TB:บทที่ 250 แร่ทองที่เบาบาง

 

“เขาผ่านพ้นไประดับที่เก้าของ “หลอมรวมธรรมชาติ”แล้ว เขาเพิ่งถึงระดับปลดปล่อยพลังลมปราณเอง เพียงนานเท่าไรเขาก็ผ่านพ้นไปยังระดับ “หลอมรวมธรรมชาติได้อีก เขาทำได้อย่างไรกัน” เฮยเทียนประหลาดใจที่เห็นว่าเฉินหลงได้ผ่านพ้นไปยังระดับ “หลอมรวมธรรมชาติ”

 

ไป่เชิงเพื่อนของเขาก็ตกใจเช่นกัน ทว่าในใจของไป่เชิงแล้วเขาคิดถึงความเป็นไปได้อื่น ทำไมเฉินหลงจึงฆ่าสัตว์ประหลาดกันเล่า จะต้องมีความเกี่ยวข้องกับการพัฒนาพลังของเขาอย่างแน่นอน

สองวันต่อมาเฉินหลงกลับไปหาราชันย์หมีอย่างมั่นใจ

 

พลังของเฉินหลงได้พัฒนาไปเป็นระดับ “หลอมรวมธรรมชาติ” แล้ว ร่างอมตะก็ได้มีพลังถึงระดับกลางค่อนไปทางสูงแล้วด้วย ในตอนนี้นั้นขึ้นอยู่กับว่าเขาจะทำร้ายราชันย์หมีอย่างไร

เมื่อเขาเข้าไปยังหุบเขาหมี เฉินหลงได้กวาดภูเขาหมีนี่ไปอย่างดีเมื่อสามเดือนก่อน การทำเช่นนั้นทำให้เขาแทบจะกำจัดหมีเกราะเหล็กไปหมดภูเขาหมี เมื่อเฉินหลงไปถึงที่ถ้ำหมี เขาเห็นว่ามีหมีอยู่เพียงไม่กี่ตัวระหว่างทาง และในบางครั้งก็เป็นเพียงลูกหมี ด้วยความรู้สึกเวทนา ตราบใดที่หมีพวกนี้ไม่ได้มาท้าทายอะไรเขา เขาจะปล่อยมันไป

 

หลังจากที่เขาไปถึงถ้ำหมี ราชันย์หมีไม่ได้อยู่ในถ้ำ ดังนั้นเฉินหลงจึงหยิบเครื่องมือตรวจสอบทัศนียภาพออกมาและสำรวจถ้ำ หากจะว่าตามปกติแล้ว จะมีของดีๆอยู่ที่ที่จ่าฝูงและสัตว์อื่นที่เป็นอย่างราชันย์หมีอาศัยอยู่ ครั้งสุดท้ายที่เฉินหลงไปที่นั่น เขาไม่มีเวลาจะใช้เครื่องตรวจสอบเพื่อตรวจทั่วถ้ำ ในครั้งนี้ เขาไม่อาจจะเพิกเฉยถ้ำของราชันย์หมีไปได้ แน่นอนว่าเขาจะต้องมองดูให้ดีๆ

เมื่อเฉินหลงเห็นว่ามีชื่อของแร่ปรากฏบนเครื่องมือตรวจสอบ ใบหน้าของเฉินหลงพลังแสดงสีแห่งความประหลาดใจ

 

บนเครื่องตรวจสอบนั้นได้แสดงว่าที่นี่มีแร่ที่ชื่อว่า “ทองมิติ” ในถ้ำนี้

“ทองมิติ” เป็นแร่ที่หาได้ยากชนิดที่ว่าไม่มีที่ใดในโลก แร่นี้สามารถนำไปใช้ทำอุปกรณ์ช่องมิติได้

“ฉันไม่คิดว่าจะมีของดีเช่นนี้อยู่ที่นี่ หากว่าฉันไม่ได้อยากจะแก้แค้นราชันย์หมี ฉันคงจะพลาดของดีๆแบบนี้ไป” ใบหน้าของเฉินหลงตื่นเต้น

เฉินหลงไม่คาดคิดว่าที่นี่จะมี “แร่ทองมิติ” อยู่ที่นี่ แม้ว่าจะแสดงบนเครื่องตรวจสอบว่าที่นั่นมีแร่ “ทองมิติ” เป็นร้อยคันรถ และการเก็บของนั้นไปก็ดีเยี่ยมมากๆเช่นกัน

ในตอนนี้ที่เขาเจอกับ “ทองมิติ” แล้ว เขาก็ควรจะรีบขุดในตอนนั้นเลย เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาจะต้องเก็บของให้อยู่ในวงแหวนมิติของเขาเอง

เมื่อเฉินหลงเริ่มจะทำการขุด “ทองมิติ” นั้น ราชันย์หมีที่กำลังเดินอยู่กับหมีตัวเมียหลายตัวก็รู้สึกถึงการขุดในทันที มันโกรธและคำรามออกมา มันทิ้งคู่ทั้งหลายของมันและวิ่งไปยังถ้ำหมี

ใครหน้าไหนที่กล้ามาเอาลูกมันไปมันจะฆ่าทิ้ง

เหตุผลที่ว่าทำไมมันจึงกลายเป็นราชันย์หมีนั้นคือความสามารถของพลัง “มิติตัดขาด” ที่พลังทั้งหมดขึ้นอยู่กับ “แร่ทองมิติ” เนื่องจากมีการหลอมรวมพลังงานพิเศษที่มาจาก “แร่ทองมิติ” ทำให้พลังสามารถผ่านพ้นไปยังระดับ “หลอมรวมธรรมชาติ” และยังไปถึงขั้นระดับ “เหนือธรรมชาติ” อีกด้วย

 

ครั้งล่าสุดที่ราชันย์หมีไม่ออกมาจากถ้ำเนื่องจากว่าวันนั้นเป็นวันที่ “แร่ทองมิติ” ส่งพลังงาน และมันไม่อาจจะทำให้พลังงานเสียเปล่าไปได้

ในตอนนี้มีสิ่งที่ไม่เจริญหูเจริญตากล้าจะมาเคลื่อนย้ายลูกของมัน มันปล่อยให้ทำไม่ได้ คนที่ทำจะต้องตาย

เมื่อเฉินหลงขุดหา “แร่ทองมิติ” เขารู้สึกได้ด้วยว่าราชันย์หมีกำลังกลับมาอย่างกะทันหัน

อย่างไรเสียในตอนนี้ราชันย์หมีก็ไม่ใช่ภัยคุกคามอะไรสำหรับเขา เฉินหลงจึงขุด “แร่ทองมิติ” ต่อไปอย่างใจเย็น

ราชันย์หมีวิ่งมาตลอดทางและใช้เวลาเพียงสองนาทีเพื่อจะกลับไปยังถ้ำ “ทองมิติ” เป็นของจำเป็นอย่างคอขาดบาดตาย หากไม่มีแล้วมันจะทำอะไรไม่ได้เลย

 

เมื่อกลับมาที่ถ้ำแล้ว ราชันย์หมีพบในทันทีว่าคนที่ขุดหาลูกรักของมันอยู่คนคนเดียวกับที่ฆ่าพี่น้องของมันไปเมื่อคราวก่อน ในตอนนี้มันไม่อาจทนใจเย็นได้อีกแล้ว

สิ่งสุดท้ายคือมันยังไม่ได้สะสางเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขา ในตอนนี้เขายังกลับมาและจะขโมยลูกรักของมันอีก แบบนี้สมควรตาย

“หมี เจ้าหมี เจ้ากลับมาแล้วหรือ ที่นี่มีของดีๆยู่ด้วย พอฉันขุดเสร็จแล้วเราค่อยมาคุยเรื่องในอดีตกันนะ” เมื่อเห็นว่าราชันย์หมีกลับมา ใบหน้าเฉินหลงฉายยิ้มเย้าแหย่

“โฮก”

สิ่งที่ราชันย์หมีตอบกลับเฉินหลงคือคลื่นเสียง “มิติตัดขาด”

มันรู้ดีว่าการโจมตีปกติไม่ได้อาจทำอะไรเฉินหลงได้ กลวิธีแรกของมันจึงเป็น “มิติตัดขาด”

 

ท่านี้เคยให้ได้ผลกับเฉินหลงเมื่อสามเดือนก่อน เฉินหลงทำได้เพียงหนีไป

ทว่าในตอนนี้ใบหน้าของเฉินหลงแสดงรอยยิ้มที่ไม่ได้ต่างออกไป และเขาก็ยังขุดหา “แร่ทองที่ว่างเปล่า” ต่อ

เมื่อมันโจมตีร่างของเฉินหลงด้วย “มิติตัดขาด” เฉินหลงกลับไม่บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย

มันเห็นว่าคราวก่อนมันทำร้ายเขาจนสาหัสได้ แต่ครั้งนี้กลับไม่มีผลอะไร ราชันย์หมีจึงอึ้งไป

 

อย่างไรก็ตามราชันย์หมีได้ส่งพลัง“มิติตัดขาด”ไปอีกสองสามครั้งในทันที โชคไม่ดีที่ก็ยังไม่มีผลอะไรกับเฉินหลงอยู่

“ เจ้าหมี อย่าได้เสียแรงเปล่าอีกเลย ทำแบบนี้ไม่ได้มีผลอะไรกับฉัน ฉันจะขุดเหมืองก่อนนะ แล้วจะไปเล่นกับแกทีหลัง” เฉินหลงหันหน้าและยิ้มให้กับราชันย์หมี

เมื่อมันเห็นว่ามันไม่อาจจัดการมนุษย์ตรงหน้าได้ ราชันย์หมีไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

 

มันทำร้ายเขาไม่ได้และไม่อาจจะไล่เขาไปได้ มันจะมองเขาขุดสมบัติมันไปหมดได้อย่างไร

ไม่ ไม่ ไม่แม้แต่จะทำลายได้ มันไม่อาจปล่อยมนุษย์ที่มันเกลียดขโมยสมบัติของมันไปได้

จากนั้นราชันย์หมีพุ่งเข้าไปหาที่ที่ “ทองมิติ” อยู่ มันอยากจะหยุดยั้งการขุดขิงเฉินหลง

 

เมื่อเขาเห็นว่าราชันย์หมีกำลังเข้ามา เฉินหลงรู้ว่ามันจะทำอย่างไรต่อ พวก “แร่ทองมิติ” นี้ทั้งหมดเป็นสมบัติ แล้วหมีบ้าบอนี่ยังไม่อาจจะทำลายได้อีก

ตอนที่เขาหยิบ “ไม้เท้าแห่งพลัง” ออกมาเฉินหลงพุ่งมันไปยังราชันย์หมี

พลังของ “ไม้เท้าแห่งพลัง” ยังมีจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติบนไม้เท้าด้วย ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เฉินหลงทำให้ราชันย์หมีกลายเป็นดังลูกเบสบอลที่โดนตีให้กระเด็นในถ้ำ

 

ในทันใดนั้นเฉินหลงก็พุ่งออกไปนอกถ้ำ เพราะว่าหมีตัวนี้อยากจะตาย ก็ควรทำให้มันตาย

แม้ราชันย์หมีจะมีพลัง “ธรรมชาติ” มันยังโดนเฉินหลงทำร้ายได้อยู่ดี มันพ่นเลือดสีทองที่เต็มปากออกมา

ราชันย์หมีฝืนจะก้าวผ่านระดับไปโดยการเปลี่ยนยีนส์ของตนผ่าน “แร่ทองมิติ” แต่ตอนนี้ไม่มีโอกาศแล้ว

 

อย่างไรเสียพลัง “หลอมรวมธรรมชาติ” ของเฉินหลงได้พัฒนาขึ้นเนื่องจากความพยายามของเขา ดังนั้นแล้วไม้เท้าในครั้งก่อนหน้าที่มีพลังธรรมชาติอยู่ด้วยรวมกับพลังไม้เท้าที่เค้นออกมาโดยตรงสามารถจัดการกับราชันย์หมีได้อย่างง่ายดาย

 

ราชันย์แห่งเหล่าหมีได้ปกครอง “ภูเขาหมี” มีเพียงมันที่ทำร้ายสิ่งอื่นได้ มีเพียงมันที่ทำให้สัตว์อื่นพิการและฆ่าสัตว์อื่น จะมีวันที่มันจะบาดเจ็บไปได้อย่างไร ไม่ต้องนึกถึงการที่มีมนุษย์มี่มีพลังต่ำกว่าเลย นั่นทำให้มันมองเฉินหลงด้วยสายตาที่ซับซ้อนปะปนตกใจ อีกทั้งยังมีความกลัวและไม่แน่ใจอีกด้วย

เฉินหลงเดินมาหาราชันย์หมี และโดยไม่ได้กล่าวอะไรให้มากความ เขายกไม้เท้าขึ้นและทุบลงไปตรงๆ

จากนั้น เขาก็ขุดเหมืองต่อ

ราชันย์หมีไม่รู้วิธีใช้พลังธรรมชาติเป็นโล่กำบัง  สำหรับไม้เท้าของเฉินหลงแล้ว เขาต้องพึ่งพากำลังของตนเพื่อป้องกันมัน  อย่างไรก็ตามแต่ ไม่ว่าพลังของร่างมันจะเป็นอย่างไร และพลังการป้องกันของมันจะเป็นอย่างไร มันก็โดนโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวเมื่อเผชิญหน้ากับพลังธรรมชาติ