เสริมความงาม

 

งานเปิดตัวสินค้าของบริษัทชิไลเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่ว ตอนนี้คนของบริษัทแทบจะกู่ร้องออกมาด้วยความเครียดสุดกู่

พวกเขาเองนั้นยังจับต้นชนปลายไม่ถูกรู้เพียงแต่ว่าเมื่อวิดีโอและภาพถ่ายในงานถูกออกไปล่ะก็จะถูกโจมตีอย่างหนักอย่างแน่นอน

พวกเขาพยายามจะเคลียทุกอย่างพยายามอธิบายสาเหตุออกไป

แต่แขกในงานรวมถึงนักข่าวไม่ใช่คนโง่ที่จะเชื่อทุกอย่างที่พูดเพราะหลักฐานต่างๆปรากฏแก่สายตาพวกเขา พวกเขายังเรียกร้องให้หญิงสาวคนนั้นออกมาอธิบายด้วยตัวเองด้วยซ้ำ

สถานการณ์ในงานตอนนี้ถือได้ว่าโกลาหลอย่างที่สุดแล้ว

 

ซูจิ้ง หวังซือหยา ดงชุ่น และ โจวเสวี่ย ไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่ต่อแล้ว พวกเขาออกไปในทันที ถึงแม้จะยังมีแค่สงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่บ้าง

โดยซูจิ้งเองก็ได้อธิบายไว้เพียงว่า “ผมใช้เทคนิคแต่งหน้าแบบเดียวกับที่ทำให้เซียวหลูน่ะ ตอนนั้นผมมาถึงผมแอบไปห้องน้ำแล้วใส่ยาบางอย่างลงในถังเก็บน้ำของที่นี่”

ความจริงแล้วซูจิ้งไม่เคยทำแบบนั้นเลยซักนิด เขายังไม่ได้แอบไปห้องน้ำซะด้วยซ้ำไป

เขานั้นได้สั่งให้แมลงที่เขาเลี้ยงไว้นำยาที่พวกนั้นแอบใส่ไว้ในแป้งเม่ยหยานขวดนั้นใส่ไปในเครื่องสำอางของชิไลเหมือนกับที่พวกนั้นทำก็แค่นั้นเอง

 

แต่ที่แตกต่างกันก็คือเขานั้นได้สะกดจิตให้นางแบบของชิไลกลายเป็นพวกหวาดวิตกขนาดหนักชั่วคราว เมื่อใดก็ตามที่เธอเห็นใบหน้าตัวเองเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เมื่อตัวเธอเชื่อไปว่ามันหน้าเกลียดมาก ใบหน้าของเธอก็แค่เปลี่ยนไปตามที่เธอเชื่อ

 

“ที่นายทำน่ะเธอจะกลับมาเป็นปกติใช่รึเปล่า” หวังซือหยา ดงชุ่น และ โจวเสวี่ย ต่างก็สงสับแบบเดียวกัน

พวกเธอนั้นไม่ใช่พวกใจไม้ไส้ระกำ ต่อให้เป็นพวกเธอที่โดนกระทำก่อนแต่ก็ยังรู้สึกใจอ่อนกับเรื่องที่อ่อนไหวต่อผู้หญิงมากอยู่ดี เพราะพวกเธอเข้าใจลูกผู้หญิงด้วยกันว่าใบหน้านั้นสำคัญเพียงใด

 

“อย่างกังวลไปเลย เธอจะกลับมาเหมือนเดิมโดยที่ไม่เป็นอันตรายใดๆอย่างแน่นอน”

ซูจิ้งพูดด้วยรอยยิ้มพลางคิดไปว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ยานั้นหมดฤทธิ์ลงแล้ว

เธอจะหายเป็นปกติแทบยังไม่เหลือร่องรอยใดๆไว้บนร่างกาย แต่เรื่องแผลใจนี่ก็อีกเรื่องนึง

ซูจิ้งทำได้แค่เสียใจกับเธอในเรื่องนี้อย่างเดียวเท่านั้น

 

“งั้นก็ดีแล้ว หึหึ ถ้าคนของชิไลรู้ว่านายเป็นคนทำลายแผนการของพวกเขาแถมยังมาป่วนงานเปิดตัวอีกหล่ะก็ เชื่อได้เลยว่าต้องเกลียดนายเข้ากระดูกดำแหงๆ

พวกนั้นก็ช่างโชคร้ายจริงๆ คิดว่าตัวเองเป็นแมวกะจับหนู ดันเจอหนูตัวใหญ่เท่าเสือซะได้

ในเมื่อทุกอย่างจบแล้วก็กลับกันเถอะ” หวังซือหยาพูดด้วยรอยยิ้ม ซูจิ้งเองก็ได้ตามซือหยากลับไปยังสำนักงานและตรงเข้าไปที่ชั้นสอง

แต่เมื่อเห็นเซียวหลูกำลังรอเขาอยู่ ข้างๆเธอคือหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูค่อนข้างหน้าเกลียด ดูจากเสิ้อผ้าของเธอแล้วก็พอจะเดาได้ว่าเธอเองก็เป็นพนักงานของซือหยา

“พี่ซือหยา คุณซู..” เซียวหลูได้รีบเดินมาหาซูจิ้งในทันที พร้อมทั้งมีผู้หญิงคนนั้นเดินตามมาติดๆ

“เซียวหลู ทำไมเธอยังอยู่อีกหล่ะ ยังมีอะไรต้องทำอีกหรอ”  ซือหยาถามด้วยความสงสัยเพราะในเมื่องานเสร็จแล้วเธอก็ไม่น่ามีอะไรต้องทำอีก

“เรื่องนั้น… คนๆนี้คือพี่สาวที่แสนดีของฉัน เธอชื่อว่าหลี่ฮวน เธอนั้นอิจฉาฉันที่ได้รับโอกาสสำคัญในชีวิต

เธอนั้นกำลังจะมีนัดบอดกับหนุ่มคนหนึ่ง แต่เธอไม่มั่นใจตัวเองเลย…”

เซียวหลูเองก็รู้ว่าสิ่งที่เธอจะขอต่อไปนี้ค่อนข้างจะสร้างความลำบากให้ซูจิ้งอย่างไร้เหตุผล

เธอเลยอึกอักเล็กน้อยก่อนที่จะตัดสินใจพูดออกมา

“อาจิ้งไม่ใช่นักแต่งหน้ามืออาชีพนะเธอก็รู้ อีกอย่างที่เขาช่วยเธอในงานก็เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น

และที่สำคัญการแต่งหน้าเพื่อจะได้ออกเดทได้อย่างมีความมั่นใจมันก็เป็นเรื่องที่ดี

แต่หลังจากนั้นหล่ะ ความมั่นใจตัวเองมันมีผลมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอกนะรู้ไหม”

ซือหยาพูดออกมาซึ่งเซียวหลูก็รับรู้เรื่องพวกนี้อยู่ก่อนแล้ว

แต่เธอเองก็อยากจะลองขอร้องดูซักครั้ง

หลี่ฮวนที่อยู่ข้างๆเธอในตอนนี้ทำได้แต่ก้มหน้าก้มตารับฟังพร้อมน้ำตาคลอเบ้าแต่โดยดี

 

“แปบนึงนะ” ซูจิ้งได้พูดออกมาขัดจังหวะ

เขานั้นมองไปที่หลี่ฮวนเหมือนจะคิดอะไรอยู่ซักพักก่อนจะพูดออกมาว่า

“ฉันลองคิดดูแล้วนะกลัวว่าแค่การแต่งหน้านั้นมันมีผลน้อยเกินไป และสมมติว่าการออกเดทเป็นไปด้วยดีแต่หลังจากนั้นฉันบอกได้เลยว่าฉันไม่มีเวลาว่างที่จะแต่งหน้าให้เธอทุกวันหรอก ทำไมเธอไม่คิดที่จะลองเป็นคนที่สวยขึ้นมาจริงๆดูบ้างหล่ะ” หลี่ฮวนได้ยินถึงกับนิ่งพูดอะไรไม่ออก

เธอนั้นไม่เข้าใจว่าซูจิ้งพยายามจะสื่อถึงอะไร แม้แต่หวังซือหยา ดงชุ่น โฉวเสวี่ย และเซียวหลูเองก็ได้แต่ทำหน้างงเหมือนกัน

กลายเป็นคนที่สวยจริงๆ หมายความว่ายังไงกัน หรือซูจิ้งจะสื่อว่าให้เธอไปทำศัลยกรรมใบหน้า

“ฉันค่อนข้างจะมีความรู้เรื่องแพทย์แผนจีนโบราณอยู่บ้าง แน่นอนว่าฉันนั้นสามารถปรับเปลี่ยนใบหน้าคนให้สวยขึ้นด้วยด้วยการแพทย์แขนงนี้

ถึงแม้มันจะฟังดูไม่น่าเชื่อถือก็ตาม เธออยากจะลองหน่อยรึเปล่าหล่ะ” ซูจิ้งถามด้วยใบหน้าจริงจัง

“อาจิ้ง นายพูดจริงหรือแค่หยอกเล่นเนี่ย” ซือหยาพูดพร้อมกับประหลาดใจเมื่อได้ยิน

“ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะว่าแพทย์แผนจีนโบราณจะศัลยกรรมเสริมความงามได้น่ะ” แม้แต่ดงชุ่นเองก็ยากที่จะเชื่อเมื่อได้ยิน

“ไม่ๆ มันไม่ใช่การศัลยกรรมพลาสติกอย่างแน่นอนอยู่แล้ว

พูดถึงเรื่องใบหน้าคนน่ะนะ ตำราแพทย์ที่ฉันศึกษาบอกไว้ว่าปกติแล้วการทำให้ใบหน้าของคนสวยขึ้นได้

โครงหน้าควรที่จะเรียว ขมับนูนเล็กน้อย บริเวณด้านข้างของใบหน้าควรจะดูแหลมคม

แต่ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของจิตวิญญาณ คนๆนั้นต้องมีจิตวิญญาณที่หนักแน่นในการที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองและเชื่อมั่นในแพทย์แขนงนี้

นี่ถึงจะทำให้การใช้แพทย์แผนจีนโบราณในการศัลยกรรมได้ผล แน่นอนว่าฉันก็ไม่รับประกันว่ามันจะได้ผลจริงๆ เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับคุณหลี่เองแล้วหล่ะว่าอยากจะลองดูรึเปล่า

“ฉันยินดีลองค่ะ” ถึงแม้หลี่ฮวนนั้นจะไม่เคยได้ยินว่าแพทย์แผนจีนโบราณจะศัลยกรรมความงามได้แต่เธอนั้นก็ทำงานอยู่ในร้านเสื้อผ้าของซือหยา และได้เห็นเรื่องมหัศจรรย์ต่างๆนาๆที่ซูจิ้งได้ทำให้เกิดขึ้น

อย่างการที่ผู้หญิงอ้วนคนหนึ่งได้ลองชุดชั้นในกระชับสัดส่วนจนหุ่นดีมากๆ ไม่สิต้องบอกว่าเซ็กซี่เลยก็ว่าได้

เธอนั้นเชื่อว่าวิธีการของซูจิ้งนั้นไม่ว่าจะเป็นอะไรแต่ที่แน่ๆคุ้มค่ากับการลองดูอย่างแน่นอน

 

“ดี เธอไม่ต้องกังวลเรื่องนี้มากนักหรอกนะ มันไม่เจ็บหรอก” ซูจิ้งพูดให้หลี่ฮวนผ่อนคลายความกังวลใจพลางหันไปยังซือหยาแล้วบอกไปว่า “พี่ซือหยา ฉันขอใช้ห้องแต่งตัวนี้สักพักนะ ฉันจะใช้แพทย์แผนจีนในการเสริมความงามให้เธอ”

 

หวังซือหยาเองก็ยังไม่เชื่อซูจิ้งในเรื่องนี้ แต่เมื่อเธอลองนึกถึงความสามารถในการแต่งหน้าขั้นเทพนั่น

ยังไงซะมันก็ยังเป็นแค่การแต่งหน้าที่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา และการใช้แป้งแต่งหน้าแบบพิเศษ

ขนาดเซียวหลูเองก้ยังไม่หายดีเลย

แล้วการจะเปลี่ยนคนๆหนึ่งแบบถาวรด้วยการแพทย์แผนจีนโบราณกับการนวดเนี่ยนะ เป็นไปได้ด้วยหรอ

 

หวังซือหยาเองก็อยากจะคัดค้านอยู่เหมือนกันแต่ในเมื่อหลี่ฮวนเองอยากจะลองดูเธอก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธที่จะขัดขวางไม่ให้ซูจิ้งใช้ห้องแต่งตัวนี้เลย

ความจริงเธอก็รู้ว่าหลี่ฮวนนั้นต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองขนาดไหน เธอกังวลจนทำให้ร่างกายเธอแย่ไปเลย ถึงแม้จะเล็กน้อยแต่มันก็ไม่ดีต่อหลี่ฮวนอยู่ดี ถ้าทำได้จริงมันจะดีต่อหลี่ฮวนมากๆ

 

ซูจิ้งไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมเพียงแต่พาตัวหลี่ฮวนเข้าไปในห้องแต่งตัวกันแค่สองคน โดยที่ หวังซือหยา ดงชุ่น โจวเสวี่ย และเซียวหลูรออยู่ข้างนอกห้อง หวังซือหยาก็ได้พูดออกมาว่า “เซียวหลูฉันไม่อยากจะถามเธอเท่าไหร่หรอกนะแต่อาจิ้งแต่งหน้าให้เธอได้ยังไงน่ะ”

 

“เขาแค่นวดฉันนะ แล้วเขาก็ใช้ผงยาบางอย่างบนใบหน้า แถมยังให้ฉันกินยาบางอย่างเข้าไปด้วย” เซียวหลูพูดตามความจริงเท่าที่เธอรับรู้ได้ เธอเองก็รู้ว่าซือหยาและซูจิ้งมีความสนิทสนมกันดีจึงไม่จำเป็นที่เธอต้องปิดบัง

 

“จะบอกว่าแค่ใช้ผงยาและการนวดด้วยมือเนี่ยอ่ะนะ ไม่มีแปรง ที่ดัดขนตา หรืออุปกรณ์อย่างอื่นเลย” ดงชุ่นแปลกใจออกมาอย่างเห็นได้ขัด

 

“ฉันคิดว่าอย่างนั้นนะ” ความจริงแม้แต่เธอเองก็อยากที่จะยอมรับเรื่องนี้เหมือนกัน

ก่อนเหตุการณ์ในวันนี้ เธอไม่เคยเชื่อในความอัศจรรย์พันลึกของซูจิ้งตามที่เธอเคยได้ยินข่าวลือมาเลยแม้แต่น้อย

แต่เมื่อเจอได้สัมผัสเรื่องอัศจรรย์เหล่านั้นด้วยตัวเอง เธอเชื่อมั่นในซูจิ้งอย่างหมดหัวใจไปแล้ว

จะไม่เชื่อได้ยังไงก็ในเมื่อรูปถ่ายตัวเธอที่สวยที่สุดในชีวิตเธอเองก็ยังถ่ายเก็บไว้ แถมวิดีโอวันงานก็ยังปล่อยกันให้ว่อนในอินเตอร์เน็ต

แถมยังมีการเป็นหัวข้อข่าวอีก รูปถ่ายของเธอกลายเป็นที่โปรดปรานของเหล่าแฟนคลับของเธอทำให้เธอมีชื่อเสียงพุ่งขึ้นไปอีก

นี่เป็นครั้งแรกสำหรับเธอเลยที่เธอร่วมงานเปิดตัวแล้วได้รับคำชมอย่างไม่ว่างเว้น

พอนึกตอนที่ผลจากการแต่งหน้าหายไป แต่ร่องรอยจุดแดงเหล่านั้นเองก็หายไปแทบจะทั้งหมด

ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะซูจิ้งแน่นอน และเธอก็รู้ว่าซูจิ้งไม่ทำเพียงแค่การแต่งหน้า แต่ยังช่วยรักษาแผลเป็นบนใบหน้าให้เธอด้วย ช่างเป็นชายขั้นเทพซะจริงๆ

 

“งั้นก็เป็นเรื่องจริงที่อาจิ้งสามารถใช้การแพทย์แผนจีนโบราณในการเสริมความงามสินะ” หวังซือหยาทำได้แค่พูดออกมาได้แค่ประโยคนี้ประโยคเดียวเท่านั้น

 

“มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไม่ได้ซะทีเดียวนะ แน่นอนอยู่แล้วว่าการเสริมความงามกับการแต่งหน้ามันแตกต่างกัน

แต่เธอก็เห็นหน้าของเซียวหลูแล้วนี่ เขาไม่ใช่แค่แต่งหน้าได้ขั้นเทพ แต่เขายังเสริมความงามได้อย่างน่าเหลือเชื่อเลยนะ” ดงชุ่นเองถึงไม่อยากเชื่อแต่ก็ต้องจำใจเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น