ตอนที่ 8 การลอบสังหารของประมุขหอหมื่นโลกา โดย Ink Stone_Fantasy
บริเวณกฎเกณฑ์ของตงป๋อเสวี่ยอิงนั้นวางโครงสร้างขึ้นตามเขตลวง ในฐานะผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดทางด้านเขตลวงในอากาศอันสับสนอลหม่าน ภายในขอบเขตของบริเวณกฎเกณฑ์ของเขา ผู้ที่สามารถแทรกซึมเข้าไปอย่างเงียบเชียบนั้นมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย! ขอเพียงเป็นตำแหน่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ บริเวณแสนลี้รอบกายเขาก็จะมีบริเวณของกฎเกณฑ์อันไร้รูปร่างปกคลุม ราวกับโลกจริงมีเขตลวงปกคลุมอยู่
“ฟิ้ว…” ชั่วขณะที่ศัตรูปะทุออกมานั้น ก็ทำให้บริเวณกฎเกณฑ์ของตงป๋อเสวี่ยอิงปะทุออกมาเช่นกัน
ภายในขอบเขตแสนลี้โดยรอบพลันเต็มไปด้วยแสงสีแปลกประหลาด โลกชั้นแล้วชั้นเล่าบิดเบี้ยว ตงป๋อเสวี่ยอิงราวกับยืนอยู่ในส่วนลึกสุดของโลกซึ่งมีจำนวนชั้นนับไม่ถ้วน
บนทุ่งร้างซึ่งเดิมทีเงียบสงบก็บิดเบี้ยวและกลายเป็นชายชราผู้หนึ่ง สัตว์ป่าซึ่งเดิมทีกำลังบินทะยานอยู่ไกลออกไปก็บิดเบี้ยวแล้วกลายเป็นชายชราผู้หนึ่งเช่นกัน แม้แต่ต้นไม้ต่ำเตี้ยเรี่ยดินเหนือทุ่งร้างก็ยังบิดเบี้ยวแล้วกลายเป็นชายชราเช่นกัน ส่วนลึกของผืนดินก็ก่อตัวขึ้นเป็นชายชราผู้หนึ่ง ชายชราปรากฏขึ้นคนแล้วคนเล่า ชายชราถึงพันคนบุกสังหารเข้ามาในบริเวณกฎเกณฑ์พร้อมกัน
พวกเขาก็เหมือนกันทุกประการ ร่างกายราวกับไม่มีอยู่จริงอย่างไรอย่างนั้น
“ประมุขหอหมื่นโลกา!” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกใจใหญ่
“ถูกพบเข้าเสียแล้ว” ประมุขหอหมื่นโลกาก็ตกใจอยู่บ้าง เคล็ดวิชาของทางสายท่านอาจารย์นั้น เขาบำเพ็ญโดยมุ่งเน้นไปทางด้านกายหยาบมากกว่า ดังนั้นร่างแยกมีจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ความสำเร็จทางด้านอากาศกลับด้อยกว่าอยู่บ้าง มิได้บรรลุถึง ‘ขีดจำกัดการกลายเป็นอากาศธาตุ’ หากถึงขีดจำกัดการกลายเป็นอากาศธาตุ เหมือนกับฝูงมารผลาญทำลายซึ่งมีพรสวรรค์ไร้เงา สามารถแทรกซึมมาถึงข้างกายตงป๋อเสวี่ยอิงได้โดยไม่ถูกจับได้
มีได้ก็ต้องมีเสีย
เขาเลือกเส้นทางร่างแยกจำนวนนับไม่ถ้วน ทำให้เขาไม่หวั่นเกรงต่อการทำลายล้างครั้งใหญ่ของอากาศอันสับสนอลหม่าน เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นอย่างจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่หวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อย
แต่พลังการต่อสู้ก็อ่อนแอไปหน่อย เส้นทางที่ ‘จ้าวภูเขาฉื้อเหมย’ ศิษย์น้องของเขาเลือกนั้นมีพลังแข็งแกร่งยิ่งกว่า ทว่าศิษย์น้องเป็นเพียงขั้นอลวนเท่านั้น
“ตู้ม”
ชั่วขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงพบเข้า ปีศาจชาด วิหคเทพสีแดงเพลิงขนาดมหึมาก็ปรากฏขึ้นด้านหลัง มันสยายปีกออก กระแสอากาศสีแดงเพลิงแผ่กำจายออกมา เขตลวงแผ่ออกไปทั่วทุกทิศทุกทาง ร่างแยกแต่ละร่างของประมุขหอหมื่นโลกาล้วนถูกรุกล้ำ
“แม้จะมีร่างแยกนับพัน ทว่าแต่ละร่างเหมือนจะอ่อนแอมากอย่างนั้นหรือ เหมือนจะอ่อนแอกว่าข้าอีกหรือนี่” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ ก็ถูกต้องแล้ว หากร่างแยกแต่ละร่างล้วนมีพลังระดับเทพจักรวาล เช่นนั้นประมุขหอหมื่นโลกาก็คงไร้ศัตรูไปตั้งนานแล้ว และอันที่จรองแต่ไหนแต่ไรประมุขหอหมื่นโลกาก็มิได้มีชื่อเสียงเรื่องพลังรบอยู่แล้ว แม้แต่บรรพชนโลกาหรือบรรพชนทิพย์ก็แข็งแกร่งกว่าเขาทั้งสิ้น
แม้เขตลวงที่ตนสำแดงออกมาจะร้ายกาจ แต่ประมุขหอหมื่นโลกาก็ยังคงสามารถต้านทานได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่าก็ต้องแบ่งจิตใจไปต้านทานด้วย
“ฆ่ามัน” ชายชรานับพันคนบุกรุกเข้ามาในขอบเขตแสนลี้จากทิศทางที่แตกต่างกัน ทันใดนั้นชายชราแต่ละคนก็พลันบิดเบี้ยวและเลือนรางไป
ศีรษะของชายชราขนาดมหึมาจนบดบังทั้งฟ้าดินปรากฏขึ้น มันกินขอบเขตกว่าสิบล้านลี้ และปกคลุมบริเวณเขตลวงของตงป๋อเสวี่ยอิงด้วย เมื่อเขาอ้าปาก ก็มีความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุดปรากฏขึ้นแล้วกลืนกินไปทางตงป๋อเสวี่ยอิง
“ฟิ้วๆๆ…”
ดอกตูมสีดำขนาดมหึมาดอกแล้วดอกเล่าปรากฏขึ้น
เนื่องจากดูดซับพลังงานหลังจากฝูงมารผลาญทำลายสิ้นใจไปหลายตน ทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้นมาบ้าง ขณะเดียวกับที่รักษาให้ปีศาจชาดสิบแปรคงอยู่ ก็สามารถสำแดงบุปผาเก้าใบออกมาได้แปดดอก
บุปผาเก้าใบทั้งหมดนั้น ดอกหนึ่งห่อหุ้มอีกดอกหนึ่ง ด้านในสุดก็คือตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์สีขาวทั้งร่าง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็กระตุ้นสมบัติลับสองชิ้นที่ติดตัวขึ้นมาในพริบตา เมื่อกระตุ้นขึ้นมาแล้ว สร้อยข้อมือไข่มุกสิบสองเม็ดก็พลันส่องแสงสีทองเรืองรองปกคลุมรอบกาย ขณะเดียวกันเหนือผิวของตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ขาวก็เปล่งรัศมีสีฟ้าออกมา
ศีรษะขนาดมหึมาของประมุขหอหมื่นโลกาเพียงแค่กลืนกิน ขอบเขตล้านลี้ล้วนถูกกลืนเข้าไปจนสิ้น รอบกายตงป๋อเสวี่ยอิงก็ล้วนตกเข้าสู่ความมืดมิด แต่เขาก็ไม่แตกตื่นเลยแม้แต่น้อย
เขายังคงมีสมบัติลับสองชิ้นคุ้มกัน อีกทั้งบริเวณกฎเกณฑ์ก็ปะทุออกไปจนสิ้นด้วย
เขตลวงปกคลุม และยังมีดอกตูมแปดดอกคอยคุ้มกันชั้นแล้วชั้นเล่าอีกด้วย
“ฟึ่บๆๆ..” แสงสีขาวระลอกแล้วระลอกเล่าปรากฏขึ้นท่ามกลางความมืด แม้บุปผาเก้าใบที่ปกป้องตงป๋อเสวี่ยอิงเอาไว้ล้วนซ่อนตัวอยู่ในโลกลวงอย่างสิ้นเชิง แสงสีขาวเหล่านั้นก็ฝืนแทรกซึมเข้าไป ทะลุอุปสรรคของโลกชั้นแล้วชั้นเล่าจำนวนนับไม่ถ้วน อานุภาพก็ถูกผลาญไปถึงสามส่วน มันฝืนโจมตีลงบนกลีบของบุปผาเก้าใบ ไม่เสียทีที่เป็นหัวหน้าองค์กรมือสังหารที่ใหญ่ที่สุดแห่งอากาศอันสับสนอลหม่านอย่างหอหมื่นโลกา แม้กลีบบุปผาเก้าใบจะทนทานเป็นอย่างมาก แต่ภายใต้การโจมตีของจ้าวภูเขาฉื้อเหมยก็ถูกตัดเฉือนออก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงท่าไม้ตายของประมุขหอหมื่นโลกาเลย
แสงสีขาวระลอกแล้วระลอกเล่าทะลุผ่านอุปสรรคของโลกลวง ยังคงทะลุกลีบของบุปผาเก้าใบไปอย่างรวดเร็ว ทำให้บุปผาเก้าใบเริ่มถล่มทลายลงไป ทว่าขณะเดียวกับที่ถล่มทลายลงนั้น รอบกายตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีบุปผาเก้าใบปรากฏขึ้น แต่ความเร็วที่แสงสีขาวเหล่านั้นทะลุผ่านไปรวดเร็วเกินไปแล้ว เพียงพริบตาเดียวก็ทะลุผ่านบุปผาเก้าใบสิบเอ็ดชั้นต่อเนื่องกัน (มีสามชั้นที่ก่อตัวขึ้นภายหลัง)
“วิ้ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงยังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสงบ ที่ครอบแสงอันรำไรสิบสองชั้นกลับทนทานหาใดเปรียบ ภายใต้การรุกโจมตีของแสงสีขาวเหล่านั้น เพียงแค่ที่ครอบแสงสองชั้นนอกสุดถูกทะลุผ่าน แสงสีขาวเหล่านั้นก็สลายหายไปจนสิ้นแล้ว
“แค่ลูกไม้เหล่านี้เองน่ะหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปทางความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุดนั้น
กระบวนท่านี้จะว่าไปแล้วก็เนิบช้า แต่อันที่จริงการประมือของระดับเทพจักรวาลเช่นนี้กลับเป็นเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น
เมื่อท่าไม้ตายตอนเพิ่มเริ่มต้นนั้นมิอาจจัดการเขาได้ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีเวลาเพียงพอที่จะสำแดงการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นจากไปแล้ว ดังนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงจึงผ่อนคลายกว่า
“สมบัติลับรักษาชีวิตที่พวกบรรพชนทิพย์ให้ข้าไว้ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ
พวกบรรพชนทิพย์ล้วนเคยพูดมาก่อน
ผู้ที่สามารถโจมตีการคุ้มกันของสร้อยข้อมือไข่มุกสิบสองเม็ดให้ทลายไปในพริบตาได้ ก็มีเพียงจอมเทพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น!
ส่วนประมุขหอหมื่นโลกาน่ะหรือ ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่าแม้ไม่อาศัยสมบัติลับ ตนก็มีหวังจะต้านทานท่าไม้ตายระลอกนี้ได้! แน่นอนว่าความเชื่อมั่นในตนเองก็เป็นเรื่องหนึ่ง เขาคงไม่มีทางโง่งมขนาดมีสมบัติลับสองชิ้นอยู่กับตัวแต่ไม่ใช้งานหรอก
“ฟิ้ว” ท่ามกลางความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุดรอบด้าน ชายชราผู้หนึ่งปรากฏขึ้น ซึ่งก็คือประมุขหอหมื่นโลกานั่นเอง
“นี่คือสมบัติลับที่บรรพชนทิพย์หลอมขึ้นใหม่แล้วมอบให้เจ้าอย่างนั้นหรือ” ประมุขหอหมื่นโลกามองที่ครอบแสงอันเรืองรองสิบสองชั้นเหนือผิวกายของตงป๋อเสวี่ยอิง ขณะที่ทะลุผ่านโลกลวงและบุปผาเก้าใบ ท่าไม้ตายของเขาก็เหลือเพียงหกส่วนเท่านั้น! เมื่อสัมผัสได้ถึงอานุภาพของที่ครอบแสง ประมุขหอหมื่นโลกาก็เข้าใจว่าจะทะลุผ่านไปก็ต้องใช้เวลาอยู่บ้าง เนื่องจากท่าไม้ตายนี้ต้องการการสั่งสมอานุภาพ เขาเก็บตัวกบดานอยู่ และสั่งสมอานุภาพมาตั้งนาน ก็เพื่อการลอบสังหารครั้งนี้
เมื่อการลอบสังหารล้มเหลว ต่อให้สั่งสมอานุภาพไปอีก ตงป๋อเสวี่ยอิงมีศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาก็สามารถหนีไปได้อย่างง่ายดายก่อนแล้ว
ดังนั้น…ประมุขหอหมื่นโลกาก็เข้าใจว่าพ่ายแพ้แล้ว
“ถูกต้อง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
“พวกบรรพชนทิพย์ให้ความสำคัญกับเจ้านัก” ประมุขหอหมื่นโลกากล่าว “ข้าขอถามเจ้า ว่าศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาของเจ้าศึกษามาจากที่ใดกัน”
“พรสวรรค์ศาสตร์โบราณ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“เป็นไปไม่ได้” ประมุขหอหมื่นโลกาส่ายหน้า “กฎเกณฑ์อันสูงส่งไม่มีทางมอบพรสวรรค์เช่นนี้ให้เป็นแน่”
“อ้อ อย่างนั้นหรือ หรือว่าพวกท่านควบคุมกฎเกณฑ์อันสูงส่ง จนเข้าถึงอะไรมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงโต้กลับ
ประมุขหอหมื่นโลกาสะดุ้งเฮือก
ปกครองกฎเกณฑ์อันสูงส่งหรือ
อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้เป็นอาจารย์ของเขา ผู้บุกเบิกทางสายนี้ก็มิได้ไปถึงระดับนั้น คิดจะควบคุมกฎเกณฑ์อันสูงส่งนั้นยากเย็นเพียงใดกัน
“ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้ก็พูดมีเหตุผล มิได้ควบคุมกฎเกณฑ์อันสูงส่ง หรือการคาดเดาของอาจารย์อาจไม่แน่ว่าจะถูกต้องเสมอไป หรือว่าพรสวรรค์ศาสตร์โบราณจะสามารถมีศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาได้จริงๆ” ประมุขหอหมื่นโลกาพึมพำ “ทว่าบำเพ็ญจนถึงระดับท่านอาจารย์แล้ว โอกาสที่การคาดเดาของเขาจะผิดพลาดได้นั้นต่ำยิ่งนัก”
ก่อนหน้านี้เขาเชื่อว่าตงป๋อเสวี่ยอิงแอบลอบศึกษาวิธีพื้นฐานทางสายของพวกเขาแล้วผลักดันให้เกิดศาสตร์การส่งถ่ายขึ้นมา หรืออาจจะศึกษามาจากจักรพรรดิเก้าเมฆา แต่ตอนนี้เขาเชื่อว่า ยังมีความเป็นไปได้ที่น้อยมากอีกอย่างหนึ่ง ก็คือเป็นพรสวรรค์ศาสตร์โบราณจริงๆ!
ถึงอย่างไรกฎเกณฑ์อันสูงส่งก็ยากที่จะขัดเกลา
“นับว่าข้าได้รับการสั่งสอนจากการลอบโจมตีของประมุขหอหมื่นโลกาก็แล้วกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้ม อากาศข้างกายบิดเบี้ยวไป จากนั้นเขาสาวเท้าก้าวหนึ่งก็หายวับไปทันที
……
กลางทุ่งร้าง
จ้าวภูเขาฉื้อเหมยกำลังมองดูความเคลื่อนไหวอันใหญ่โตไกลออกไป จากนั้นก็พลันสงบลง แล้วข้างกายเขาก็มีชายชราผู้หนึ่ง
“ศิษย์พี่” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยมองชายชรา
“พ่ายแพ้แล้ว” ชายชราส่ายหน้า
………………………………….