TB:บทที่ 248 ความสามารถอันไม่เหมือนใครของราชันย์หมี

 

สำหรับจุดอ่อนนี้ เฉินหลงทำได้เพียงพูดขึ้นว่า “ดอกเบญจมาศนั้นร่วงโรยสู่พื้นดิน” ในขณะที่เขาทิ้ง “หมีเหล็กกล้า” ที่โดนฆ่าโดยไว้เบื้องหลัง

การกระทำที่โหดร้ายของเฉินหลงทำให้นักบุญทั้งสองรู้สึกไม่สบายใจกับนัก

เช่นเดียวกันนั้น ของอย่างอุ้งเท้าหมีก็เป็นของรสเลิศ น้ำดีหมีก็เป็นวัตถุดิบยาชั้นดีเช่นกัน เฉินหลงจะไม่ทิ้งของพวกนี้ให้เปล่าประโยชน์ ทว่าผิวหนังของมันช่างแข็งเหลือเกิน

 

หลังจากนั้นสิบวัน เฉินหลงฆ่า “หมีเหล็กกล้า” ไปแทบหมด “ภูเขาหมี” ในตอนนี้เขาจะต้องไปหา “ราชันย์หมี” เพราะเขาต้องการจะลองว่าพลัง “ของหมีเหล็กกล้า” ระดับสิบเป็นอย่างไร และเพื่อลองว่าดอกเบญจมาศของ “ราชันย์หมี” จะบานได้อย่างเปล่งประกายกว่าหรือไม่ และในตอนเดียวกันนั้นเอง แม้ว่าเขาจะแทบไม่ได้ปรากฏร่างเขาให้เห็นเลย ทว่าเขามีไป่เตียซวนตามมาอยู่เสมอ โอกาสอยู่ในมือเขาแล้ว

 

ราชันย์หมีเป็นสัตว์แปลกประหลาดเช่นเดียวกับ “หมีเกราะเหล็กกล้า” ทั่วๆไป ทว่าตัวของมันเป็นสีทองทั้งหมด อีกทั้งในช่วงนั้นเอง อารมณ์ของมันยังร้ายกาจอีกด้วย เพราะว่าพี่น้องของมันหายไปทีละตัว อีกทั้งมันยังรู้เรื่องที่ว่าน้องชายมันตายอีกด้วย แม้ว่ากำลังของน้องชายมันจะด้อยกว่า แต่พวกมันก็เป็นสายเลือดเดียวกัน ในขณะนั้นพวกมันกำลังโดนฆ่าไปทีละตัว จะไม่ให้มันโกรธได้อย่างไร

 

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง มันยังส่งตัวช่วยเพื่อตามหาสาเหตุ ทว่าในที่สุดแล้วตัวช่วยหาข้อมูลก็โดนฆ่าไป โดยชายที่มีพลังธรรมดาๆ นี่ยิ่งทำให้มันโกรธกว่าเดิม ลูกน้องของมันจำนวนมากที่ส่งออกไปหาข่าวคราวโดนมนุษย์คนนี้ฆ่า หากว่าไม่มีเหตุผลใดให้ต้องออกไปไหน มันคงกินหัวใจของไอ้มนุษย์นั่นไปแล้ว

 

แต่อย่างไรเสียในตอนนั้น มันไม่จำเป็นต้อรอให้ตัวมันเองออกจากหลุมเพื่อหามนุษย์คนนั้นแล้ว เนื่องจากเจ้ามนุษย์นั่นมาหามันด้วยตัวเอง

“บัดซบ กลิ่นแย่จริง” เมื่อเข้าไปในถ้ำของราชันย์หมี เฉินหลงพลันได้กลิ่นเหม็น เขาได้กลิ่นนี้แล้วรู้ได้ทันที

ในทันทีที่เฉินหลงพูดจบ ราชันย์หมียืนอย่างโกรธเคืองและพุ่งเข้าไปหาเฉินหลง แม้ว่าราชันย์จะไม่อาจเข้าใจสิ่งที่เฉินหลงพูดก็ตาม แต่มันรู้สึกได้ว่าเฉินหลงไม่ใช่อะไรที่ดีอย่างแน่นอน หากว่ามีมนุษย์ที่อ่อนแอคนหนึ่งอยู่เบื้องหน้ามัน มันจะฆ่าเขาและมันก็ไม่มีเหตุผลต้องออกไปจากถ้ำอีก

 

ต่อหน้าเฉินหลงมีราชันย์หมีที่ตบอุ้งเท้าเข้าใส่เขา

“ช่างเป็นอุ้งเท้าหมีที่ใหญ่เสียจริง ฉันไม่รู้เลยว่าจะเอาไปย่างหรือนึ่งดี” เขามองอุ้งเท้าหมียักษ์ที่ตบลงมาบนหัวเขา เฉินหลงคิดถึงว่าจะเอาไปกินอย่างไรดี

เนื่องจากมี ร่างอมตะโฮวชิงจื่อ เฉินหลงต้องการจะดูว่าเขาจะป้องกันการโจมตีทางกายภาพจากหมียักษ์นี้ได้หรือไม่

ราชันย์หมียกมือออกจากหัวของเฉินหลง ราวกับเป็นเงา มันตบผ่านลงไปบนพื้นขณะที่เฉินหลงก็ยังยืนอยู่

“ไม่มีประโยชน์” เฉินหลงมองราชันย์หมีด้วยสายตาแหย่เย้า

ร่างอมตะนั้นแทบจะป้องกันการโจมตีร่างกายได้ทั้งหมด ทว่าไม่อาจจะป้องกันพลังระดับ “ปรมาจารย์แห่งดวงดาว”

ราชันย์หมีให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีโดยแสดงสายตาโกรธแค้น

“ตอนนี้ฉันจะใช้ไม้เท้ากับแกเอง” สิ้นคำเฉินหลงยก “ไม้เท้าแห่งพลัง” ขึ้นมาและโจมตีราชันย์หมี

มันเห็นว่าการโจมตีของเฉินหลงเกินกว่ากำลังมันจะรับได้ ราชันย์หมีอดไม่ได้ที่จะเผยสายตารังเกียจ

 

แน่นอนว่า เฉินหลงทุบหัวของราชันย์หมีด้วยไม้เท้านั้น ทว่าการโจมตีนี้ทำให้ร่างของมันเซไปเล็กน้อย

อย่างไรเสีย แม้จะเป็นดังนั้น ราชันย์หมียังนิ่งไปพักหนึ่ง ไก่อ่อนที่ทำให้มันรู้สึกเจ็บปวดได้ เป็นไปได้อย่างไรกัน ไม่มีทางจะให้อภัยได้ ให้อภัยไม่ได้

ราชันย์หมีโกรธเคือง อุ้งเท้าของมันกางอย่างบ้าคลั่งใส่เฉินหลง

 

อย่างไรก็ตาม ร่างอมตะของเฉินหลงก็ป้องกันการโจมตีของราชันย์หมีได้ทั้งหมด อุ้งเท้าของราชันย์หมีเพียงปัดให้ฝุ่นจำนวนมากในถ้ำคลุ้งในอากาศเท่านั้น ทว่าไม่อาจทำให้เฉินหลงบาดเจ็บได้แม้แต่น้อยอยู่ดี

แม้พลังของราชันย์หมีจะมีถึงระดับสิบ มันก็ได้แต่แกว่งอุ้งมือโจมตีด้วยพลังเท่านั้น  มันไม่เข้าใจความลึกลับของพลังหลอมรวมธรรมชาติ

 

“ไม่มีประโยชน์ ไม่มีประโยชน์ ไม่มีผลอะไร ไร้ประโยชน์เกินไป” เฉินหลงและ “ไม้เท้าแห่งพลัง” ในมือทุบราชันย์หมีไปเรื่อยๆเพื่อท้าทายมัน

อย่างไรเสียราชันย์หมีก็เริ่มที่จะรับรู้ถึงพลังของ “ระดับหลอมรวมธรรมชาติ”

มันเห็นว่าการโจมตีไม่อาจจะทำร้ายเฉินหลงได้เลย ราชันย์หมีจึงเปิดปากคำรามใส่เฉินหลง

“โฮก”

ด้วยการคำราม ทำให้เกิด“เสียงคลื่น” ที่ตัดผ่านมายังเฉินหลง

เขามอง “ใบมีดคลื่นเสียง” อันนับไม่ถ้วนที่ตัดผ่านมาทางเขาแล้ว เฉินหลงพลันรู้สึกถึงความอันตราย

“หลีกไป”

ตอนนั้นเองในหัวเฉินหลงมีเพียงความคิดเดียว

 

ณ เวลาที่ความคิดนั้นเข้ามาในหัว ร่างของเฉินหลงก็ถอยกลับหลังอย่างบ้าคลั่ง อย่างไรเสียความเร็วของเฉินหลงไม่อาจไวได้เท่า “ใบมีดคลื่นเสียง” “ใบมีดคลื่นเสียง” ที่นับไม่ถ้วนเข้ามาตัดร่างของเฉินหลง

ร่างอมตะนั้นแข็งแกร่งมาก ทว่าเมื่อต้องเผชิญกับ “ใบมีดคลื่นเสียง” ที่เฉือนตัดนี่แล้ว ก็ไม่อาจจะป้องกันอะไรได้

ตอนที่ “ใบมีดคลื่นเสียง” ที่มากมายเข้าไปฟันร่างของเฉินหลงแล้ว คลื่นเสียงพวกนั้นได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง เขารู้สึกเหมือนว่าร่างของเขาฉีกเป็นชิ้นๆ

ภายในถ้ำเต็มไปด้วยเลือดจากเฉินหลง

 

ในเวลาเดียวกันนั้นเองที่เฉินหลงรู้ว่านี่ไม่ใช่ “ใบมีดคลื่นเสียง” ทว่าเป็น “มิติตัดขาด”

การตัดเฉือนแบบนี้ทำให้ “ร่างอมตะ” ต้องเจ็บปวดกับอาการบาดเจ็บอย่างหนักได้ตรงๆ

หลังจากที่เฉินหลงได้รับบาดเจ็บแล้ว เขารีบตั้งโล่ป้องกันทันที

เมื่อ “มิติตัดขาด” โจมตีใส่โล่ป้องกันของเฉินหลง การโจมตีนั้นก็โดนขวางไปโดยโล่และจากนั้น “มิติตัดขาด” ก็สลายหายไป

 

ภายใต้การป้องกันของโล่ป้องกัน เฉินหลงกระเสือกกระสนถอยออกไปจากถ้ำ

เมื่อราชันย์หมีเห็นว่ามนุษย์ที่น่ารำคาญนี่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเนื่องจากตัวมัน มันตื่นเต้นและไปคำรามใส่เฉินหลงที่ปากถ้ำ แต่อย่างไรก็ตามแต่มันก็ไม่ได้มีพลังพอจะใช้ “มิติตัดขาด”อีก

เมื่อเขาเห็นราชันย์หมีที่ภาคภูมิในตนเองแล้ว เฉินหลงพ่นเลือดที่เต็มปากออกมา

แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่การโจมตี  แต่เป็นการบาดเจ็บ

นี่เป็นสิ่งเดียวกับที่เฉินหลงต้องการให้ไป่เตียซวนได้เห็น

เนื่องจากไป่เตียซวนเป็นคนที่เฝ้ามองเขาอยู่ราวกับเป็นงูพิษ เขาจะต้องแก้ปัญหานี้ให้ได้ก่อน

เฉินหลงพ่นเลือดแล้วออกจากถ้ำไป

เขาหาที่ที่จะซ่อนตัวได้ แล้วเฉินหลงจึงเริ่มหายใจ

 

ไป่เตียซวนที่ตามหลังเฉินหลงอยู่ เห็นว่าเฉินหลงบาดเจ็บแล้ว เขารู้ว่านี่คือโอกาสที่เข้ามา

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่เฉินหลงบาดเจ็บ เขารู้ว่าการเกราะป้องกันของเฉินหลงได้สลายไปแล้ว

หลังจากที่การใช้งานของเกราะป้องกันของเฉินหลงสลายไป ไป่เตียซวนปรากฏกายออกมาทันที

อีกอย่างหนึ่งคือเฉินหลงตั้งใจส่งเสียงออกมาโดยเจตนา

เมื่อเขาได้ส่งเสียงแล้ว เฉินหลงเปิดตาและมองเห็นว่าไป่เตียซวนได้เข้ามาหาเขา

ใบหน้าเขาเผยยิ้มแห้งๆ

แน่นอนว่าเฉินหลงต้องแสร้งยิ้มออกมา เขาบาดเจ็บสาหัส ทว่าด้วยฉีรักษาทำให้อาการบาดเจ็บของเฉินหลงค่อยๆฟื้นฟูขึ้น  การเร่งรีบเกินกว่าสิบนาทีได้ทำให้การฟื้นฟูของเฉินหลงสมบูรณ์ แต่อย่างไรเสียการที่เขาจะปล่อยให้ไป่เตียซวนโดนหลอก เขาจะต้องแสดงให้เห็นว่าเขาบาดเจ็บหนักอยู่

สิ่งที่เขาแสดงให้เห็นยังหลอกนักบุญที่อยู่บนฟ้าได้ด้วย