ตอนที่ 28 วัฏจักรหกสิบปีแห่งการรอคอยอย่างเดียวดายบนภูเขา โดย Ink Stone_Fantasy
“ในเมื่อข้ากล้าพูดอย่างสัตย์จริง งั้นท่านจะยกสุนัขภูตที่อยู่ตรงเท้าให้ข้าได้หรือเปล่า”
ทันทีที่หวังลู่บอกความต้องการไปอย่างระมัดระวัง สีหน้าของเทพธิดาก็ดูแข็งทื่อขึ้นมาชั่วพริบตาหนึ่ง
ทว่าอึดใจถัดมา เงาสีเทาก็ทะลึ่งขึ้นมาจากทะเลสาบ ทำลายความเงียบสงบของมันไปจนสิ้น
“โฮ่ง!”
หวังลู่เห็นฮวาฮวาสุนัขของเขากระโจนเข้าใส่สุนัขภูตที่อยู่ที่เท้าของเทพธิดาอย่างตื่นเต้น ทว่าสุนัขภูตตัวนั้นกลับเบือนหน้าไปด้านข้างด้วยความรังเกียจและเบี่ยงตัวจากฮวาฮวา เจ้าสุนัขหน้าโง่จึงตกลงไปในทะเลสาบอีกครั้ง
หวังลู่ปรายตามองสัตว์เลี้ยงของเขาอย่างโกรธๆ “มานี่เร็ว!”
แม้จะไม่เต็มใจ แต่อย่างไรเสียฮวาฮวาก็มีสัญญาความเป็นสัตว์เลี้ยงอยู่กับหวังลู่ ดังนั้นจึงไม่อาจไม่เชื่อฟังคำสั่งของอีกฝ่ายได้ หลังจากที่ว่ายขึ้นมาบนฝั่ง มันต้องก้าวอีกหลายก้าวเพื่อมาหาหวังลู่ ทว่ามันกลับไม่อาจอยู่นิ่งๆ ตรงเท้าของอีกฝ่าย และเริ่มพ่นภาษามนุษย์ออกมาอย่างรวดเร็ว
“นี่ นี่ ท่านเห็นไหม ทั้งคู่สวยมากเลย! ข้าแทบพาตัวเองกลับมาไม่ได้!”
“…”
เจ้าสุนัขฮวาฮวาแสดงใบหน้าชั่วร้ายผิดธรรมดา “เทพธิดานั่นของท่าน ส่วนอีกตัวของข้า ท่านคิดว่าไง”
หวังลู่ถอนหายใจ “ได้เวลาจับเจ้าตอนแล้วมั้ง”
“โบร๋ว!?” ตัวของฮวาฮวาสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว
เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างมนุษย์กับสุนัข เทพธิดาที่อยู่กลางทะเลสาบก็ขำออกมาและกล่าวเสียงเบา “ข้ารอเจ้ามานานแล้ว”
หวังลู่ตกใจ “รอพวกเรามาตั้งนานแล้ว? ไม่พูดเกินไปหน่อยหรือ ขอทราบได้ไหมว่าข้าคุยกับใครอยู่”
เทพธิดากล่าว “ข้าคือ…เขาอวิ๋นไท่”
หวังลู่พูด “…ท่านคือเทพธิดาแห่งภูเขา?”
“ข้าไม่อาจอ้างตนว่าเป็นเทพธิดาได้ ข้าเป็นแค่วิญญาณไร้ชื่อที่ถือกำเนิดจากเขาอวิ๋นไท่ ข้าก็เลยเอาชื่ออวิ๋นไท่มาใช้เสียเลย”
หวังลู่ถามอย่างสงสัย “หากท่านเป็นวิญญาณภูเขา แล้วสุนัขที่อยู่ตรงเท้าท่านคือใคร”
เทพธิดาอวิ๋นไท่กล่าว “ก็เป้าหมายที่เจ้าตามหา สัตว์เซียนภูตจันทรายังไงล่ะ”
หวังลู่อดย่นคิ้วไม่ได้ “พวกเขาบอกว่าชื่อของมันคือสัตว์เซียนภูตจันทรา เพราะนางเปลี่ยนร่างมาจากแสงจันทร์ แต่สุดท้ายแล้วมันก็คือวิญญาณภูเขาที่กำเนิดจากเขาอวิ๋นไท่อยู่ดี อย่าบอกนะว่าเขาอวิ๋นไท่แห่งนี้ให้กำเนิดวิญญาณภูเขาได้ถึงสองตนพร้อมๆ กัน หากเป็นจริง ก็จะถือว่าเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่หาได้ยากยิ่ง คู่ควรกับการจดบันทึกไว้ เมื่อดูจากรูปกายของท่าน ท่านน่าจะมีอายุมากกว่าสัตว์เซียนภูตจันทรา หรือท่านจะเป็นพี่สาวของนาง แต่ท่านดูไม่ได้แข็งแกร่งอะไร อืม ในตำรากล่าวไว้ว่า สิ่งมีชีวิตเก่าแก่ไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่ง เพราะบางตนไม่ได้สนใจเรื่องโลกบำเพ็ญเซียนหรือการเปลี่ยนร่าง ข้าว่าท่านคงเป็นหนึ่งในจำพวกนั้น”
เทพธิดาอวิ๋นไท่ส่ายศีรษะ “ข้าก็แค่ไร้ความสามารถ เขาอวิ๋นไท่เป็นสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์ แต่โชคร้ายที่โอกาสของข้าไม่ดีนัก”
หวังลู่กล่าว “พูดถึงเรื่องนี้ ไหนๆ ตัวตนของท่านก็กระจ่างแล้ว ท่านบอกเราได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ภูตจันทราถือกำเนิดขึ้นคล้ายๆ กับข้าเมื่อหกสิบปีก่อน เมื่อแกนจักรพรรดิปรากฏขึ้นในวันแสงจันทร์เปลี่ยนร่าง นางจึงมีโอกาสเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา หลังจากนั้นตลอดหกสิบปี ข้าก็คอยปกป้องนางอยู่ทุกวัน ส่วนนางก็คอยซึมซับแกนแสงจันทร์จนมาถึงตอนนี้” เทพธิดาลูบหัวของสุนัขภูตอย่างเบามือ และมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก “หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี อีกสามวัน ในวันที่สิบห้าเดือนเจ็ด ภูตจันทราก็จะเปลี่ยนร่างอย่างสมบูรณ์ แต่ก็อย่างที่เจ้าเห็นว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญมาอยู่บนเขาอวิ๋นไท่แห่งนี้… ดังนั้นข้าจึงต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”
หวังลู่ถาม “ท่านคือวิญญาณประจำภูเขาแห่งนี้ และเขาอวิ๋นไท่ก็เป็นสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์ มากมีด้วยพลังวิญญาณฟ้าดิน วิญญาณภูเขาที่สามารถเปลี่ยนร่างได้อย่างท่านย่อมสามารถรวบรวมพลังปราณฟ้าดินในรัศมีหนึ่งพันลี้รอบเขาอวิ๋นไท่ได้ ดังนั้นแม้ท่านไม่อาจสู้กับสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ได้ซึ่งๆ หน้า แต่ก็ไม่ยากที่จะทำให้สิ่งที่น้องสาวท่านต้องเผชิญเป็นไปอย่างราบรื่น อย่างเช่น ให้นางได้ซึมซับแกนแสงจันทร์ที่ทะเลสาบมรกตนี้และเปลี่ยนร่างอย่างลับๆ แม้พวกนั้นจะหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่พลังของมันสามารถครอบคลุมไปทั่วเขาอวิ๋นไท่ได้สำเร็จ แต่สำหรับท่านซึ่งเป็นวิญญาณภูเขาที่เปลี่ยนร่างเรียบร้อยแล้ว ท่านสามารถปรับเปลี่ยนบางอย่าง อย่างพลังปราณฟ้าดินตามเส้นฮวงจุ้ยเพื่อปกปิดร่องรอยของสัตว์เซียนภูตจันทราได้ แต่ท่านยังต้องการความช่วยเหลือจากเราเนี่ยนะ”
เทพธิดาอวิ๋นไท่ส่ายศีรษะ “เรื่องมันเป็นอย่างที่เจ้าว่าจริงๆ การที่สำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์หลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมานั้นไม่ใช่ปัญหา ลำพังข้าคนเดียวสามารถรับมือได้ แต่ปัญหาก็คือ สามวันจากนี้ ยามที่แกนจักรพรรดิปรากฏขึ้น หากนางไม่ฉวยโอกาสนี้และซึมซับแกนแสงจันทร์ให้มากพอเพื่อที่จะผ่านความยากลำบากในการเปลี่ยนร่างไปได้อย่างราบรื่น เราก็ไม่อาจรอได้อีกหกสิบปี เพราะเวลาหกสิบปีนั้นมากพอที่จะให้สำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ลงหลักปักฐานสร้างความแข็งแกร่งขึ้นที่นี่ และเมื่อถึงตอนนั้นข้าเกรงว่าแม้แต่ข้า…”
หวังลู่ขมวดคิ้ว “ท่านหมายถึง สำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์มีวิธีสร้างผลกระทบต่อแกนจักรพรรดิหรือ ท่านล้อเล่นหนักไปแล้ว มันเป็นการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ ที่แม้แต่ผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นเปลี่ยนวิญญาณยังไม่สามารถทำอะไรได้ นับประสาอะไรกับพวกป่าเถื่อนพวกนั้น”
เทพธิดาอวิ๋นไท่กล่าว “คนพวกนั้นไม่คู่ควรจริงๆ นั่นละ ดังนั้นหนึ่งปีที่ผ่านมาพวกเขาจึงออกรวบรวมสัตว์ภูต เพื่อที่จะใช้งานค่ายกลหมื่นวิญญาณเล็งเป้าหมาย”
หวังลู่ตะลึงงัน “ไม่ใช่ค่ายกลหมื่นสัตว์ร้ายรวมตัวหรือ เดี๋ยวก่อนนะ แม้วิธีจะแตกต่างกันแต่ผลที่ได้จากค่ายกลทั้งสองนี้ต่างเหมือนกัน…”
หวังลู่ค่อยๆ หวนนึกถึงบทเรียนเรื่องค่ายกลที่ร่ำเรียนจากผู้อาวุโสหลายคนของหอเถิงอวิ๋น เขาคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตกตะลึง “เป็นแบบนั้นจริงๆ การสกัดจิตวิญญาณของสุนัขจำนวนนับไม่ถ้วนและการหลอมปลอกคอสัตว์ภูตที่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงสิ่งลวง จุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขาคือการใช้สุนัขภูตจำนวนมหาศาลสังเวยเลือด เพื่อสร้างระเบิดชีวภาพแห่งความขุ่นข้อง พลังลบที่เกิดจากวิญญาณที่โกรธแค้นเหล่านี้จะหยุดยั้งไม่ให้แสงจันทร์มารวมตัวกันที่เขาอวิ๋นไท่ ดังนั้นสัตว์เซียนจันทราจึงไม่อาจซึบซับแกนแสงจันทร์ นางจะเปลี่ยนร่างไม่ได้ รวมถึงออกจากเขาอวิ๋นไท่ไม่ได้ไปอีกหกสิบปี และกลายเป็นลูกไก่ในกำมือของสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์! เป็นแผนที่สุดยอดสุดๆ ไปเลย!”
หลังจากสรุปแผนการที่แท้จริงของสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ได้สำเร็จ หวังลู่ก็อดอุทานอย่างชื่นชมไม่ได้ “พวกป่าเถื่อนเหล่านี้แท้จริงฉลาดไม่เบา”
ในฐานะสมาชิกเก่าของสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ เด็กสาวหูแมวก็พลันนึกขึ้นได้ “นั่นสินะ แผนการที่แท้จริงของพวกเขาเป็นแบบนี้นี่เอง”
หวังลู่มองอีกฝ่ายอย่างสมเพช เจ้าเด็กทึ่มนี่มีตบะถึงขั้นสร้างแกนช่วงปลาย แต่กลับไม่เคยล่วงรู้แผนการที่แท้จริงของสำนักตัวเอง! ดูท่าว่านางจะไม่เคยได้อยู่ในวงตัดสินใจเลย…
“แต่ถึงแม้เราจะรู้แผนการของคนพวกนั้น แล้วจะทำอะไรได้ หากต้องการทำลายค่ายกลหมื่นวิญญาณเล็งเป้าหมาย เราจำเป็นต้องเข้าไปอยู่ในนั้นและทำลายจุดสำคัญของมัน แต่การทำแบบนั้นก็ไม่ต่างจากฆ่าตัวตาย”
คำพูดของหวังลู่นั้นเบากว่าความเป็นจริงไปมาก ก่อนหน้านี้เพื่อที่จะรับมือกับอาเซี่ย เขาเองยังต้องใส่เต็มแรง แต่สำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์สาขาเขาอวิ๋นไท่นั้นมีผู้อาวุโสตบะขั้นสร้างแกนอยู่ถึงสิบคน นี่ยังไม่นับรวมราชาพยัคฆ์ที่อยู่ในขั้นกำเนิดใหม่ด้วยซ้ำ
แค่ขั้นสร้างฐานที่สามารถรับมือกับขั้นสร้างแกนได้ก็ทำเอาทั้งอาณาจักรเก้าแคว้นตกตะลึงแล้ว และหากต้องต่อสู้กับขั้นกำเนิดใหม่? มันออกจะเป็นการแหกทุกกฎที่มีอยู่ในโลกไปสักหน่อย
“ถูกแล้ว พละกำลังของเจ้าในตอนนี้ยังห่างไกลที่จะรับมือกับผู้บำเพ็ญเซียนของสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์มากนัก” เทพธิดาอวิ๋นไท่กล่าวเสียงเบา “เพราะงั้นข้าจะช่วยเจ้าพัฒนาความแข็งแกร่งเอง”
ขณะที่พูด แสงสลัวก็ปรากฏขึ้นที่ทะเลสาบมรกต แสงสีเงินที่พุ่งขึ้นมาจากก้นทะเลสาบเรียกความสนใจของหวังลู่ได้
“สิ่งนี้คืออะไร…”
เทพธิดาอวิ๋นไท่กล่าว “นี่คือแกนแสงจันทร์ที่ข้าสะสมมานับพันปี”
หวังลู่อุทานด้วยความประหลาดใจ “แสงจันทร์พันปี!? ในเมื่อมีเยอะขนาดนี้ ทำไมท่านไม่ยกให้สัตว์เซียนภูตจันทราเล่า”
“สำหรับภูตจันทรา แสงจันทร์ในทะเลสาบก็ไม่ต่างจากของที่หมักเอาไว้ นางเอาไปใช้บำเพ็ญเซียนไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นก็คือ หากไม่มีแกนจักรพรรดินางก็ไม่อาจเปลี่ยนร่างได้ แต่ข้าเชื่อว่าสิ่งนี้จะเป็นของล้ำค่าสำหรับเจ้า”
“อืม ล้ำค่าพอให้สติแตกได้เลยละ” หวังลู่พึมพำ
แสงจันทร์ภายในทะเลสาบถูกน้ำในทะเลสาบปิดกั้นเอาไว้ จึงไม่อาจเห็นความกระจ่างที่แท้จริงของมัน ทว่าเวลาในการกลั่นตัวเป็นพันปีนั้นไม่ใช่น้อยๆ หลังจากสิ้นสุดกลียุคก็ผ่านมาไม่รู้กี่สหัสวรรษแล้ว แม้แสงจันทร์ในทะเลสาบจะไม่สดใหม่พอสำหรับสัตว์เซียนภูตจันทรา แต่สำหรับผู้บำเพ็ญเซียนมนุษย์นั้นพวกเขาไม่เคยเรื่องมาก! ดังนั้นอ่างแสนจันทร์แห่งนี้จึงล้ำค่าอย่างแท้จริง!
เหตุใดแม้แต่สำนักเซิ่งจิงที่เป็นสำนักอันดับหนึ่งจึงกระตุ้นให้ศิษย์ของพวกเขาออกเรียนรู้สั่งสมประสบการณ์ เหตุใดศิษย์ที่บำเพ็ญเซียนภายใต้การดูแลอย่างเคร่งครัดของเหล่าผู้อาวุโสยังต้องลงจากเขามาเพื่อมองหา ‘โอกาสในการเป็นเซียน’ ด้วยเล่า
นั่นเพราะบางสิ่งก็ปรากฏขึ้นภายนอกสำนักเท่านั้น หากศิษย์สำนักเซิ่งจิงยังเก็บตัวอยู่ในเขตแดนของตนเอง พวกเขาย่อมไม่ได้พบแสงจันทร์พันปี โอกาสเช่นนี้เกิดขึ้นที่ภายนอกพื้นที่ของสำนักเท่านั้น
หนึ่งปีมานี้ พวกหน้าโง่ของสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์มัวแต่สนใจสัตว์เซียนภูตจันทรา แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าใต้ทะเลสาบมรกตแห่งนี้มีสมบัติที่ล้ำค่ายิ่งกว่าซุกซ่อนอยู่ ตอนนั้นเอง เด็กสาวหูแมวก็จ้องมองไปที่แสงซึ่งปรากฏขึ้นจากทะเลสาบมรกตด้วยอาการอ้าปากค้าง
“แต่เป็นเรื่องยากมากที่จะพัฒนาขั้นตบะในช่วงเวลาสั้นๆ โดยอาศัยแสงจันทร์เพียงอย่างเดียว แถมแกนแสงจันทร์ก็เป็นสิ่งล้ำค่าในการทำจิตใจให้สงบแต่ไม่ใช่ของดีที่จะช่วยพัฒนาขั้นตบะหรือพลังอิทธิฤทธิ์ เวลาที่เหลือสองสามวันนี้ไม่เพียงพอที่จะให้เราพัฒนาจนถึงขั้นรับมือกับผู้บำเพ็ญเซียนของสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์เพื่อควบคุมสถานการณ์ของเขาอวิ๋นไท่ได้หรอก”
เทพธิดาอวิ๋นไท่กล่าว “เอาเถอะน่า แค่ลงมาในทะเลสาบก็พอ แล้วเจ้าจะรู้เอง”
“แค่ข้าหรือ”
“คนที่ยืนข้างๆ เจ้าด้วยก็ได้” เทพธิดาอวิ๋นไท่ปรายตาไปยังหลิวหลี
“ขะ ข้า?” หญิงสาวมีท่าทีประหลาดใจจากนั้นก็ตื่นเต้นยินดี “ขอบคุณมากท่านเทพธิดา!”
จากนั้นหลิวหลีก็กระโดดไปยืนข้างๆ หวังลู่และจับมืออีกฝ่ายไว้ “ศิษย์พี่ เราลงไปพร้อมๆ กันเถอะ!”
ส่วนเสี่ยวชี นางรู้จักห้ามตัวเองได้ดีพอ อีกทั้งนางเป็นเพียงร่างอวตาร ดังนั้นแสงจันทร์จึงไม่มีความหมายกับนาง แต่ถึงร่างจริงของเสี่ยวชีจะอยู่ที่นี่ นางก็ไม่คิดแย่งชิงโอกาสของศิษย์น้องทั้งคู่แน่ ส่วนเด็กสาวหูแมวนั้น นางไม่กล้าคิดฝันถึงโอกาสอันดีเช่นนี้หรอก
หวังลู่และหลิวหลีเดินจับมือกันตรงไปยังทะเลสาบท่ามกลางสายตาของเทพธิดาอวิ๋นไท่และสัตว์เซียนภูตจันทรา ทันทีที่เท้าของพวกเขาสัมผัสพื้นดินนุ่ม พวกเขาก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
สายน้ำใสเอ่อท่วมศีรษะของคนทั้งคู่อย่างรวดเร็ว แสงสีเงินที่อยู่ที่ก้นทะเลสาบยังดูมืดสลัวในสายตาพวกเขา แต่อึดใจถัดมา แสงนั่นก็พลันสว่างขึ้นทั่วทั้งทะเลสาบ และโอบร่างของคนทั้งคู่เอาไว้
แสงจันทร์พันปีที่ขับเคลื่อนด้วยกระแสความคิดของเทพธิดาอวิ๋นไท่หลั่งไหลเข้าสู่ร่างของหวังลู่และหลิวหลีโดยมีน้ำในทะเลสาบนำทาง ปฏิกิริยาของหลิวหลีนั้นรวดเร็วที่สุด ทันทีที่กระแสของแสงจันทร์ไหลทะลักมาที่ร่าง นางก็ร้องออกมาอย่างประหลาดใจและสลบไป รากฐานวิชาไร้ลักษณ์ของหวังลู่นั้นลึกซึ้ง พักหนึ่งเขาก็รู้สึกว่าแสงสีเงินที่หลั่งไหลเข้ามาในร่างจากทั่วทุกทิศทางนั้นดูอ่อนโยนราวกับว่าแกนแสงจันทร์นั้นเป็นอากาศธาตุ แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีตัวตนและหนักอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
นี่คือน้ำหนักของการหมักบ่มมานับพันปีหรือ แสงจันทร์นี้แทบไม่ต่างกับซากดึกดำบรรพ์! ทว่าที่น่าสนใจก็คือ เหตุใดแรงปะทะถึงได้รุนแรง หรือมันต้องการคร่าชีวิตพวกเขากัน โชคดีที่พื้นฐานของทั้งเขาและหลิวหลีนั้นแข็งแกร่งพอ หากเป็นผู้บำเพ็ญเซียนจากสำนักทั่วไป แค่การปะทะกันครั้งแรกก็สามารถทำให้วิหารหยกของคนเหล่านั้นพังทลายจนจิตวิญญาณบินหนีไปได้!
หวังลู่ไม่เคยสงสัยในตัวตนของเทพธิดาอวิ๋นไท่ มีหลักฐานหลายชิ้นที่พิสูจน์ได้ว่านางคือวิญญาณภูเขาแห่งเขาอวิ๋นไท่จริงๆ หนำซ้ำจนถึงตอนนี้ เทพธิดาอวิ๋นไท่ที่อยู่บนผิวทะเลสาบไม่มีท่าทีคิดร้ายแม้แต่น้อย เช่นนั้น…นางจึงย่อมมีจุดมุ่งหมายอื่นถึงได้ทำเช่นนี้
ไม่นานเทพธิดาก็เผยคำตอบ เท้าของนางสัมผัสผิวของทะเลสาบอย่างแผ่วเขา อึดใจถัดมาระลอกคลื่นนับล้านก็เคลื่อนตัวและแผ่วงกว้างจนไปกระทบแสงจันทร์ที่อยู่ในทะเลสาบ
เมื่อแสงจันทร์และระลอกคลื่นกระทบกัน หวังลู่ก็พลันรู้สึกว่าเวลาเดินช้าลง แสงจันทร์ที่รุนแรงจู่ๆ ก็หยุดนิ่ง และภายใต้การขยายออกของห้วงเวลา พลังที่บ้าคลั่งก็ค่อยๆ สงบและเบาบางลง
หวังลู่รับรู้ได้เลาๆ ว่าเวลานับพันๆ ปีที่ผ่านมานั้น เทพธิดาอวิ๋นไท่ไม่เพียงกักเก็บแสงจันทร์ไว้ แต่ยังรวมถึงห้วงเวลาอีกด้วย
ทุกๆ หกสิบปี วิญญาณภูเขาอายุนับพันปีตนนี้ได้ใช้อาคมทำให้แสงจันทร์ในเทศกาลพิเศษ [1] ห้อหุ้มห้วงเวลาเอาไว้ เพื่อให้หวังลู่และหลิวหลีที่อยู่ในทะเลสาบได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่หนึ่งวันถูกลากยาวเป็นหนึ่งปี
และนี่แหละคือเหตุผล นี่คือความลับที่ว่านางสามารถพัฒนาขั้นตบะของคนทั้งคู่อย่างมหาศาลในช่วงเวลาเพียงสั้นๆ ได้อย่างไร
เป็นการกระทำของเทพเจ้าโดยแท้!
…
[1] เทศกาลสารทจีน