ภาคที่ 32 ป้ายคำสั่งจิตโลกา ตอนที่ 10 มีดของ ‘จอมเทพศักดิ์สิทธิ์’ เล่มนี้

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 10 มีดของ ‘จอมเทพศักดิ์สิทธิ์’ เล่มนี้ โดย Ink Stone_Fantasy

การจะใช้ประโยชน์จากจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ช่างง่ายดายเหลือเกิน เพราะว่าเหล่าเทพจักรวาลต่างก็มีจิตใจหลงใหลในวิชาสืบทอดสายนี้กันเป็นอย่างมาก และ ‘จอมเทพศักดิ์สิทธิ์’ ผู้แกร่งกล้าที่สุดในอากาศอันสับสนอลหม่านคือผู้ที่ละโมบที่สุดในบรรดาคนเหล่านั้น ได้พยายามใช้ทุกวิถีทาง ตอนนั้นอาจเป็นภัยคุกคาม หรือเป็นความหลงใหล ถึงขนาดที่เคยลงมือจัดการจ้าวภูเขาฉื้อเหมย เคยสังหารจ้าวภูเขาฉื้อเหมยด้วยตัวเองมาแล้ว

น่าเสียดายที่วิถีนี้ของพวกเขา ผู้ที่สามารถได้รับแก่นสำคัญของวิชาสืบทอด ก่อนอื่นจะต้องสำเร็จ ‘เคล็ดร่างแยก’ ก่อน ดังนั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์คิดหาทุกวิถีทาง ก็ไม่มีทางได้รับแก่นสำคัญของวิชาสืบทอดไปได้สำเร็จ

ถึงแม้ว่าจะแกร่งกล้าดังเช่นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังไม่เชี่ยวชาญในหลายๆ ด้าน เมื่อเขาเผชิญกับเคล็ดวิชาที่จักรพรรดิเก้าเมฆาทิ้งเอาไว้ จนถึงตอนนี้ก็ยังมิอาจขบให้แตกได้

“จอมเทพศักดิ์สิทธิ์อยากจะได้รับวิชาสืบทอดสายนี้ของพวกเราอย่างบ้าคลั่ง ถ้าหากเขารู้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงวิวัฒน์วิชาสืบทอดย่อยของทางสายนี้ของพวกเราออกมาได้แล้วล่ะก็…” เสียงของจ้าวภูเขาฉื้อเหมยแฝงด้วยรอยยิ้มเย็น “เกรงว่าคงจะลงมือในทันทีเลยกระมัง”

เพียงเพราะว่าเคยถูกจอมเทพศักดิ์สิทธิ์สังหารมาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่อยากจะยั่วยุจอมเทพศักดิ์สิทธิ์สักเท่าใดนัก

แต่คราวนี้ก็มิอาจสนใจได้อีกแล้ว ก็ยืมมีดของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้มาใช้สักครั้ง

……

ภายในโถงตำหนักอันมืดหม่น

น้ำในสระอันเงียบสงบค่อยๆ พุ่งมารวมตัวกันแล้วเปลี่ยนเป็นเงาร่างน้ำไหลสายหนึ่ง พื้นผิวมีประกายเงินระยิบระยับ ซึ่งก็คือ‘ประมุขนรกภูมิ’ผู้มีสถานะอันสูงส่งเป็นที่สุดในสำนักทิพย์โบราณ พลังยุทธ์ของตัวประมุขนรกภูมิเองก็เป็นระดับชั้นที่เก้าขั้นสุดยอด เชี่ยวชาญการสะกดรอย อีกทั้งยังสามารถพยากรณ์อนาคตได้อีกด้วย… พรสวรรค์ในการพยากรณ์อนาคตของเขาทำให้จอมเทพศักดิ์สิทธิ์เองก็ยังให้ความสำคัญกับเขาเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมอบความไว้วางใจให้อีกด้วย

“ประมุขนรกภูมิ” ภายในโถงตำหนักมีผู้แกร่งกล้าขั้นอลวนที่ห่อหุ้มอยู่ในอาภรณ์สีดำคนหนึ่งทักทายด้วยความเคารพอย่างยิ่ง “ทางฝั่งโลกฟ้ากระจ่างส่งข่าวมาขอรับ”

“หืม ข่าวอันใดกัน” ร่างแปรน้ำไหลของประมุขนรกภูมิถามขึ้น

“ข่าวเกี่ยวกับการตรวจพบเคล็ดวิชาสืบทอดซึ่งเป็นหัวใจหลักย่อยทางด้านวิถีนั้นของพวกเขาขอรับ” ผู้แกร่งกล้าขั้นอลวนผู้นี้เอ่ยขึ้น

ประมุขนรกภูมิก็ตกตะลึงเช่นกัน

เรื่องที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์กระหายอยากอย่างแท้จริงนั้นมีอยู่ไม่มากนัก นอกจาก ‘การควบคุมกฎเกณฑ์สูงสุด’ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไล่ตามมากที่สุดแล้ว วิชาสืบทอดวิถีนั้นของประมุขหอหมื่นโลกาและจ้าวภูเขาฉื้อเหมย… ก็มีความสำคัญจัดอยู่ในลำดับที่สาม ถึงขนาดที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์เคยลงมือด้วยตัวเองมาหลายครั้ง ปลอมแปลงตัวตนซ่อนเร้นกลิ่นอายแฝงตัวเข้าไปเป็นต้น ก็เห็นระดับการให้ความสำคัญของเขาได้แล้ว

น่าเสียดายที่วิถีนั้นเก็บเคล็ดวิชาสืบทอดซึ่งเป็นหัวใจหลักเป็นความลับมากเกินไป จึงย่อมไม่มีทางได้มาไว้ในมืออยู่แล้ว! จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ได้แต่ออกคำสั่งกับผู้ใต้บังคับบัญชา ดังนั้นสำนักทิพย์โบราณก็คิดวิธีเสาะหาสิ่งที่ไม่มีรอยประทับวิญญาณบางอย่าง แต่กลับคลั่งไคล้และเชื่อมั่นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์จากส่วนลึกของจิตใจ ไปทำการแทรกซึม

ในบรรดาคนเหล่านั้นก็มีผู้ที่ไปเข้าสู่สำนักของประมุขหอหมื่นโลกาและจ้าวภูเขาฉื้อเหมย

แม้กระทั่งในบรรดาผู้ดูแลและสาวใช้ ต่างก็มีสำนักทิพย์โบราณแทรกซึมเข้าไปอยู่เช่นกัน

“สายลับของพวกเรา ตรวจพบข่าวที่สำคัญอย่างยิ่งข่าวหนึ่งเข้า ตงป๋อเสวี่ยอิงแห่งวังทวีสูญคงจะสำเร็จเคล็ดวิชาสืบทอดซึ่งเป็นหัวใจหลักย่อยของวิถีนั้นของพวกเขาเรียบร้อยแล้วขอรับ” ผู้แกร่งกล้าขั้นอลวนในอาภรณ์ดำพูดอย่างเคารพ

“ตรวจพบได้อย่างไรกัน พูดมาให้ละเอียดสิ”

“ขอรับ ตอนนั้น…”

ประมุขนรกภูมิฟังอย่างเงียบๆ

ร่างจริงของเขาเริ่มทำการตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตโดยอ้างอิงจากข้อมูลนี้ เขาสามารถพยากรณ์อนาคตได้ ก็ย่อมสามารถมองเห็นชิ้นส่วนของอดีตได้อยู่แล้ว อดีตเกิดขึ้นไปแล้ว เมื่อเทียบกันแล้วการสอดแนมก็ง่ายกว่ามาก นี่ก็คือเหตุผลที่ประมุขนรกภูมิรับผิดชอบเรื่องนี้

ฟังไปพลาง ตรวจสอบไปพลาง ในใจของประมุขนรกภูมิก็มีการตัดสินใจ

สวบ

ผ่านไปเพียงชั่วครู่

ร่างจริงของประมุขนรกภูมิก็เดินทางไปพบ‘จอมเทพศักดิ์สิทธิ์’ด้วยตนเอง

******

ภายในวังที่ตระการตาที่สุดแห่งโลกทิพย์โบราณ

บนเตียงศิลาดำอันใสกระจ่าง จอมเทพศักดิ์สิทธิ์นั่งขัดสมาธิอยู่ด้านบนตามลำพัง บนร่างสวมอาภรณ์ผ้าโปร่งสีดำ ใบหน้าสงบนิ่งอ่อนโยน เขาเพียงแค่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น แต่คล้ายกับว่าเขาดำรงอยู่ตลอดกาลแม้อากาศอันสับสนอลหม่านจะสูญสลาย ไม่มีสิ่งใดจะสามารถคุกคามเขาได้เลย แม้จะเป็นกฎเกณฑ์สูงสุดอันสูงส่งนั้นก็ตาม เพราะการดำรงอยู่ของตัวเขาก็มีชิ้นส่วนของกฎเกณฑ์สูงสุดอยู่ด้วยแล้ว

ฟิ้ว

เงาร่างสายหนึ่งด้านนอกเดินมา นั่นก็คือบุรุษชุดขาวคนหนึ่ง เดินเท้าเปล่าเข้ามา เหล่าข้ารับใช้ภายในโถงตำหนักก็มิได้ขัดขวางแต่อย่างใด

“จอมเทพศักดิ์สิทธิ์” แววตาของบุรุษชุดขาวเต็มเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา คล้ายกับจะสามารถมองทะลุทุกสิ่งทุกอย่างได้ เขาทักทายอย่างเคารพ

จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ลืมตาขึ้นแล้วมองลงไปยังบุรุษชุดขาวเบื้องล่าง

ถึงแม้จะสามารถมองเห็นเศษเสี้ยวอนาคตได้ เมื่อบุรุษชุดขาวเท้าเปล่า ‘ประมุขนรกภูมิ’ เผชิญหน้ากับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ยังต้องเคารพนบนอบ เพราะว่ายิ่งสามารถมองเห็นอนาคตได้ ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความกล้าแกร่งของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ การที่เขาสามารถดูบนเส้นเวลาทั้งหมดได้ จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็สูงส่งเช่นนั้น แม้กระทั่งสอดแนมดู‘จอมเทพศักดิ์สิทธิ์’บนเส้นเวลาในอนาคต เขาก็ยังได้รับผลสะท้อนกลับบางอย่าง ทำให้ไม่สามารถสอดแนมอนาคตต่อไปได้อีก

เขาเข้าใจว่าความแกร่งกล้าของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์นั้นเหนือกว่าการควบคุมของกฎเกณฑ์สูงสุดเสียแล้ว อนาคตของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ พรสวรรค์ของเขาก็ยังยากที่จะสอดแนมได้

แม้กระทั่งอนาคตที่เขาพยากรณ์ บุคคลอย่างจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ยังสามารถแก้ไขอนาคตได้

“ได้รับข่าวมาข่าวหนึ่ง” ประมุขนรกภูมิ บุรุษชุดขาวเท้าเปล่าเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “เป็นข่าวที่ศิษย์ของเราผู้แฝงตัวเข้าไปในสำนักของจ้าวภูเขาฉื้อเหมยส่งมา บอกว่าจ้าวภูเขาฉื้อเหมยเดือดดาลอย่างใหญ่หลวงเพราะตงป๋อเสวี่ยอิง อารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังเอ่ยถึง ‘การลักลอบศึกษา’ ด้วย…ข้าเคยทำการตรวจสอบก็พบว่าก่อนหน้านี้ไม่นาน จ้าวภูเขาฉื้อเหมยเคยคิดหาวิธีจัดการตงป๋อเสวี่ยอิง ถึงขนาดที่ข้าสงสัยว่าประมุขหอหมื่นโลกาได้เคยลงมือมาก่อนแล้ว แต่ว่าภาพเหตุการณ์ที่เขาลงมือนั้นข้าไม่สามารถสอดแนมได้ขอรับ”

“อ้างอิงจากการตรวจสอบจำนวนมากทำให้สามารถตัดสินได้ว่าเรื่องที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสำเร็จเคล็ดวิชาสืบทอดซึ่งเป็นหัวใจหลักย่อยของพวกเขาแล้วนั้นคงจะเป็นเรื่องจริง ประมุขหอหมื่นโลกาและจ้าวภูเขาฉื้อเหมยต่างก็ลงมือหมายจะสังหารตงป๋อเสวี่ยอิงตามๆ กัน” ประมุขนรกภูมิพูด“ แต่จ้าวภูเขาฉื้อเหมยทำให้ข่าวคราวบางอย่างรั่วไหลออกมาโดยมิได้ตั้งใจ ข้าสงสัยว่าเขาเจตนาจะทำให้รั่วไหล คิดอยากจะอาศัยพวกเราให้สังหารตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นั้น”

“ข้าตรวจสอบอดีต อ้างอิงจากการสนทนาของเขากับตงป๋อเสวี่ยอิง ได้ล่วงรู้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงสำเร็จศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาแล้ว จ้าวภูเขาฉื้อเหมยได้ทำการเจรจาต่อรองกับพวกบรรพชนทิพย์และบรรพชนโลกาและเหล่าเทพจักรวาลกลุ่มหนึ่ง ถ้าหากตงป๋อเสวี่ยอิงสำเร็จศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา… เช่นนั้นพวกบรรพชนทิพย์และบรรพชนโลกาก็คงจะไม่ยอมทุ่มจ่ายศิลาปฐมโลกาจำนวนมหาศาลมาขอร้องเขา เป็นไปได้ว่านี่คือเหตุผลที่เขาจ้องจะสังหารตงป๋อเสวี่ยอิงให้ได้”

ประมุขนรกภูมิเอ่ยการคาดการณ์ของตนอย่างสงบนิ่ง

จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ฟังอย่างเงียบๆ อยู่ด้านบน

จงใจปล่อยข่าวให้รั่วไหลอย่างนั้นหรือ

จะจงใจปล่อยข่าวให้รั่วไหลหรือไม่นั้นสำหรับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์แล้วมิใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือตงป๋อเสวี่ยอิงสำเร็จเคล็ดวิชาสืบทอดซึ่งเป็นหัวใจหลักย่อยแล้วจริงๆ หรือไม่

“ตงป๋อเสวี่ยอิงหรือ” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์พูดเสียงเบา

ครั้งแรก

เขามองเห็นความสำคัญของตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าเขาจะล่วงรู้ข้อมูลของผู้บำเพ็ญจำนวนมาก แต่ก็ได้โยนทิ้งไปหมดแล้ว ในบรรดาขุมอำนาจภายนอก ขั้นอลวนนอกจาก ‘จักรพรรดิดำ’ และ ‘จ้าวภูเขาฉื้อเหมย’ ที่เขาให้ความสำคัญอยู่เล็กน้อยแล้ว เขาก็มิได้เห็นขั้นอลวนคนอื่นๆ อยู่ในสายตาเลย ตอนนี้เขาก็เห็นความสำคัญของตงป๋อเสวี่ยอิงขึ้นมา

“สวบ”

สองตาของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์มองอย่างเงียบสงบ

ในดวงตาทั้งสองของเขามีเงามายาจำนวนนับไม่ถ้วนถือกำเนิดและสูญสลาย พูดถึงการสะกดรอย ถึงแม้ว่าประมุขนรกภูมิจะร้ายกาจ แต่กลับห่างชั้นกับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่ไกลโข! แม้กระทั่งการต่อสู้ที่ประมุขหอหมื่นโลกาลอบสังหารตงป๋อเสวี่ยอิง จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ยังสามารถสอดแนมได้อย่างง่ายดาย

มีเพียงภาพเหตุการณ์ที่ประมุขหอหมื่นโลกา จ้าวภูเขาฉื้อเหมย และท่านอาจารย์ของพวกเขาสนทนากันเท่านั้นที่ถูกรบกวนทั้งหมดจนมิอาจสอดแนมได้เลย

“ตาเฒ่าผู้นั้นก็แฝงตัวเข้ามาครั้งหนึ่งอย่างนั้นหรือ” มุมปากของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ยกยิ้มขึ้นน้อยๆ

“ตงป๋อเสวี่ยอิงวิวัฒน์เคล็ดวิชาสืบทอดซึ่งเป็นหัวใจหลักย่อยของพวกเขาออกมา บางทีอาจมาจากเคล็ดวิชาสืบทอดของจักรพรรดิเก้าเมฆานั่นก็ได้กระมัง” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์คาดเดาออกมาอย่างรวดเร็ว

ไม่ว่าจะเป็นผลลัพธ์เช่นไร

เขาก็พึงพอใจยิ่งนัก

เพราะจักรพรรดิเก้าเมฆาผู้นั้นก็มี ‘เตาสามขาเพลิงโลกันตร์’ สมบัติลับที่สำคัญเป็นที่สุดซึ่งเขาอยากได้เป็นอย่างยิ่ง จักรพรรดิเก้าเมฆาผู้โง่งม ระดับขั้นไม่เพียงพอ มีสมบัติล้ำค่าอยู่แต่กลับมิได้เข้าใจเลยว่าเตาสามขาเพลิงโลกันตร์นั้นใช้งานอย่างไรจนวันตาย

“ตงป๋อเสวี่ยอิงหรือ ควรออกไปเดินเล่นสักหน่อยแล้วสิ” จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ลุกขึ้นแล้วเดินลงจากเตียงศิลาดำ

ข้ารับใช้ทั้งหมดและประมุขนรกภูมิที่อยู่เบื้องล่างต่างก็หัวใจบีบรัดแน่น ทว่าทุกคนต่างก็ค้อมกายอย่างเคารพ

…………………………………..