เตียซวนจะไม่โผล่มาอีก หากไม่ได้มีโอกาสที่เลิศเลออะไร

 

“ทรงพลังเสียจริง หลังจากพูดไม่กี่คำ ไป่เตียซวนก็จากไปโดยไม่ได้สู้กับเขา พวกผู้อาวุโสขอให้เราเพ่งความสนใจไปที่เขา แต่เขาช่างทรงพลังเสียจริง” นักบุญเฮยรุ่นเยาว์กล่าวอย่างชื่นชม

ตอนที่เขาเป็นเพียงนักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับแปด เขาไม่ได้รับการเคารพนับถืออะไร ความเคารพนับถือเกิดขึ้นตอนที่เขาต้องเจอกับการเตรียมตัวเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้า เขาจะกล้าทำอย่างเฉินหลงได้อย่างไร เขาพูดเพียงไม่กี่คำแล้วอัศวินศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรต่อ สำหรับคนอย่างเขาแล้วเขาทำได้เพียงยอมรับเท่านั้น

 

“เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเขาเป็นแค่พวกคุยโต ข้าคิดว่าไป่เตียซวนฉลาดมาก ข้ารู้สึกว่าหากไป่เตียซวนโจมตีเขา จะต้องเป็นไป่เตียซวนแน่นอนที่จะเจ็บปวด” นักบุญไป่ มองเฉินหลงที่พักผ่อนอยู่และกล่าวไป

นักบุญเฮยมองเพื่อนของเขาด้วยสีหน้าตกใจ

สิบวันต่อมา เฉินหลงไปยังสถานที่ ที่มีสัตว์ประหลาดตัวเล็กตัวน้อย พวกมันมีพลังระดับ “หลอมรวมธรรมชาติ”

ทำไมเฉินหลงจึงมาถึงที่นี่ได้ไวนักหรือ นั่นเพราะเฉินหลงใช้แต้มแลกเปลี่ยนสามร้อยแต้มในระบบเพื่อแลกเปลี่ยนเครื่องร่อนสำหรับคนหนึ่งคนใช้ แม้ว่าเครื่องร่อนจะได้ผลกระทบที่ทำให้บินสูงกว่ายี่สิบเมตรไม่ได้ ทว่าเครื่องร่อนนี้ก็บินห่างจากภูเขาได้ยี่สิบเมตร

นักบุญทั้งสองที่อยู่บนท้องฟ้าสับสนเมื่อเห็นว่าเฉินหลงบินได้

พลังของเขายังเป็นเพียงนักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดอย่างเห็นได้ชัด เขาจะบินได้อย่างไรกัน

ต่อมาเมื่อพวกเขาเห็นว่าเฉินหลงบินได้สูงยี่สิบเมตรเหนือพื้น พวกเขาได้รู้ว่าเฉินหลงบินได้ด้วยเครื่องมือบนหลังของเขา

 

เช่นเดียวกับคนที่เฝ้าตามเฉินหลงมาอย่างระมัดระวัง ไป่เตียซวนที่เมื่อเห็นเฉินหลงบินได้จริงๆแล้ว เขานิ่งอึ้งไป ทว่าในทันทีที่เขารู้ว่าทำไมเฉินหลงจึงบินได้เขาก็รีบตามไปอย่างรวดเร็ว การบินในที่แห่งนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปได้

ดังที่เป็นเช่นนั้น เฉินหลงบินไปกว่าสิบวันและได้มาถึงสถานที่ที่มีสัตว์แปลกประหลาด ที่นั่นเต็มไปด้วยหมีสีน้ำตาลคล้ายกับบนโลก

ชื่อของสัตว์ตัวนี้บนนิวเวิร์ลคือหมีเหล็กกล้า ตัวมันสูงสิบเมตร ผิวหนังแข็งแกร่งดังเหล็ก ที่เป็นที่มาของชื่อมัน

“หมีเกราะเหล็ก” ไม่ได้เพียงแค่แข็งแกร่งดังเหล็ก ทว่ายังมีกำลังอย่างไม่สิ้นสุดด้วย เมื่ออุ้งเท้าทั้งสองของมันทะยานออกมาจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าอากาศที่หนักแน่น การจะฆ่าพวกมันนั้น เขาจะต้องหาจุดอ่อนของมัน นั่นคือ “ดอกเบญจมาศ”