ผงทั้ง 5
ในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง หลี่ฮวนที่อยู่ในชุดเดรสยาวชุดใหม่ที่เธอเพิ่งไปซื้อมาและกำลังเป็นที่ดึงดูดสายตาของคนในร้านด้วยความสวยนิดๆและท่าทางที่ดูดีมีชีวิตชีวา
เธอนั้นกำลังนั่งอยู่ที่นั่งฝั่งริมกระจกด้วยท่าทีที่ดูตื่นเต้นน้อยๆจนดูน่ารักเลยทีเดียว ที่เธอแสดงออกมาอย่างนั้นก็เพราะว่าตอนนี้ถึงเวลาตามที่คู่นัดบอดของเธอได้นัดกันไว้แต่ก็ยังไม่มีใครมาซักที
“สวัสดีครับ ขอถามซักนิดนึงได้ไหมครับว่าคุณใช่คุณหลี่ฮวนรึเปล่า” ชายร่างเล็กแต่ดูดีคนหนึ่งได้มายืนอยู่ตรงที่นั่งฝั่งตรงข้ามของโต๊ะโดยจ้องมองหลี่ฮวนอย่างไม่ละสายตา
“ใช่ ใช่ ใช่แล้วค่ะ แล้วคุณคือคุณหวัง…” หลี่ฮวนยืนขึ้นด้วยท่าทางตื่นเต้นในขณะที่ตอบออกไป
“สวัสดีครับ เอ่ออออ เป็นยังไงบ้างครับ ผมไม่คิดว่าคุณจะสวยขนาดนี้ สวยจนผมไม่กล้าจะเข้ามาทักคุณเลย” ชายหนุ่มคนนั้นได้พูดออกมาด้วยท่าทีเขินอายพร้อมทั้งเกาหัวและยิ้มออกมา ตอนนี้หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความสุขจนล้นออกมา
ความจริงแล้วในตอนแรกที่เขาได้เห็นรูปของคู่นัดบอดที่ครอบครัวของเขาหามาให้ เขานั้นแทบจะทรุดลงไปกับพื้นตั้งแต่ตอนที่เห็นรูป
แต่คนที่เขากำลังเจออยู่ตอนนี้แทบจะไม่เหมือนคนในรูปเลยซักนิดทำให้เขาไม่แน่ใจว่าเป็นคนๆเดียวกันรึเปล่า แม้กระทั่งในตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขากับคนในรูปใครคือตัวจริงกันแน่
ในตอนนั้นตัวเขาเองก็รู้ตัวดีเหมือนกันว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้หลอเหลาอะไร
เขาไม่ได้มีตัวเลือกมากมายอะไรนักจึงได้ตัดสินใจมาก็เพราะว่าถ้าไม่เคยเจอตัวซักครั้งก็ยากที่จะปฏิเสธทางครอบครัวได้ อีกอย่างต่อให้หน้าตาไม่ดีจริงๆแต่ถ้านิสัยดีล่ะก็ต่อให้ไม่ได้คบกันจริงก็คงพอจะเป็นเพื่อนคุยกันได้เพราะน่าจะตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
เขานั้นไม่คิดไม่ฝันเลยว่าหลี่ฮวนตัวจริงนั้นจะสวย สวยมาก สวยจนคนในรูปนั้นเทียบไม่ติด
จะให้พูดความจริงล่ะก็จริงๆแล้วก่อนที่จะมาเจอกันในครั้งนี้
เขานั้นได้ดูรูปของหลี่ฮวนหลายรอบมากเพิ่มทำใจและเตรียมตัวไม่ให้ตัวเองทำเรื่องน่าเกลียดและเสียมารยาทต่อหน้าเธอ
แต่ทำไมไม่รู้ยิ่งเขาดูก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอสวยขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือความจริงที่ว่าจริงๆแล้วหลี่ฮวนไม่ใช่ผู้หญิงที่ดูน่าเกลียดมากมายอะไร
แค่เพียงมีหลายส่วนของใบหน้าที่ดูแล้วขาดไปนิด เกินไปหน่อยจนเด่นสะดุดตาทำให้แวบแรกที่เห็นเลยดูหน้าเกลียดหน้ากลัว
แต่เมื่อคุ้นชินและดูดีแล้วก็ถือได้ว่าเธอดูดีระดับนึง ซึ่งนั่นทำให้เขามีความรู้สึกเต็มใจที่จะคบหาด้วยอย่างน้อยก็เป็นเพื่อนกันก็ยังดี
แต่ที่เขาไม่รู้ก็คือซูจิ้งนั้นได้ทำการปรับเปลี่ยนส่วนที่เกินนิดขาดหน่อยเหล่านั้นไปเรียบร้อยแล้วจนทำให้เธอนั้นดูสวยยิ่งกว่าตอนใช้แป้งเม่ยหยานแล้วถ่ายรูปส่งให้ครอบครัวของเขาดูอย่างเทียบกันไม่ได้เลย
“ไม่จริง ไม่จริงหรอกค่ะ คุณชมฉันเกินไปแล้วค่ะ” หลี่ฮวนรู้สึกเขินอายอย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับคำชมว่าสวย นั่นทำให้เธอรู้สึกดีมากๆ
“ก็คุณสวยจริงๆนี่ครับ ผมไม่ได้ชมเลยนะ คุณสวยกว่ารูปที่คุณส่งมาให้ดูมากๆเลย” เขานั้นก็ยังกล่าวชมหลี่ฮวนต่อไป ทันใดนั้นบ๋อยก็ได้นำลาเต้มาเสริฟ์ให้แก่หลี่ฮวน เธอได้ตกใจในทันที
“เอ่อลาเต้แก้วนี้ฉันไม่ได้สั่งนะคะ” เมื่อได้ยินดังนั้นบ๋อยจึงได้ชี้ไปยังชายหนุ่มหน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่นั่งห่างไปไม่ไกลพร้อมบอกออกมาว่า “คุณผู้ชายคนนั้นสั่งมาให้คุณครับ” หลี่ฮวนทำหน้าโง่งมในทันที นี่เองก็เป็นครั้งของเธอเช่นกัน
ในเวลาเดียวกัน ณ สุดขอบอีกด้านหนึ่งของร้าน หวังซือหยาได้โทรหาซูจิ้งเมื่อเขารับสายเธอได้รีบพูดออกไปทันทีด้วยความตื่นเต้นว่า “อาจิ้ง การเสริมความงามของนายนี่เจ๋งจริงๆ ถึงขนาดที่ว่ามีผู้ชายหล่อๆเริ่มไล่จีบเธอแล้วนะ นายทำได้ยังไงกัน” ถึงแม้เธอจะพยายามทำน้ำเสียงให้ดูนิ่งสงบแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจซ่อนความรู้สึกตื่นเต้นในขณะที่คุยกับซูจิ้งได้เลย
“เฮ้เฮ้ เธอพูดอะไรของเธอเนี่ย” ซูจิ้งพูดออกมาพยายามจะปัดเรื่องนี้ออกไปให้พ้นตัว
“อย่ามาทำเป็นลืมนะ นายพอจะเสริมความงามให้ฉันได้รึเปล่า” หวังซือหยาถามออกไป
“คุณพี่สาวซือหยาครับ คุณเองก็สวยอยู่แล้วนะครับ จะเสริมความงามไปเพื่อ เท่าที่ดูไม่เห็นมีตรงไหนที่ผมจะต้องลงมือเลยซักนิด
เอาจริงๆเลยนะผมน่ะยังไม่อยากจะหลอกตัวเองเพราะว่าผมนั้นยังไม่แน่ใจว่าการเสริมความงามที่ผมทำให้หลี่ฮวนไปหน่ะจะอยู่ได้นานถึงเมื่อไหร่ เรื่องนี้ยังคงต้องมีการติดตามผลต่อไปก่อน” ซูจิ้งพูด
ที่เขาพูดออกมาล้วนเป็นความจริงทั้งในเรื่องที่หน้าของซือหยานั้นสวยอยู่แล้วจนไม่ต้องพึ่งเรื่องพวกนี้ แถมเธอก็ยังใช้แป้งเม่ยหยานไปอีก มันช่างดูไม่มีเหตุผลเลยแม้แต่น้อยที่จะทำการเสริมความงามให้เธอ
ส่วนอีกเรื่องก็คือเรื่องใบหน้าของหลี่ฮวน เท่าที่ซูจิ้งดูนั้นเรื่องใบหน้าของหลี่ฮวนที่ทำให้เธอรู้สึกว่าหน้าเกลียดนั้น สิ่งที่สำคัญมีเพียงจุดเดียวก็คือรูปหน้า รูปหน้าของเธอนั้นสั้นนิดหน่อยทำให้ดูเหลี่ยมจนเหมือนผู้ชายแค่นั้นเอง ต่อให้ไม่ต้องเสริมความงามแค่เพียงเธอทำให้บริเวณด้านข้างของใบหน้าลดลงแค่นั้นก็เหลือแหล่มากพอจะเจอผู้ชายดีๆซักคนอยู่แล้ว จะให้พูดอีกอย่างก็คือถ้าลดลงได้ไม่ทางที่ใครจะมองเธอว่าน่าเกลียดได้เลย เขาจริงแค่ลดแก้มให้มันเล็กลงนิดหน่อย แต่พอเธอเห็นหน้าของเธอได้รูปกว่าเดิมเธอก็มีความมั่นใจในตัวเอง พอเธอมั่นใจในตัวเองความสวยในแบบฉบับของเธอก็ตามมาแค่นั้นเอง
“ฮ่าฮ่า ก็ได้ก็ได้” ซือหยาเองก้ไม่รู้ว่าคำว่าสวยของซูจิ้งนั้นเขาจะหมายถึงคำว่าสวยแบบเดียวกับที่ผู้ชายชมผู้หญิงว่าสวยรึเปล่า แต่เธอก็ยังมีความสุขที่คนอย่างซูจิ้งชมเธอแบบจริงจังอยู่ดี เธอจึงได้หัวเราะออกมาอย่างมีความสุขหลังจากนั้นเธอก็พูดต่อว่า “แล้วการเสริมความงามแบบฉบับของนายนี่คนอื่นพอจะเรียนรู้ได้รึเปล่าน่ะ ถ้าใครซักคนที่เป็นคนของฉันได้เรียนรู้ไว้ล่ะก็จะช่วยฉันได้มากเลยล่ะ”
“ผมกลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้เรื่องน่ะสิ ถ้าคุณต้องการให้ผมแต่งหน้าให้ใครซักคนจริงๆล่ะก็โทรหาผมได้นะ
อีกอย่างคุณสามารถออกเรื่องนี้ไปบอกต่อได้นะ แล้วถ้าเกิดว่าเห็นใครดูดีล่ะก็ผมก็ไปแต่งหน้าให้ได้
ถ้าเกิดเป็นคนที่ดูมีแววแต่ไม่ใช่พวกดาราเต็มตัวหรืออะไรพวกนั้นล่ะก็ผมคิดว่าจะยิ่งดีเข้าไปใหญ่”
ซือหยาก็ได้ตอบตกลงทันทีที่ได้ยิน
เธอเองก็คิดไว้แล้วว่าวิธีการของซูจิ้งนั้นคนทั่วไปไม่ทางเรียนรู้หรือเรียนแบบได้เลย เอาจริงๆต่อให้เป็นมืออาชีพเองจะเรียนรู้จากซูจิ้งได้ซักเสี้ยวนึงรึเปล่าก็ยังไม่รู้เลย
หลังจากวางสายได้ไม่นาน ซูจิ้งก็ได้รับข้อความจากบรรดาสาวๆที่เป็นสักขีพยานในตอนที่เขาแต่งหน้าให้หลี่ฮวนมาในทำนองเดียวกันว่าอยากจะให้ซูจิ้งเสริมความงามจริงๆให้กับพวกเธอ
ซูจิ้งถึงกับพูดไม่ออกในทันทีที่เห็นข้อความเหล่านี้ เขาได้ส่งข้อความไปตอบทุกคนด้วยประโยคเดียวกันว่า เขานั้นไม่ใช่มืออาชีพ ขอฝึกกับคนที่ไม่สวยก่อนนะ
ในช่วงเย็น เขานั้นได้แบ่งผงยาบางอย่างออกจากกันจนได้ทั้งหมดห้าขวด ห้าชนิด เขารู้คุณสมบัติของมันแล้วหนึ่งขวด แต่อีกสี่ขวดที่เหลือนั้นเขายังไม่รู้ว่ามันจะใช้ทำอะไรได้บ้าง
เขาได้ให้ไฮ่หลี(ตัวบีเวอร์,หนูตัวเท่าหมาที่ตีกับหมาๆและหมาป่าสงตรามใช้เวทความเย็นได้)ไปจับหนูมาจำนวนหนึ่งเพิ่มที่จะเริ่มทดลองผงยาที่เหลือ
เขาได้เลือกหนูมาจำนวนสี่ตัวเพื่อลองยาทั้งสี่ขวด เขานั้นได้ป้อนยาแก่พวกมันและเฝ้ารอคอยดูผลลัพท์ ไม่นานนักหนูสองในสี่ตัวเริ่มมีอาการบางอย่าง ตัวหนึ่งมีอาการเจ็บปวดแสนสาหัสจนกระทั่งนอนนิ่งไปบนพื้น อีกตัวหนึ่งมีอาการคล้ายกับดื่มเหล้าเดินโซซัดโซเซจนชนนู่นชนนี่ไปทั่ว
“ฮอว” เสียงๆหนึ่งดังขึ้นมันดังจากพิ้นก้องไปทั่วทั้งท้องฟ้า ซูจิ้งหันไปมองไปทันที เขาเห็นไฮ่หลีและหนูอีกตัวที่กองอยู่กับพื้นกอดขาไฮ่หลีเอาไว้พร้อมเอาหัวไปถูที่เท้า ซูจิ้งได้ยินเจ้าหนูพูดออกมาว่า “โอ้….ยิ้มหน่อยสิจ้ะสาวน้อย”
ไฮ่หลีนั้นไม่ได้รู้จักเจ้าหนูตัวนั้นเลยแม้แต่น้อย มันตบเจ้าหนูที่อยู่ตรงหน้ามันจนกลิ้งโค่โล่ไปกับพื้นแล้วมันก็เดินไปแอบหลังซูจิ้งแล้วเช็ดมือกับรองเท้าซูจิ้งทันทีพร้อมเปยๆออกมาว่า อี๋เจ้าหนูสกปรก เจ้าหนูที่กลิ้งลงไปกับพื้นได้กระอักเลือดออกมาซักสามหยดหลังจากนั้นมันก็ได้หันมาจ้องที่ไฮ่หลีตาเป็นมัน
อย่างไรก็ตามเจ้าหนูที่โดนไฮ่หลีตบไปนั้นไม่ได้มีท่าทีเจ็บปวดแม้แต่น้อย มันจ้องกลับมาที่ไฮ่หลีอย่างไม่วางตาพร้อมสงเสียงจี๊ดๆมาที่ไฮ่หลีสองสามครั้ง ซูจิ้งแปลได้ความว่า “สาวน้อย ช่างแรงดีจริง แรกๆเจอพี่ก็เห็นอย่างนี้กันหมด เจอพี่ไปทีก็เห็นมาคลอเคลียกันทุกตัว”
ทั้งไฮ่หลีและซูจิ้งทำหน้าโง่งมออกมาทันที เจ้าหนูนี่บ้าไปแล้วเรอะ แกเป็นหนูนะเว้ย แล้วไอ้ที่แกไปเต๊าะเขาอยู่น่ะมันเป็นบีเวอร์นะเฮ้ย มันเหมือนคนที่โดนไปแค่ไหนก็ไม่รู้จักหลาบจำ เหมือนกับคนที่เห็นคนรูปถ่ายแล้วก็บอกออกมาว่าคนในรูปนี่ตัวจริงคงตัวลีบแบนแต๊ดแต๋
ถึงจะโดนไปขนาดนั้นเจ้าหนูตัวนั้นก็ยังไม่หยุด มันยังคงคอยวนเวียนไปรอบเมื่อคอยหาจังหวะเข้าหา
ไฮ่หลี ไม่สิต้องบอกว่ามันคอยวนเวียนแทะโลมเหล่าสัตว์เลี้ยงของซูจิ้งทุกตัวในบริเวณนั้น
ไม่ว่าจะเป็นหมาๆทั้งหลาย หมาป่าสงคราม เหล่าหมาๆ และสัตว์ตัวอื่นๆ
ถ้าซูจิ้งไม่คอยปรามเหล่าสัตว์เลี้ยงของเขามันคงโดนรุมกินโต๊ะไปแล้ว
จนสุดท้ายมันก็เจอเป้าหมายใหม่นั่นก็คือพวกหนูอีกสามตัวที่ยังไม่มีอาการอะไร
พวกมันไม่ได้มีท่าทีสนใจแม้แต่น้อยจนสุดท้ายเจ้าหนูตัวที่ตามจีบชาวสัตว์ไปทั่วก็ค่อยๆพูดเสียงอ้อแอ้แล้วก็เมาหลับไปเฉยๆซะอย่างนั้น
“ไอ้ผงนี่มันผงอะไรกันเนี่ย ทำไมออกฤทธิ์ได้แปลกประหลาดขนาดนี้
ดูๆไปนี่ไม่ใช่จะแค่ทำให้เมาอย่างเดียวซะแล้วสิ” ซูจิ้งถึงกับบ่นอุบไม่หยุดเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เมื่อเจ้าหนูตัวนั้นตื่นขึ้นมาเขาก็ได้ทำการตรวจสอบมันอย่างหนักแล้วเขาก็พบผลข้างเคียงหลังจากยาหมดฤทธิ์สองอย่าง
หนึ่งคือเมื่อกินไปแล้วจะทำให้มึนงง สับสน ขาดสติ ผลอีกอย่างก็คือทำให้ไม่รู้สึกเจ็บปวด พอรู้อย่างนั้นนี่เขาถึงกับคิดไม่ออกเลยว่าจะเอายานี่ไปใช้ยังไงดี
หลังจากนั้นเขาได้ไปตรวจสอบเจ้าหนูอีกสามตัวที่เหลือ ส่วนหนูตัวแรกที่มีอาการเจ็บปวดนั้น
ตอนนี้อาการของมันยังดูเหมือนเจ็บปวดอยู่แถมยังดีเจ็บปวดมากกว่าเดิมเสียอีก
หลังจากซูจิ้งลองถามมันดูมันพูดออกมาได้สองสามคำอย่างหมดแรงเหมือนใกล้จะสิ้นลมไปตรงนั้น
ซูจิ้งก็ทำได้แต่เสียใจสวดส่งมันให้ไปสู่สุขคติ ยาที่เจ้าหนูตัวนี้กินคือยาพิษ
ซูจิ้งพลางคิดไปว่าถ้ามันเป็นยาพิษจริงๆคงต้องน่าเสียดายแน่ๆเพราะเขานั้นไม่มีแผนการที่จะใช้พิษใดๆเลย แม้กระทั่งพิษบนโลกเขาก็ไม่อยากจะใช้มันแม้แต่น้อย
“ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆว่าอีกสี่ขวดนั้นไร้ประโยชน์สุดๆ ทั้งๆที่ผงแปลงโฉมช่างวิเศษสุดๆ” ถึงเขาจะบ่นอย่างนั้นออกมาแต่เขาก็ยังไม่รีบด่วนตัดสินใจจะทิ้งพวกมัน
ตอนนี้เขาเพียงแค่ทำเครื่องหมายไว้บนขวดว่าขวดไหนใช้กับหนูตัวไหน เขาเลือกที่จะรอดูผลต่อไป เป็นไปได้ว่าตัวยาที่ใช้อาจจะยังไม่แสดงผลในเวลาสั้นๆ
ซูจิ้งหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อดูเวลาหลังจากเห็นเวลาเขากำลังคิดอยู่ว่ากำลังจะจัดการขยะห้วงเวลาฯต่อ
แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นหน้าต่างป๊อปอัพของข่าวๆหนึ่งเด้งขึ้นมา เมื่อเขาเห็นตาเขาเบิกกว้างในทันที
เขารีบเปิดมันอ่านดู ตอนนี้ข่าวๆนี้กำลังร้อนแรงไปบนโลกอินเตอร์เนตจนทำให้ซูจิ้งมองดูด้วยความงงงวย