TQF:บทที่ 735 อวสาน (4)

 

ไม่ว่าจะเป็นเฉิงเสี่ยวเสี่ยวหรือหยูเฮงน้อยต่างหวังว่าจะรีบเลื่อนขั้นมิติให้อยู่ขั้นพันกว่าขึ้นไป ดังนั้นทรัพยายากรอย่างหินพลังวิญญาณจึงขาดแคลนอยู่ไม่น้อย แน่นอนว่าอีกไม่นานพวกนางก็จะมีทรัพยากรอีกจำนวนมหาศาล อย่างไรซะสมบัติของ 3 สำนักใหญ่ก็ไม่ธรรมดา หลังจากที่ได้ทรัพยากรเหล่านี้มาแล้วทั้ง 2 มั่นใจว่าจะเลื่อนขั้นได้ถึงขั้นที่ 1000

 

แต่สำหรับพวกนางแล้วทรัพยากรยิ่งเยอะยิ่งดี ขอแค่ก่อนที่มิติจะได้เป็นโลกจริงๆขึ้นมา 1 ใบ เป็นผืนดินผืนนึงขึ้นมาจริงๆ พวกนางก็จะพยายามสะสมทรัพยาที่จะเลื่อนขั้นมิติต่อไป

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวหยิบแหวนมิติออกมาวงหนึ่งและถ่ายโอนทรัพยากรในมิติออกมาก่อนจะมอบให้ผู้เฒ่าหยิงและสั่งขึ้น “มีเท่าไหร่ก็ขายเท่านั้น ไม่ต้องจำกัดการขายอีก หากขายหมดก็ส่งคนมาเอาก็พอ”

 

“ขอรับคุณหนู”

 

ผู้เฒ่าหยิงรับแหวนมิติมาด้วยความนอบน้อมก่อนจะรีบออกจากบ้านตระกูลฟาง

 

แน่นอนว่าคนที่ออกไปไม่ใช่แค่เขาคนเดียว ยังมีหน่วยอารักขาเผ่าอสูรอีก 100 ตนที่คอยปกป้องตึกจงหยวนโดยเฉพาะ บัดนี้พวกเขาสามารถปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนได้อย่างเปิดเผยแล้ว และไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก

 

“คุณหนู สมาคมตันจงล่ะ จะเอายังไงดี” หยูเฮงน้อยกระพริบตาถามขึ้นอีก

 

ฟางซูหยุนมองหลานสาวและเอ่ยขึ้น “เสี่ยวเสี่ยว ถ้าเจ้าจะก่อตั้งสมาคมตันจงจริงๆ คงต้องไปหาพื้นที่นอกเมืองเอาไว้รับลูกศิษย์จะดีกว่า ถ้ารับพวกเขาไว้ในเมืองจะยากกว่า”

 

“ใช่แล้วคุณหนู อย่าลืมนะ ก่อตั้งสมาคมตันจงแล้วหาภูเขาที่มีชีพจรภูเขาไฟจะดีที่สุด พวกเราสามารถนำไฟพสุธาเพื่อสกัดยาเม็ดได้เลย ยังไงซะคนพวกนี้ก็คงไม่มีไฟอย่างอื่น มีแต่ไฟ 3 รสของตัวเองเท่านั้น ไม่มีทางสกัดยาเม็ดได้เป็นเวลานานหรอก ถ้าพวกเรานำไฟพสุธามาสกัดยาเม็ดได้จะได้ไม่กินพลังเซียนของนักสกัดยามากมายขนาดนั้น พวกเขาจะได้มีเวลาสกัดยาเม็ดนานขึ้นกว่าเดิม”

 

หยูเฮงน้อยเอียงหัว คิดไปพูดไป “ตอนนี้เป็นไปไม่ได้ที่ในเมืองจะมีไฟพสุธา และในชิงยางนี้พวกเราก็ไม่มีสถานที่ต้อนรับด้วย”

 

“อยากได้ไฟพสุธา นอกเมืองทิศตะวันตกเฉียงใต้ 200 ลี้มีชีพจรไฟพสุธาอยู่ ข้าพาพวกเจ้าไปดูได้ ถ้าเหมาะละก็ตั้งอยู่ที่นั่นเลยก็ไม่เลว ไม่ไกลจากชิงยางมาก”

 

ตาแก่ซอมซ่อพูดขึ้นในเวลานั้น ทันใดนั้นสายตาทุกคู่ก็จับจ้องไปที่เขา แต่สีหน้าเขาไม่ได้เปลี่ยนไป สบตาเข้ากับเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและโม่ซวนซุน

 

“เฉิงเสี่ยวเสี่ยว เจ้าคิดว่ายังไง”โม่ซวนซุนให้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเป็นคนตัดสินใจในเรื่องแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้าเบาๆและบอกกับตาแก่ซอมซ่อ “รบกวนครูด้วย”

 

“ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ”

 

ร่างของตาแก่ซอมซ่อหายไปในพริบตาโม่ซวนซุนลากเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยตามไปติดๆ ส่วนคนอื่นก็ตามหลังไปตามๆกัน ทั้งหมดหายไปจากห้องรับแขก

 

ระยะทาง 200 ลี้สำหรับคนพวกนี้ก็แค่ก้าวไม่กี่ก้าวเท่านั้น พริบตาเดียวก็มาปรากฏตัวกันอยู่ที่ 200 ลี้นอกเมืองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้

 

คนเป็นฝูงลอยอยู่เหนืออากาศ ตาแก่ซอมซ่อชี้ไปที่ขุนเขาแห่งหนึ่งด้านหน้า เห็นเพียงหมอกขาวเป็นก้อนๆกลิ้งไปมาอยู่ระหว่างฟ้าดิน เขี้ยวอสูรมากมายปักอยู่บนพื้นที่รกร้าง เมื่ออยู่ท่ามกลางหมอกขาวดูราวกับมังกรตัวเขียว

 

ผู้คนจ้องมองไปยังทะเลหมอกที่มีคลื่นซัด จ้องมองเขี้ยวอสูรแหลมคมยาวเหยียดไร้ที่สิ้นสุดที่ปรากฏให้เห็นลางๆท่ามกลางทะเลหมอก

 

ขุนเขาแถบนี้ไม่ใช่แค่มีพลังวิญญาณหนาแน่นเท่านั้น ภูมิประเทศก็ไม่เลว แล้วยังอยู่ใกล้ชิงยางขนาดนี้ กลับไม่มีคนใช้ประโยชน์เลย แปลกจริง

 

“ทำไมไม่มีใครตั้งสำนักที่นี่”โม่ซวนซุนส่งเสียงถาม

 

ตาแก่ซอมซ่อชำเลืองมองเขาและเอ่ยขึ้น “แม้ว่าไฟพสุธาจะยังไม่ถูกนำออกมาแต่ก็ไม่ใช่อะไรที่ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธทั่วไปจะรับไหว นอกเสียจากว่าจะมีคนตั้งวิชาสะกดในระยะร้อยลี้เพื่อนำพลังวิญญาณไปควบคุมไฟพสุธา ไม่อย่างนั้นไม่ว่าจะเป็นใครถ้าอยู่ที่นี่ติดต่อกันหลายปีจะต้องมีพลังเซียนธาตุไฟเกิดขึ้นแน่ และถ้าควบคุมพลังเซียนธาตุไฟนี้ไม่ได้ จุดจบก็คือต้องตาย ไม่มีใครช่วยได้”

 

“อ๋อ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง”

 

โม่ซวนซุนพยักหน้า มีแสงสีทองวาบผ่านไปในแววตาขณะที่กวาดตามองรอบๆ และพยักหน้าขึ้นอีกครั้ง “วิชาสะกดน่ะไม่มีปัญหา ข้าจัดการได้”

 

เมื่อพูดจบเขาก็ชำเลืองมองคนข้างๆ “เสี่ยวเสี่ยว ชอบที่นี่มั้ย ถ้าไม่ชอบพวกเราค่อยหาดูที่อื่นก็ได้ เป็นไง”

 

“ที่นี่ก็ดีนะ ถึงยังไงก็อยู่ไม่ไกลจากชิงยาง พวกเราตั้งสมาคมกันที่นี่เถอะ” ตาคู่สวยของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเป็นประกาย

 

โม่อู๋เซอที่กำลังพินิจพิเคราะห์หุบเขาแถบนี้อยู่รับคำขึ้น “สร้างสมาคมที่นี่แล้วถ้าบริหารดีๆละก็ ต้องเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ได้แน่ๆ”

 

“ถูกต้อง โชคดีที่ไม่มีใครครอบครองที่นี่เพราะไฟพสุธา ไม่อย่างนั้นจะหาที่เหมาะขนาดนี้คงไม่ง่าย” ฟางซูหยุนพยักหน้า

 

“คุณหนู ท่านเขย…..”

 

หยูเฮงน้อยที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนบอกกับทุกคนด้วยรอยยิ้มเบิกบาน “ที่นี่ไม่เลวเลย คุณหนู พวกเราสามารถปล่อยกิเลนไฟ ม้าเพลิง สิงโตเพลิง นกเพลิงปีกใหญ่ออกมาให้หมด ให้พวกมันช่วยคอยเก็บกวาดหุบเขา ถ้าให้ดีก็เก็บกวาดทุกอย่างให้พร้อมภายใน 3 วัน”

 

“พวกมันล้วนเป็นสัตว์อมตะธาตุไฟ อยู่ที่นี่ก็เหมาะจริงๆนั่นแหละ สั่งพวกมันไว้ก็พอ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยอมรับความเห็นของหยูเฮงน้อย ถึงยังไงสัตว์อมตะธาตุไฟที่อยู่ในครอบครองตัวเองก็ไม่น้อย สั่งการให้พวกมันออกมาช่วยดีที่สุด

 

“ทุกคนล้วนรู้สึกว่าที่นี่ไม่เลว งั้นก็เอาตามนี้”

 

โม่ซวนซุนหัวเราะนิดหน่อย “ข้าและครู อาจารย์ อาจารย์หญิงจะตั้งวิชาสะกดที่นี่ให้หมด ส่วนจะแบ่งหุบเขานี้ยังไง เสี่ยวเสี่ยว ปล่อยให้เจ้าและท่านย่าจัดการแล้วกัน”

 

“ได้” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้า

 

ตาแก่ซอมซ่อกลับบอกกับโม่ซวนซุนว่า “ซุนเอ๋อน้อย แค่พวกเรา 4 คนจะตั้งวิชาสะกดให้หมดภายใน 2-3 วันนี้คงไม่ไหว วิชาสะกดของเหล่าผู้อาวุโสของเราที่ชิงยางไม่เลว หรือให้ครูเรียกพวกเขามาตั้งวิชาสะกดด้วยกันกับเราเลยดีมั้ย”

 

“ก็ดี”โม่ซวนซุนคิดไปคิดมา ไม่ได้ปฏิเสธ จะสร้างวิชาสะกดขั้นสูงไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะวิชาสะกดขั้นที่สูงมากๆ เวลาที่ต้องใช้ก็ยิ่งนาน ถึงแม้ว่าด้วยวิทยายุทธของเขาจะสร้างวิชาสะกดขั้นสูงจะง่ายและไวกว่า แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะตั้งเสร็จได้ใน 2-3 วัน”

 

ถ้ามีคนมาช่วยเยอะกว่านี้ก็จะง่ายขึ้นเยอะ

 

ภายใต้การเรียกของตาแก่ซอมซ่อ เมื่อเหล่าผู้อาวุโสที่รอบทลงโทษอยู่ในชิงยางได้ยินคำเรียกก็ไม่กล้ารอช้า รีบปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางหุบเขาแถบนี้ทันที

 

เมื่อรู้ว่าให้ช่วยตั้งวิชาสะกด พวกเขาล้วนตอบรับเต็มคำ ยิ่งเคารพนายน้อยอย่างโม่ซวนซุนเข้าไปใหญ่ แม้แต่กับเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็แสดงท่าทีเอาอกเอาใจ

 

ผู้คนที่ตามมาอยู่ช่วยงานที่นี่ทั้งหมด เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ไม่ได้เกรงใจ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครนางก็สั่งหมด แต่ละคนล้วนมีหน้าที่

 

นางปล่อยเผ่าอสูรออกมาอีกหลายแสนตัว เหล่าผู้อาวุโสตระกูลฟางที่เพิ่งเคยเห็นสัตว์อมตะมากขนาดนี้พากันทึ่งใหญ่ จากนั้นเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ให้พวกเขาสอนเผ่าอสูรว่าจะสร้างบันไดในขุนเขานี้ยังไง

 

ส่วนหยูเฮงน้อยสร้างปราสาท บ้าน และตึกที่สามารถตั้งอยู่ที่นี่ได้ในมิติ สำหรับเจ้าตัวเล็กแล้วเรื่องแบบนี้ง่ายยิ่งกว่ากินข้าวซะอีก

———————————–