TQF:บทที่ 734 อวสาน (3)

 

 

อย่างไรซะเหลืออีกแค่ 3 วันก็จะถึงวันสอบวัดระดับแล้ว ต้องรับนักสกัดยาที่มีพรสวรรค์เข้ามาในสำนัก แล้วก็ต้องสร้างสถานที่สำหรับตั้งสำนักด้วย

 

อย่างไรซะนี่ก็เป็นสำนักแรกและสุดท้ายที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวสร้างไว้ที่ผืนดินฉางไห่ หยูเฮงน้อยย่อมต้องพยายามทำให้ดี

 

“หยูเฮงน้อย ยอดเยี่ยมมาก…..”

 

เสียงนุ่มลึกอันไพเราะดังขึ้น ก่อนที่ร่างของชายหนุ่มและหญิงสาวปรากฏสู่สายตาทุกคน

 

“คุณหนู ท่านเขย พวกท่านออกมาแล้ว….”

 

“เสี่ยวเสี่ยว ซุนเอ๋อ…..”

 

“เสี่ยวเสี่ยว ซวนซุน….”

 

“คุณหนู ท่านเขย….”

 

 

…..

 

เมื่อทุกคนเห็นการปรากฏตัวของพวกเขาต่างพากันส่งเสียงร้องเรียก โดยเฉพาะหยูเฮงน้อยที่กระโดดรอบๆตัวพวกเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “คุณหนู ท่านเขย ทำไมข้ารู้สึกว่าพวกท่านไม่เหมือนเดิมล่ะ หรือว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วปิดบังพวกเราทุกคน รีบสารภาพมา ถ้ายอมพูดจะให้โอกาส ถ้าต่อต้านต้องเจอบทลงโทษสุดโหด”

 

คำพูดนี้ทำให้คนอื่นๆคิดไปต่างๆนาๆ แต่ละคนอดอมยิ้มไม่ได้ สายตาก็มองไปๆมาๆอยู่ที่คู่รักสมบูรณ์แบบคู่นี้

 

“ยัยหนู อยากตายรึไง” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยื่นมือไปดึงนางมาและเคาะหัวนางหนักๆ

 

“โอ๊ยย….”

 

หยูเฮงน้อยรีบเอามือมาปิดหัวตัวเองไว้ “ขี้งกแล้วยังรังแกข้าอีก ข้าพูดเรื่องจริงนี่นา ดูพวกท่านสิ กระปรี้กระเปร่า หน้าตาสดใส กระชุ่มกระชวย พลังแข็งขัน ผิวพรรณเปล่งปลั่ง….”

 

“เดี๋ยวสิ เจ้าพูดจบรึยัง” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวขัดหยูเฮงน้อยที่เล่นคำสุภาษิตอยู่อย่างเหนื่อยใจ

 

โม่ซวนซุนสิตอบรับหยูเฮงน้อยอย่างใจดี “หยูเฮงน้อย ทำไมข้าเคยได้ยินแต่ว่ายอมสารภาพติดคุกจนตาย ต่อต้านได้กลับบ้านล่ะ เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้แกล้งข้า”

 

“เฮ่ะๆๆ ท่านเขย ทำไมท่านเลียนแบบคำพูดของคุณหนูได้อีกแล้วล่ะ นี่เป็นสำนวนที่ข้าเพิ่งเรียนมาเลยนะ ยังไม่ทันได้อวดเลย”

 

หยูเฮงน้อยกรอกตาไปมา มองโม่ซวนซุนซ้ายทีขวาทีพลางลูบคางด้วยท่าทีกุ๊ยๆ “ท่านเขย ทำไมข้ารู้สึกว่าท่านหล่อขึ้นเรื่อยๆเลยล่ะ จะให้ผู้ชายพวกนั้นใช้ชีวิตกันยังไง”

 

“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว….”

 

โม่ซวนซุนอกผายอย่างทรนง ท่าทางผยองเหมือนกับหยูเฮงน้อยไม่มีผิด ก่อนจะพูดขึ้นอย่างน่าหมั่นไส้ “ถ้าข้าไม่หล่อจะทำให้เสี่ยวเสี่ยวชอบได้ยังไงล่ะ”

 

“ฮ่าๆๆ ท่านเขยพูดถูก หน้ามลๆของท่านนี่แหละที่ดึงดูดคุณหนู ฮ่าๆๆ….”

 

“หน้ามลก็หน้ามล ขอแค่เสี่ยวเสี่ยวชอบก็พอ”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวหน้าเครียดกับไอติ๊งต๊อง 2 คนที่โชว์เกรียนอยู่ตรงนี้ แทบอยากจะตบทั้งคู่กระเด็น

 

แต่ท่าทีของ 1 คนโต 1 คนเล็กนี้นอกจากสามีภรรยาโม่อู๋เซอ ฟางซูหยุน และผู้เฒ่าหยิงแล้ว 10 กว่าคนที่รู้จ้องจนลูกตาแทบจะถลนออกมา

 

นี่มัน นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย

 

โดยเฉพาะตาแก่ซอมซ่อ เมื่อเห็นลูกศิษย์ที่เป็นคนเงียบๆและเย็นชามีด้านนี้ด้วย ทำให้เขานึกว่าตัวเองตาฝาดไป ไม่อยากจะเชื่อภาพตรงหน้าที่เกิดขึ้น

 

ก็จริง คนที่กำลังหยอกล้อกับยัยหนูมีรอยยิ้มระบายอยู่เต็มหน้า บนหน้ามีแต่ร่องรอยแห่งความสุข ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเห็นกับตาตัวเองก็ไม่น่าจะเชื่อจริงๆ

 

ที่แท้ลูกศิษย์ก็มีด้านนี้ด้วย หรือว่านี่ต่างหากคือตัวตนที่แท้จริงของเขา

 

จริงใจเหมือนเด็ก เรียบง่ายและใสซื่อ มีหัวใจอันเร่าร้อนของคนหนุ่ม

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ได้สนใจคนติ๊งต๊อง 2 คนนี้ ถ้าไม่รู้ตัวตนของ 2 คนนี้คงนึกว่าข้ามมิติมาเหมือนตัวเองจริงๆ คำที่ตัวเองใช้หยอกล้อโดยไม่ได้ตั้งใจกลับถูกพวกเขาเรียนรู้ไปใช้ได้อย่างเหมาะสม

 

หลังจากที่ทักทายผู้ใหญ่ที่คุ้นเคยแล้ว สายตาของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็มองไปที่ตาแก่ซอมซ่อ เกี่ยวกับตาแก่ซอมซ่อคนนี้ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่รู้จะแค้นเขาหรือจะขอบคุณเขาดี

 

ฝืนยื้อโม่ซวนซุนไว้ที่โถงวิหารสวรรค์แล้วยังผนึกความทรงจำเขาอีก แล้วยังปล่อยให้โม่ซวนซุนดิ้นรนอย่างทุกข์ทรมานไปครึ่งค่อนปี ท้ายสุดแล้วแม้จะฝืนเรียกความทรงจำกลับมาได้บางส่วนกลับยิ่งทำให้เขาต้องทรมานด้วยความคิดถึง แล้วยังติดอยู่กับการแกะสลัก แกะสลักรูปปั้นหยกไม่หยุดไม่หย่อน ใช้ชีวิตอยู่แบบนั้น

 

หรือตัวเองควรจะให้บทเรียนกับพวกเขาโถงวิหารสวรรค์ที่บีบบังคับคนอื่นๆสักหน่อย และให้พวกเขาได้ลิ้มรสการถูกบีบบังคับบ้าง

 

แต่ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็เป็นผู้สร้างทุกอย่างของโม่ซวนซุนให้ ถ้าไม่ใช่พวกเขาโม่ซวนซุนคงไม่อาจได้รับสืบสานวิหารสวรรค์ได้โดยสมบูรณ์ ถ้าไม่ใช่พวกเขาโม่ซวนซุนคงไม่อาจบรรลุเป็นเซียนสวรรค์และมีพลังมากมายเช่นนี้

 

นาทีนั้นความรู้สึกของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวยุ่งเหยิงมาก และไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับตาแก่ซอมซ่อด้วยอารมณ์ไหนดี

 

ทุกคนเห็นการประจันหน้ากันของทั้ง 2 หมด แต่ไม่มีใครรู้ว่าจะพูดอะไรดีโม่ซวนซุนที่หยอกล้ออยู่กับหยูเฮงน้อยหุบ เผยสีหน้ายุ่งเหยิงและประหลาด เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ย่อตัวลงนิดหน่อยให้กับอีกฝ่ายเป็นการทำความเคารพ “คารวะครู”

 

ในเมื่อโม่ซวนซุนนับถือเขาเป็นครูงั้นเขาก็เป็นครูของนางด้วย นี่เป็นเรื่องจริงที่ไม่อาจลบล้างได้ แม้ว่าสิ่งที่เขาทำจะยอมรับได้ยาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาหวังดีกับโม่ซวนซุน

 

เพราะสาเหตุนี้โม่ซวนซุนและเฉิงเสี่ยวเสี่ยวถึงยอมรับเขา ส่วนอารมณ์อื่นๆต้องสะกดเอาไว้หรือลืมๆไป

 

ตอนนี้หยูเฮงน้อยยังไม่รู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับโม่ซวนซุน ที่ยอมรับเขาก็แค่เพราะสิ่งที่เขาทำที่ลานกว้างชิงยาง ส่วนจะด้วยท่าทีแบบไหนก็สุดแต่ใจนาง

 

หรือพูดได้ว่ารอดูท่าทีของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและโม่ซวนซุน

 

ตาแก่ซอมซ่อชะงักไปก่อนจะมีประกายขึ้นมาในแววตาทันที ในใจมีความยินดีเข้าถาโถมราวกับคลื่นยักษ์ หน้าเหี่ยวๆเบิกบานราวกับดอกไม้และพยักหน้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ดีๆ ภรรยาของซุนเอ๋อน้อยดีจริงๆ”

 

ตาแก่ซอมซ่อดูเหมือนไม่รู้จะหาคำไหนมาบรรยายดีจึงหยิบแหวนมิติออกมา 1 วงวางไว้ในมือของเฉิงเสี่ยวเสี่ยว “นี่เป็นของขวัญเล็กๆจากครูที่เราได้พบกัน ต้องรับไว้นะ”

 

“ขอบคุณครู” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ได้เล่นตัว คลี่ยิ้มออก เก็บแหวนมิติไว้โดยไม่ดูว่าของด้านในคืออะไร

 

ทั้ง 2 นั่งลงข้างๆสามีภรรยาโม่อู๋เซอ หยูเฮงน้อยก็อิงแอบอยู่ข้างกายคนทั้ง 2 และกล่าวยิ้มๆ “คุณหนู ท่านเขย พวกเราไปเปิดทำการตึกจงหยวนเลยมั้ย พวกเราต้องพยายามหาหินพลังวิญญาณนะ”

 

“ในเมื่อรับปากแล้วก็ไปเปิดเถอะ”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเข้าใจความหมายของหยูเฮงน้อย แม้ว่าทรัพยากรที่ตึกจงหยวนปิดไปครั้งที่แล้วจะเลื่อนขั้นมิติไปได้ถึง 800 กว่าขั้นแต่ก็ยังไม่พอ นอกจากในมิติจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างกลางวันและกลางคืนแล้วก็ไม่มีอะไรมาก ตอนกลางคืนยังคงมืดสนิทเพราะไม่มีพระจันทร์อยู่

 

จากการคาดเดาของหยูเฮงน้อยอย่างน้อยๆต้องเลื่อนถึงพันกว่าขั้นจึงจะมีพระจันทร์ปรากฏ

—————————————