TQF:บทที่ 736 อวสาน (5)

ภายใต้การชี้แนะของท่านย่าฟางซูหยุนและท่าปู่เล็กฟางหมิงเห้อ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวสร้างปราสาทและตึกรางขึ้นมากมายตามหุบเขา วิธีการแบบนี้ยอมรับได้ง่ายสำหรับฟางซูหยุนที่รู้เรื่องอยู่แล้ว กลับเป็นฟางหมิงเห้อที่ตะลึงแทบบ้ากับฝีมือดั่งเทพเซียนของนาง

 

แต่ไม่นานนักเขาก็ยอมรับได้ เพราะเห็นเรื่องเหลือเชื่อจากเฉิงเสี่ยวเสี่ยวมามากแล้ว

 

ทุกคนวุ่นกันหมด ในพื้นที่ป่าโบราณกลางหุบเขาลึก ที่ซึ่งรกร้างไร้ผู้คนนี้เริ่มมีแดนสวรรค์ปรากฏ

 

เป็นเวลา 3 วันเต็มที่ทุกคนไม่หลับไม่นอน ป่ารกร้างนี้แปลงโฉมไปโดยสิ้นเชิง หมอกฝนคละคลุ้ง หมอกขาวตลบอบอวล ราวกับอยู่ในฝัน ยากจะแยกแยะจริงเท็จ เสมือนแดนสวรรค์ ภายในหุบเขาเขียวชอุ่ม ต้นไม้ยักษ์สูงเสียดฟ้า เถาวัลย์ห้อยลงราวกับอัญมณี น้ำตกไหลหราก หยดน้ำกระเด็นไปโดนซอกหินส่งเสียงไม่หยุด อย่างกับกำลังบรรเลงเพลงสวรรค์อยู่

 

ภายในหุบเขาลึกล้ำ น้ำพุร้อนพวยพุ่งขึ้น ไอร้อนลอยฟุ้งไปทั่ว ลมปราณแห่งชีพจรดินหมุนเวียนไม่หยุด กลายเป็นมังกรยาวผุดขึ้นจากส่วนลึกใต้ดินเสมือนมังกรดินพลิกตัว พลังวิญญาณท่วมท้นออกมาไม่หยุด ยอดเขาสูงเฉียดตะวันแดง น้ำธารใสไหลลงสู่ที่ต่ำ ควันหอมลอยอยู่บางๆ หมอกหลากสีอบอวลไปทั่วฟ้า

 

หยูเฮงน้อยนำเอายาวิเศษ สมุนไพรวิเศษ ยาเซียน และผลไม้วิเศษต่างๆกระจายๆปลูกอยู่ในขุนเขาแห่งนี้ ฝีมือของนางทำให้เหล่าปีศาจเฒ่าตกตะลึงอีกครั้ง

 

ต่อให้เป็นฟางซูหยุนและสามีภรรยาโม่อู๋เซอก็ยังอุทานกับความมือเติบของนาง เชื่อว่าถ้ำล้ำค่าที่เปรียบดั่งแดนสวรรค์แห่งนี้ต้องทำให้ทุกคนอิจฉาตาร้อนแน่ๆ

 

หยูเฮงน้อยยังไม่สะใจ เรียกเอาธารพลังชีวิตที่เพิ่งเกิดขึ้นในมิติออกมา เกิดเป็นฝนเซียนตกลงมาภายใต้การชี้นิ้วสั่งของนาง ทำให้ใต้หล้านี้เกิดความผิดปกติขึ้นทันที

 

แดนสวรรค์ที่มีแสงหลากสีปกคลุม ต้นไม้ยักษ์ขึ้นสูงยันนภา และต้นไม้เขียวขจีสะท้อนแสง ท่ามกลางป่าไม้มีต้นหญ้าวิเศษ ยาเซียนหลิงจือ ต้นหลิวเขียวชอุ่ม ไม้ไผ่บริสุทธิ์ ดอกไม้นานาชนิด ผลไม้วิเศษนานาพันธุ์ ที่เปล่งปลั่งอยู่ทั่ว ราวกับแสงบุญเฉิดฉายลงมายังผืนดืนนี้ให้เกิดเป็นถ้ำวิเศษอันล้ำค่า

 

“ว้าว ข้ายังไม่อยากจากที่นี่ไปไหนเลย”

 

ฟางหมิงเห้อหลงใหลกับสถานที่นี้โดยสมบูรณ์และบอกกับเฉิงเสี่ยวเสี่ยว “ยัยหนูเสี่ยวเสี่ยว เดี๋ยวข้าเป็นผู้อาวุโสของสมาคมเจ้าให้ ข้าจะอยู่ที่นี่ สวยสุดยอดไปเลย แล้วยังมีผลไม้วิเศษด้วย ถ้าเด็ดมากินทุกวันต้องอายุยืนยาวแน่”

 

“พรืดด….”

 

หยูเฮงน้อยหลุดขำ กล่าวกับฟางหมิงเห้ออย่างมีความสุข “ท่านปู่เล็ก ท่านอยากกินผลไม้ง่ายจะตาย อยากกินตอนไหนก็กิน ทำไมต้องเป็นผู้อาวุโสของที่นี่ด้วย ท่านไม่เอาตระกูลฟางแล้วเหรอ ท่านจะกลับไปเป็นเจ้าบ้านไม่ใช่รึไง”

 

“ไม่เป็นแล้วๆ เจ้าบ้านไม่เห็นจะน่าเป็นตรงไหน ข้าชอบที่นี่ ให้ไอหนูเส้าจิ่งไปเป็นเจ้าบ้านอะไรนั่นเถอะ ข้าจะอยู่กินผลไม้ที่นี่” บ้านตระกูลฟางจะมีอะไรดี ถึงยังไงก็เทียบกับแดนสวรรค์ตรงหน้านี่ไม่ได้หรอก ฟางหมิงเห้อรีบเลือกหนทางที่ดีที่สุด

 

ทุกคนต่างหัวเราะให้กับฟางหมิงเห้อ เหล่าผู้อาวุโสตระกูลฟางแต่ละคนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี อย่าว่าแต่ฟางหมิงเห้อเลย ที่จริงคนที่อยู่ตรงนี้มีคนไหนบ้างที่ไม่อยากอยู่ที่นี่ เพียงแต่พวกเขารู้ว่าไม่มีสิทธิ์ และเขาก็คงไม่เอาตัวเองด้วย

 

มีแค่ฟางหมิงเห้อ ฐานะของเขาแตกต่างออกไป เขาสามารถเรียกร้องได้โดยไม่ต้องคิดมาก ผู้คนต่างมองเขาอย่างอิจฉา

 

ฟางซูหยุนมองน้องชายที่เปลี่ยนไปมากในช่วง 2 วันนี้ ราวกับได้เห็นน้องชายผู้ซุกซนในตอนนั้นอีกครั้ง อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “หมิงเห้อ เจ้าชอบที่นี่จริงๆเหรอ”

 

“ใช่ ชอบ ข้าจะใช้ชีวิตที่นี่ ไม่กลับบ้านตระกูลฟางแล้ว” ฟางหมิงเห้อมีความทรงจำที่ไม่ค่อยจะดีที่บ้านตระกูลฟาง เขาไม่ชอบอยู่ที่นั่นจริงๆ จึงตัดสินใจจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่

 

กับคำขอของฟางหมิงเห้อแล้วเฉิงเสี่ยวเสี่ยวย่อมตกลง “ท่านปู่เล็ก ท่านจะอยู่ที่นี่ก็ไม่เป็นไร แต่ท่านจะมัวแต่กินผลไม้ไม่ได้นะ ต้องคอยดูแลเหล่าผู้อาวุโสและเหล่าลูกศิษย์ด้วย ถ้าท่านจะกินแค่ผลไม้แต่ไม่ทำงานละก็ ท่านกลับไปกินที่บ้านตระกูลฟางเถอะ”

 

“คิคิ….”

 

หยูเฮงน้อยหัวเราะอย่างมีความสุข เขาหยิบผลไม้ออกมากิน กินไปพลางก็พูดไป “ท่านปู่เล็กนี่เก่งจริงๆ รู้ว่าผลไม้ของเราอร่อย เลยอยากได้”

 

“หยูเฮงน้อย ให้ข้าลูกนึง”

 

ฟางหมิงเห้อไม่ได้ไปเด็ดแต่ขอกับหยูเฮงน้อยโดยตรงเลย เมื่อได้รับผลไม้ที่เจ้าตัวเล็กโยนมาเขาก็เริ่มกิน “พวกเจ้ารีบกลับชิงยางไปเถอะ วันนี้เป็นวันสอบวัดระดับนี่ ข้าจะเฝ้าประตูรอพวกเจ้ากลับมาที่นี่”

 

“ชิ ท่านปู่เล็ก ท่านหาเรื่องแอบขี้เกียจเถอะ ที่นี่น่ะเหรอต้องการให้ท่านเฝ้าประตู”

 

หยูเฮงน้อยเหลือกตามองบนไม่สนอีกฝ่ายอีก ซึ่งก็จริง ไม่ต้องพูดถึงวิชาสะกดทั้งเล็กทั้งใหญ่นับหลายร้อยวิชาที่คนธรรมดาไม่มีทางบุกเข้ามาได้ แล้วยังมีเผ่าอสูรนับแสนที่คอยเฝ้าขุนเขาแถบนี้อยู่ ไม่จำเป็นต้องใครมาเฝ้าประตูเลย

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวคลี่ยิ้มนิดๆและตบบ่าหยูเฮงน้อยและสั่งขึ้น “หยูเฮงน้อย เจ้ายอมเหนื่อยไปลานกว้างชิงยางหน่อย ไปรับนักสกัดยาที่มีพรสวรรค์พวกนั้นเข้ามา”

 

“ไม่มีปัญหา” หยูเฮงน้อยโยนเม็ดในมือทิ้ง ตบมือเล็กๆเบาๆและบอกกับทุกคน “ใครจะไปกับข้าเตรียมออกเดินทางได้”

 

เมื่อหยูเฮงน้อยไปก็มีคนไม่น้อยออกตามไปด้วย พวกเขาล้วนเป็นปีศาจเฒ่า ต้องไปช่วยหยูเฮงน้อยสร้างสถานการณ์ให้ฮึกเหิมหน่อย

 

ไม่นานก็เหลือเพียงโม่ซวนซุน เฉิงเสี่ยวเสี่ยว และฟางหมิงเห้อ 3 คนที่ยังอยู่ที่นี่

 

ฟางหมิงเห้อมีสีหน้าขอบคุณเมื่อมองไปยังคู่นี้ “เสี่ยวเสี่ยว ซวนซุน ขอบคุณพวกเจ้านะ ถ้าไม่มีพวกเจ้า ครอบครัวพวกเราคง….”

 

เมื่อหวนนึกไปถึงวันเวลาในอดีตสีหน้าของฟางหมิงเห้อหนักใจมาก เรียกได้ว่าทุกอย่างของตระกูลฟางที่ครอบครัวเขามีในวันนี้ล้วนได้รับการคุ้มครองจากเฉิงเสี่ยวเสี่ยว และยังเลื่อนฐานะของตระกูลฟางท่ามกลางอิทธิพลใหญ่ในชิงยางขึ้นในระดับอันเหลือเชื่อ

 

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดจากการมาของพวกนาง

 

“ท่านปู่เล็ก พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน จะเกรงใจไปทำไม” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวคลี่ยิ้ม รู้ว่าเขาคิดอะไรในใจ

 

โม่ซวนซุนพยักหน้านิดหน่อย “เสี่ยวเสี่ยวพูดถูก ท่านปู่เล็ก คนครอบครัวเดียวกันอย่าพูดเหมือนเป็นคนนอกเลย ไม่ต้องเกรงใจหรอก”

 

“ไม่ว่ายังไงครอบครัวเราก็ต้องขอบคุณพวกเจ้า 2 คน” ฟางหมิงเห้อกล่าวอย่างจริงจัง

 

“ท่านปู่เล็ก ถ้าท่านพูดแบบนี้อีกข้าจะไม่พอใจแล้วนะ” เป็นครั้งแรกที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวออกอ้อนผู้ใหญ่

 

“ฮ่าๆๆ ได้ๆ ข้าไม่พูด ข้าไม่พูดแล้ว”

 

ฟางหมิงเห้อหัวเราะอย่างมีความสุข เมื่อเห็นทั้ง 2 ไม่มีทีท่าจะไปไหนก็เอ่ยขึ้นอีก “ถ้าพวกเจ้ายังอยู่นี่ก่อนไม่ไปไหน งั้นข้าไปพาคนๆนึงจากบ้านตระกูลฟางมาก่อน พวกเจ้าเล่นที่นี่ไปกันก่อนนะ”

 

พูดจบร่างของฟางหมิงเห้อก็หายไปในพริบตา

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองออกไปยังพื้นที่ของตัวเองและถอนหายใจเศร้าๆ “เจ้าหยูเฮงน้อยนี่ ทำจนที่นี่แทบจะดีกว่าในมิติอยู่แล้ว ไม่กลัวคนอื่นอยากได้รึไง”

 

“กลัวทำไม”

 

โม่ซวนซุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ของพวกนี้สกัดได้ทั้งนั้น หยูเฮงน้อยเอาของพวกนี้มาไว้ที่นี่ ลูกศิษย์พวกนั้นที่เข้ามาจะได้ยิ่งชอบที่นี่ อีกอย่างของๆพวกเราใครจะกล้าอยากได้ หาเรื่องตายรึไง”

 

“เจ้านี่นะ เหมือนหยูเฮงน้อยขึ้นเรื่อยๆเลย ไร้สาระ”

 

“ไร้สาระอะไร ข้าพูดเรื่องจริงทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครข้าก็กล้ากำจัดให้หมด”

 

“เจ้านี่นะ…”

————————————————–