TB:บทที่ 249 การผ่านพ้นสู่ระดับหลอมรวมธรรมชาติ

 

“ไป่เชิง ลงไปกันเถอะ เร็วเข้า ชายคนนั้นบาดเจ็บสาหัส เขาเป็นคู่ต้องสู้ให้ไป่เตียซวนไม่ได้แน่ๆ” นักบุญเฮยกล่าวกันเพื่อนของเขา

แม้ว่าเฉินหลงจะมีพลังร้ายกาจเป็นอย่างมากทว่าในตอนนี้เขาบาดเจ็บสาหัส เขาไม่มีทางที่จะชนะไป่เตียซวนได้เลย

แต่ว่าเพื่อนของเขา ไป่เชิง กลับลังเลใจ

ในใจของไป่เชิง เฉินหลงไม่มีทางจะเป็นคนประมาท เขารู้ว่าไป่เตียซวนจะตามมาหาเขา เขาจะมอบโอกาสแบบนี้ให้ได้อย่างไร

“คงไม่ได้….”

เขาคิดถึงความเป็นไปได้ จู่ๆไป่เชิงก็มองเฉินหลงพร้อมกับรอยยิ้มขมขื่นบนใบหน้าของเขา

“ไป่เชิง เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่หรือ รีบลงไปกันเถอะ” นักบุญเฮยมองไป่เชิงที่อยู่ตรงนั้นและกล่าวไปอย่างรวดเร็ว

“เฮยเทียน ไม่ต้องเป็นกังวลไป ข้าไม่คิดว่าเขาไม่ใช่คนง่ายๆแบบนี้หรอก” ไป่เชิงบอกกับเพื่อนของเขา เฮยเทียน

“ไม่ได้ ข้าไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเขา” เฮยเทียนไม่เห็นด้วยกับคำของไป่เชิง เขากล่าวดังนั้นและลงไปข้างล่าง

“เฮยเทียน หากจะทำอีกอย่างคือ เราจะต้องลงไปและซ่อนตัวอยู่ข้างหนึ่งก่อน และหากว่าเขาอยู่ในอันตรายจริงๆ เราจะออกมา เชื่อข้าสิเขาไม่ทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ง่ายๆหรอก” ไป่เชิงรีบตามมาให้ทันเขา

เฮยเทียนครุ่นคิดก่อนจะเห็นด้วย

นักบุญทั้งสองซ่อนตัวอย่างเงียบเฉียบ

 

“ข้ากล่าวว่า ข้าจะไม่ปล่อยแกไป” ไป่เตียซวนเผชิญหน้ากับเฉินหลง

“ในครั้งนี้ ข้าประมาทไปและข้าไม่คาดคิดว่าหมีนั่นจะทำร้ายข้าได้ ข้าเลยสร้างโอกาสนี้ให้เจ้า”

เฉินหลงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มขมขื่น “อย่าให้ข้าหนีไปได้นะ ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่ให้โอกาสแบบนี้กับเจ้าอีกแล้ว”

“ไม่ต้องเป็นห่วงไป ข้าไม่ยอมเสียโอกาสแบบนี้หรอกหน่า” ไป่เตียซวนว่าจบ เขาก็โจมตีหัวของเฉินหลงเฉินหลงอีกจริงๆ

“ระวังไว้นะ”

เขาเห็นกระบวนท่าของไป่เตียซวนแล้ว เฮยเทียนได้โผล่ออกมาเบื้องหน้าร่างของเฉินหลง ไป่เชิงจับเขาไว้ไม่ทัน

อย่างไรเสียการปรากฏตัวของเฮยเทียนคงไม่ได้สำคัญอะไรเพราะหากเขาไม่ปรากฏตัวระเบิดเปลวไฟของเฉินหลงก็ขวางไป่เตียซวนได้อยู่ดี

เขาเห็นว่าจู่ๆเฮยเทียนก็ปรากฏตัวออกมาแล้ว ไป่เตียซวนรีบเก็บหมัดตัวเองและพร้อมที่จะออกไป

เนื่องจากเขารู้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเฉินหลงมีพลังถึงระดับ “เหนือธรรมชาติ” และคนเช่นนั้นทั้งหมดก็เป็นนักบุญแห่ง “วิหารศักดิ์สิทธิ” ดังนั้นแล้วไป่เตียซวนจึงต้องหนีไป

แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ก็ได้มีระเบิดเปลวไฟที่ขวางไป่เตียซวนไว้ เขาจะหนีไปได้หรือไม่

“ตู้ม ตู้ม”

ระเบิดเปลวไฟยี่สิบอันที่เตรียมไว้ใช้กับไป่เตียซวนระเบิดในเสี้ยวพริบตา

ไป่เตียซวนมีประสบการณ์การรบมาอยากโชกโชน ในตอนที่เกิดระเบิดเปลวไฟระเบิดขึ้นนั้นเอง เขาสามารถจะใช้พลังธรรมชาติ (หลังสวรรค์และโลก มันยาวไป)ขึ้นมาสร้างเกราะป้องกันเพื่อลดพลังทำลายล้าง

ทว่าไม่ว่าอย่างไร ระเบิดเปลวไฟทั้งยี่สิบลูกที่รุนแรงอย่างเท่ากันและเป็นการร่วมพลังของระดับ “หลอมรวมธรรมชาติ” ไว้ทั้งยี่สิบลูก เกราะป้องกันจะไปปกป้องได้อย่างไรกัน

 

ผลที่เกิดขึ้นคือโล่ป้องกันที่แตกหักและคนที่บาดเจ็บสาหัส

ไป่เตียซวนโดนเฉินหลงทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ปากที่เต็มไปด้วยเลือดไหลออกมาจากปากเขา

อย่างไรก็ตาม ไป่เตียซวนนั้นมีเล่ห์เหลี่ยม เขาใช้โอกาสตอนที่มีการโจมตีเพื่อหนีไปให้ไกล

สุดท้ายแล้ว ก็เป็นถึงอัศวินศักดิ์สิทธิ เขาย่อมมีหนทางหนีไปได้

 

หลังจากที่เขาเห็นว่าไป่เตียซวนไป เฉินหลงมองนักบุญเฮยด้วยสายตาไม่ชอบใจนัก “เจ้าเป็นใคร เจ้ามาทำอะไรที่นี่”

ในตอนแรกเฉินหลงยังคงต้องการจะสู้ต่อหน้าไป่เตียซวน ทว่าเมื่อเฮยเทียนปรากฏกายเช่นนี้ทำให้ไป่เตียซวนตกใจและหนีไป แม้ว่าเขาจะบรรลุเป้าหมายของเขาได้ก็ตาม แต่เขาพลาดความสนุกไป

แน่นอนว่าเฉินหลงไม่พอใจ

ภาพการปรากฏตัวขึ้นมาของเฮยเทียนทำให้ตะลึงงงไปได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าเฉินหลงจะยังทรงพลังอยู่หลังจากกระบวนท่านั้น เขาจึงเป็นกังวลเรื่องของไป่เตียซวนขึ้นมาจริงๆ

แม้ว่าคำของเฉินหลงจะฟังแล้วไม่น่าพอใจเท่าไร ทว่าเฉินหลง คนที่ผู้อาวุโสสั่งให้ปกป้องดินแดนนี่ไว้ เขาจึงทำได้เพียงกลั้นใจ “ชื่อของข้าคือเฮยเทียน ข้าเป็นนักบุญฝึกหัดแห่งวิหาร ข้ามาเพื่อปกป้องท่านอย่างลับๆเนื่องจากคำสั่งของผู้อาวุโส เมื่อครู่ ข้าเห็นว่าท่านอยู่ในอันตราย”

แม้ว่าผู้อาวุโสจะปล่อยให้เขาปกป้องเฉินหลงอย่างลับๆ ทว่าตอนนี้เขาออกมาแล้ว เขาจึงควรจะชี้แจงให้แจ้ง

“เจ้ากลับไปเถอะ ข้าไม่ต้องการการปกป้องจากเจ้า” เนื่องจากพวกเขามีเจตนาดี เฉินหลงจึงไม่อยากจะโทษอะไรพวกเขาอีก ทว่าเขาก็ไม่อยากให้เขาพวกเขาตามอีกต่อไปแล้ว

“แต่ว่า…”

“อย่าเลย กลับไปเถอะ ข้าไม่ต้องการให้ปกป้อง” เฮยเทียนอยากจะพูดต่อทว่ากลับโดนเฉินหลงดักไว้

เฮยเทียนจะอยากว่าอะไรต่อไปอีก แต่ไป่เชิงกลับออกมาและดึงให้เฮยเทียนไป

จากนั้นไป่เชิงก็โค้งให้เฉินหลงและดึงให้เฮยเทียนไปไกลๆ

หลังจากที่เขามองไป่เชิงและอีกคนนึงจากไป เฉินหลงก็ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของเขาด้วยฉีรักษาต่อ

“ไป่เชิง ทำไมเจ้าถึงดึงข้าออกมา ภารกิจของพวกเราคือปกป้องเขา เจ้าลืมไปแล้วหรือ” หลังจากที่เฮยเทียนโดนดึงออกไปไกลแลว ไป่เชิงก็ทำให้เขาออกไปจากทาง

 

“ข้าไม่ลืมหรอก แต่เจ้าลืมสิ่งที่ผู้อาวุโสพูดไปหรือ ที่ว่าให้แอบปกป้องเขาน่ะ เจ้ารู้หรือไม่ว่าอะไรคือความลับ” เฮยเทียนพูดไม่ออก เขามองอีกฝ่ายที่มีความหงุดหงิดในแบบเพื่อน

หลังจากที่ได้ยินคำของไป่เชิง เฮยเทียนจำภารกิจของเขาได้ว่าเขาต้องปกป้องเฉินหลงอย่างลับๆ เขาไม่คาดหวังว่าเฉินหลงจะสงบใจได้ในตอนนี้

 

“ดี เช่นนั้นเราก็กลับขึ้นกลับไปอีกครั้ง ครั้งนี้ไปดูว่าเขาจะฆ่า “ราชันย์หมีเหล็กกล้า” ได้อย่างไรเถอะ” ไป่เชิงสงสัยในตัวเฉินหลงจริงๆ “จะว่าไปแล้ว เจ้าอย่าได้หงุดหงิดไปเลย”

เฉินหลงบาดเจ็บสาหัสตอนที่เขาออกจากถ้ำหมี แต่อย่างไรเสียเมื่อเขาเห็นเฉินหลงในตอนนี้ เขาพบว่าอาการบาดเจ็บเขาเกือบจะหายดีแล้ว อีกอย่างหนึ่งคือเขายังสามารถจะไล่ไป่เตียซวนไปได้ และนั่นช่างแข็งแกร่งอย่างมาก เฉินหลงมีความลับมากมาย และแม้ไป่เชิงจะไม่กล้าคิดเรื่องเฉินหลงก็ตาม แต่เขาก็ยังอยากจะรู้ต่อไป

เฮยเทียนพยักหน้าและบินขึ้นฟ้าอีกครั้งพร้อมด้วยไป่เชิง

ครึ่งชั่วโมงต่อมา อาการบาดเจ็บของเฉินหลงได้หายสนิท

หลังจากที่เขาฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บ เฉินหลงเดินไปยังภูเขาที่อยู่ถัดจากเขาหมี

พลังในตอนนี้ของเขาไม่มีเพียงพอให้ชนะราชันย์หมี หากว่ามันมาหาเขา เขายังคงโดนทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว ดังนั้นเฉินหลงจึงตัดสินใจว่าจะพัฒนาพลังของเขาให้เป็นระดับ “หลอมรวมกับธรรมชาติ” หากเป็นเช่นนั้นร่างอมตะจะสามารถพัฒนาไปเป็นระดับกลางได้ จนกว่าจะถึงตอนนั้น การโจมตีทั้งหมดในระดับปรมาจารย์แห่งดวงดาวจะไม่สามารถทำอะไรเขาได้ และนั่นจะเป็นเวลาแห่งการแก้แค้น

เฉินหลงไม่ได้ไปหาราชันย์หมีทว่าเขาเดินไปเขาลูกอื่นแทน พวกไป่เชิงจึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ตามต่อไป

สามเดือนต่อมา เฉินหลงตามหาสัตว์ป่าทุกๆวันที่มีพลัง “หลอมรวมธรรมชาติ” เพื่อจะฝึกฝน ในขณะเดียวกันเขาก็ตามหาแร่ธาตุ หากว่ามีแร่ธาตุที่หายากแล้ว เฉินหลงจะทำเครื่องหมายไว้ให้รถบรรทุกที่ต้องทำภารกิจเดิมให้สำเร็จก่อนจะมาที่นั่นเพื่อขุดเหมืองต่อไป

 

ในท้ายที่สุดแล้วเฉินหลงได้ฆ่าหมูป่าคลั่งที่ชื่อว่า “หมูเขี้ยวโหด” ไป พลังของเฉินหลงได้เปลี่ยนจาก “ปลดปล่อยพลังปราณ” สู่ “หลอมรวมธรรมชาติ”

เมื่อเข้าสู่ระดับหลอมรวมธรรมชาติ  เฉินหลงรู้สึกได้ถึงสภาพพลังแห่งธรรมชาติ เฉินหลงพบว่าจิตวิญญาณของเขาได้รวมเข้าสู่จิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ พลังจิตของเขาขับเคลื่อนด้วยจิตวิญาณแห่งธรรมชาติที่มารับเข้ามา

 

ตอนนี้เขาสามารถปล่อยพลังธรรมชาติมาเพื่อเป็นโล่ และการที่ปล่อยพลังธรรมชาติเพื่อกักขังสิ่งมีชีวิตได้ ตราบใดที่ยังมีความคิดอยู่ พลังธรรมชาตินี้ก็จะใช้เพื่อประโยชน์ของตัวเขา และนั่นคือระดับหลอมรวมธรรมชาติ