เมื่อเห็นว่าไม่มีใครรับฟังที่เขาพูดจริง ๆ คิ้วของหวังตั้นก็ขมวดลึก เขารู้ดีเลยว่าผู้เข้าชมที่เคยเข้ามาบ้านผีสิงของบอสเฉินนั้นจะไม่พูดอะไร ‘ใสซื่อ’ อย่างนั้น

“นี่เป็นครั้งแรกที่พวกคุณทุกคนที่บ้านผีสิงนี่ใช่ไหม?” หวังตั้งมีความรู้สึกย่ำแย่อยู่ในใจ

“คุณชิโนซากิกับฉันเพิ่งกลับเข้าประเทศมา เขาตั้งใจจะเปลี่ยนสไตล์ ลองเขียนการ์ตูนเรื่องยาวรูปแบบใหม่ ๆ ดังนั้นพวกเราจึงมาที่บ้านผีสิงนี่เพื่อหาแรงบันดาลใจ” ผู้ช่วยสาวพูดเบา ๆ เธอไม่ได้กล้าหาญถึงเพียงนั้น ถึงพวกเขาจะยังไม่ได้เข้าไปในฉากอย่างเป็นทางการเสียงของเธอก็เริ่มสั่นแล้ว “พวกเราเห็นเรตติ้งของบ้านผีสิงนี่สูงมากในออนไลน์ ดังนั้นพวกเราก็เลยมาที่นี่หลังจากลงจากเครื่องบิน มีอย่างอื่นที่พวกเราต้องทำก่อนที่จะมาลองเข้าบ้านผีสิงในประเทศด้วยเหรอ?”

“อย่าไปฟังเขาพูดมั่วไปทั่ว เหตุผลเดียวที่บ้านผีสิงนี่มีเรตติ้งสูงในอินเตอร์เนตก็เพราะคนพวกนี้สะกดจิตกันเอง สิ่งเดียวที่บอสนั่นเก่งก็คือการโฆษณากับการทำโปรโมชั่น” ผู้ชายคนที่เดินอยู่กับผู้ชายท่าทางนุ่มนิ่มพูด “เทียบกับคนอย่างพวกเราที่ทุ่มเทพลังไปกับการสร้างบ้านผีสิง คิดเนื้อหาอย่างจริงจังและออกแบบกลไกมากมายสำหรับบ้านผีสิง ผู้ชายแซ่เฉินคนนั้นอย่างมากก็เป็นได้แค่นักธุรกิจเก่ง ๆ คนหนึ่งเท่านั้น”

“นักธุรกิจ?” หวังตั้นแทบจะหัวระเบิดเพราะความโมโห เขาอยากจะยกมือขึ้นอุดปากชายคนนี้ ถ้าเฉินเกอได้ยินสิ่งที่เขาเพิ่งพูดไป ระดับความยากของฉากก็คงถูกเพิ่มขึ้นไปจนถึงระดับที่เป็นไปไม่ได้แล้ว

“เขาก็แค่เก่งในการหลอกนักศึกษาใสซื่ออย่างแกเท่านั้นแหละ สำหรับพวกเราที่อยู่ในธุรกิจนี้มาหลายปี นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ ให้ตาย มุกของเขาเก่าจนฉันเครียดแล้ว”

ผู้ชายคนนั้นยังอยากจะพูดอะไรอีกแต่ว่าถูกผู้ชายท่าทางนุ่มนิ่มคนนั้นห้ามไว้ “หยุดพูดอะไรแบบนั้นได้แล้ว ถ้านักแสดงที่บ้านผีสิงนี่ได้ยินเข้าจะรู้สึกไม่ดี คนอื่น ๆ อาจจะคิดว่าพวกเราตั้งใจมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา”

กระทั่งชิโนซากิที่เจ้าอารมณ์ก็ยังมีประสบการณ์ด้วยวัยของตน ดังนั้นจึงจับใจความสำคัญได้ทันที “พวกคุณทุกคนก็ทำบ้านผีสิงเหรอ?”

เขาเข้าใจได้ในทันทีว่านี่คือการแข่งขันระหว่างคนในสายอาชีพเดียวกัน เขายังรู้สึกไม่ดีกับพวกที่แซงคิวพวกนี้

“พวกเราสามคนเป็นพนักงานจากบ้านผีสิงที่ใหญ่ที่สุดในซินไห่– สถาบันฝันร้าย พวกเราทำธุรกิจนี้มาเจ็ดปีแล้ว พวกเราเป็นคนกลุ่มแรก ๆ ในท้องตลาดที่ทำบ้านผีสิงเสมือนจริง”

ทั้งสามคนแนะนำตัวอย่างง่าย ๆ ชายคนที่ดูวู่วามที่สุดคนนั้นชื่อเว่ยจินหยวน เขาเป็นนักเขียนบทที่อายุน้อยที่สุดในสถาบันฝันร้าย หน้าที่หลักของเขาก็คือคิดเรื่องสยองขวัญรวมถึงกลไกและบทในเนื้อเรื่อง คนที่ตัวเล็กที่สุดที่ทะเลาะกับชิโนซากิก่อนหน้านี้คือหลีจิ่ว เขาดูบอบบางและอ่อนแอ หน้าที่หลักของเขาคือการทำอุปกรณ์ประกอบฉากของสถาบันฝันร้าย เขามีพรสวรรค์และมีมือที่เชี่ยวชาญและสามารถใช้อุปกรณ์หลายชนิดได้

คนสุดท้าย คือผู้ชายที่มีเครื่องหน้ากระเดียดไปทางผู้หญิง เขาชื่อหลี่ซานอิ๋น มีฉายาว่าพ่อคนเย็นชา เขาเป็นคนดื้อรั้นแต่ว่าเป็นนักแสดงที่ได้รับคำชื่นชมที่สุดในสถาบันฝันร้าย เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกหลักของบ้านผีสิงซินไห่ เขาไม่ได้ดูแก่ แต่ว่ามีอาวุโสสูงที่สุดในพวกเขาสามคน

“เดี๋ยวก่อนนะ พวกคุณสี่คนไม่ได้มาด้วยกันเหรอ?” หวังตั้นเห็นผู้ชายอีกคนยืนรวมอยู่กับพนักงานจากสถาบันฝันร้ายสามคน และเขาก็สรุปว่าคนนั้นเองก็เป็นหนึ่งในพนักงาน

“เขาเป็นหนึ่งในไลฟ์สตรีมเมอร์ชื่อดังที่สุดของซินไห่ เขาดังมากในออนไลน์ อย่างน้อยที่สุดก็มีชื่อเสียงกว่าบอสบ้านผีสิงนี่ หรือฉันควรจะพูดว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลยแหละ”

เว่ยจินหยวนอยากจะแนะนำต่อแต่โฮสต์ไลฟ์สดผู้นี้กลับขมวดคิ้ว “ถ้าคุณอยากจะเสียเวลาคุยกันต่อ อย่างนั้นก็คุยไป แต่ว่าผมจะไปก่อนละ”

ผู้ชายคนนั้นพูดจบ ก็คว้ากระเป๋าแล้วเดินเข้าไปในฉากคนเดียว เขาดูกล้าหาญมากทีเดียว

“เฮ้!” เห็นเขาเดินนำไป หวังตั้นก็รีบวิ่งไปหา “อย่าเดินสะเปะสะปะไปคนเดียว แล้วก็ ผมไม่ได้พูดเล่น อย่าได้คิดจะไลฟ์สดที่นี่– คุณจะทำร้ายพวกเราทุกคน”

โฮสต์ไลฟ์สตรีมนั้นไม่ได้สนใจจะรับรู้การมีตัวตนของหวังตั้นด้วยซ้ำ ดวงตาของเขากวาดมองรอบตัวพลางคิดว่าจะมีคนดูมากเท่าไหร่ตอนที่เขาเริ่มไลฟ์สดที่นี่ โฮสต์นั้นคุ้นเคยกับความนิยมบนออนไลน์ของบ้านผีสิงของเฉินเกอ ถ้าเขาไลฟ์สดที่ด้านในบ้านผีสิงในฉากใหม่ ไลฟ์จะต้องฮอตระเบิด ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการเปิดเผยการตกแต่งภายในบ้านผีสิงหรือว่าส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจของเฉินเกอ แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องพะวงถึงเสียหน่อย

หลังจากเข้าใจท่าทีของโฮสต์แล้ว หวังตั้นก็รู้สึกขนลุก เพื่อนร่วมทีมประเภทไหนกันที่เขาเอาตัวเองมาผูกติดเอาไว้ในคราวนี้?

ทุกคนเป็นหน้าใหม่นั้นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ที่สำคัญกว่านั้น ไม่มีใครในพวกเขาอยากจะรับฟังคำแนะนำในการดูแลตัวเองของเขาเลย ถ้าพวกเขาอยากตายมันก็ไม่เป็นไร แต่ด้วยสิ่งที่พวกเขากำลังจะทำนั้นทำร้ายตัวหวังตั้นเองเหมือนกัน

“ถ้าคุณต้องการจะทำอะไรแบบนั้น อย่างนั้นก็ไปก่อนเลย ผมจะไม่พูดแล้ว” หวังตั้นพูดและคว้ามือแฟนสาวเพื่อแยกออกไป

“หวังต้า นายจะทำอะไร?” แฟนสาวของเขาคิดว่าเขากำลังทำตัวไร้เหตุผล “ปล่อยฉัน!”

“ถ้าพวกเราต้องการเข้าชมฉากใหม่ก็ไม่เป็นไร แต่ว่าเข้าไปพร้อมพวกเขาไม่ใช่ความคิดที่ดี ฉันคิดว่าจะกลับออกไป” เหตุผลที่หวังตั้นมาที่บ้านผีสิงนั้นก็เพื่อระบายความไม่พอใจและเพื่อทำให้เพื่อนมัธยมของแฟนสาวรู้สึกอับอาย แต่ตอนนี้ สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว เขากำลังจะเดินลงนรกไร้ก้น ที่เมื่อตกลงไปแล้วก็ไม่มีทางกลับขึ้นมาได้

“นักเรียนแพทย์ขี้ขลาดอย่างนี้หมดเลยเหรอไง?” นักศึกษาชายคนนั้นพูดเยาะ “และฉันก็คิดว่าพวกนายน่าจะกล้าหาญกว่านี้พอคิดถึงว่านายต้องเจอกับศพอยู่บ่อย ๆ ดูเหมือนว่าฉันจะเข้าใจผิดสินะ”

ได้ยินอย่างนี้หวังตั้นก็โมโหจนหน้าเขียว แต่ว่าเขาก็ไม่รู้ว่าจะไประบายความโกรธแค้นนี้ที่ไหน เขากัดฟันอย่างฉุนเฉียวแล้วปล่อยให้ความโกรธเข้าครอบงำ เขาเดินกลับไปและพูด “เอาละ อย่างนั้นพวกเราก็เริ่มได้เลย”

“อย่ากดดันตัวเองเลย ฉันได้ยินมาว่าบางคนทำกางเกงตัวเองเปียกตอนเข้าบ้านผีสิงด้วยนะ” นักเรียนกีฬาหัวเราะขำ คิดว่าหวังตั้นกำลังจะต้องกลายเป็นตัวตลก

“ไม่เป็นอย่างนั้นหรอก” หวังตั้นถอนหายใจเบา ๆ เขารู้ว่าเรื่องจะเป็นอย่างไรที่นี่ เขาจะหมดสติไปก่อนที่กระเพาะปัสสาวะจะมีโอกาสทำงาน

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องสนใจเขา” แฟนสาวของหวังตั้นพูดปลอบและในที่สุดเขาก็เงียบลง เขาพยายามเก็บอารมณ์ แต่เมื่อเขากวาดตามองเพื่อนร่วมทีม ในหัวใจของเขาก็ราวกับมีโพรงเย็น ๆ โพรงหนึ่งเปิดอ้าออก ไม่มีใครที่เขาจะเชื่อถือได้เลย

“มีเวลาเดินดูแค่สี่สิบนาที พวกเราควรจะสนุกไปกับมัน” เว่ยจินหยวนเดินไปข้าง ๆ โฮสต์หนุ่ม “ถ้านายกลัว นายมากับพวกเราก็ได้ แต่มันอาจจะน่าเบื่อ ฉันคุ้นเคยกับการวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ ในสายตาของพวกเรา ที่เป็นผู้สร้างสรรค์บ้านผีสิงที่แท้จริง ความลับและกับดักทั้งหมดล้วนเผยตัวออกมาอย่างไร้ร่องรอย ตัวอย่างเช่น หน้าต่างตรงนี้…”

เว่ยจินหยวนชี้ไปที่กระจกหน้าต่างที่อยู่ห่างไปข้างหน้าสองสามเมตร “หน้าต่างนี่ถูกทิ้งเอาไว้โดยไม่ล็อกและกระจกยังถูกทำให้แตกเอาไว้อย่างจงใจ พอพวกเราเดินผ่าน ก็จะมีของน่ากลัวกระเด้งออกมาจากข้างใน ถ้านายไม่เชื่อฉัน นายก็รอดู”

เว่ยจินหยวนเดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ หน้าต่างเงียบ ๆ เขาชี้ไปที่หน้าต่างข้างตัวและจากนั้นก็กระโจนเข้าไปและชะโงกหน้าเข้าไปในหน้าต่าง ถ้านักแสดงซ่อนตัวอยู่ข้างในหน้าต่าง พวกเขาก็คงถูกเว่ยจินหยวนทำให้ตกใจไปแล้ว

“จินหยวน เลิกเล่น! ถ้านายบังเอิญทำให้พนักงานของพวกเขาตกใจ พวกเขาก็จะโทษพวกเรา” หลีจิ่วพยายามรั้งเขาเอาไว้ แต่เว่ยจินหยวนไม่ตอบ เขาเอนตัวอยู่บนหน้าต่าง ร่างกายท่อนบนยื่นเข้าไปในห้อง เขาไม่ขยับเหมือนร่างกายถูกบางอย่างหรือบางคนจับเอาไว้

“เว่ยจินหยวน?” หลีจิ่ววิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปพร้อมขมวดคิ้ว เขาตบหลังเว่ยจินหยวนเบา ๆ “นายกำลังมองอะไรอยู่?”

“ชู่ เงียบหน่อย ฉันเห็นนักแสดงคนหนึ่งวิ่งหนีไปซ่อนเมื่อกี้นี้ ฉันคงจะทำให้เธอตกใจไปแล้ว” เว่ยจินหยวนตะโกนเข้าไปในห้องด้วยเสียงกระตือรือร้น “เธอออกมาได้แล้ว ฉันเห็นเธอแล้ว”

ตอนที่ชิโนซากิและผู้ช่วยสาวได้ยินอย่างนั้น พวกเขาก็วิ่งเข้าไปดูด้วย แต่ว่า ห้องนั้นว่างเหล่า ไม่มีใครอยู่ในนั้น

“แต่ว่านี่เป็นห้องเปล่านี่?” แขนของผู้ช่วยสาวมีขนลุกเป็นตุ่ม “คุณแน่ใจเหรอว่าไม่ได้ดูผิดไป?”

“มันแค่ดูเหมือนห้องเปล่า มีทางเดินลับซ่อนอยู่ในนี้– พวกมันเป็นเส้นทางให้พวกนักแสดงใช้ คนที่ฉันเห็นเมื่อกี้นี้ตอนนี้น่าจะหนีเข้าไปในทางเดินนั่นแล้ว กลัวเกินกว่าที่จะออกมา” เว่ยจินหยวนเกาคอและเดินหน้าต่อไป “มีวิธีการหลอกคนตั้งมากมาย มันง่ายมากถ้าคุณต้องการผ่านฉากนี้ ก็แค่อยู่ใกล้ ๆ พวกเราเอาไว้!”

เว่ยจินหยวนและหลีจิ่วเดินไปตามถนนแคบ ๆ และพวกเขาก็เอาแต่เกาคอ

“คุณชิโนซากิ ตามพวกเขาไปไหมคะ?” ผู้ช่วยสาวแนะนำ “มีคนอยู่เยอะ ๆ มันรู้สึกปลอดภัยกว่า”

ชิโนซากินพยักหน้าอย่างใจลอย และเขาก็เอาแต่มองไปที่คอของเว่ยจินหยวน “เสี่ยวเซี่ย ดูที่คอเขาสิ เธอเห็นปานนั่นไหม? มันดูเหมือนฝ่ามือคนเลย…”

“ปาน?” ผู้ช่วยสาวนั้นไม่ได้มีสายตาเฉียบคมนัก และเธอก็น้อยนักที่จะให้ความสนใจเรื่องแบบนั้น ”ฉันไม่แน่ใจค่ะ แต่ว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่น ดังนั้นคุณไม่ควรไปถามเขาเรื่องนี้นะคะ!”

“แน่นอนสิ เธอคิดว่าฉันดื้อเป็นเด็ก ๆ หรือไง?”

“ผู้ใหญ่ที่ไหนจะใช้นามปากกาแบบของคุณกัน*?” เธอพึมพำเบา ๆ ก่อนที่จะวิ่งตามเว่ยจินหยวนไป ทั้งกลุ่มเริ่มห่างออกจากกัน สามคนจากสถาบันฝันร้ายและโฮสต์เดินอยู่ข้างหน้า ชิโนซากิและผู้ช่วยสาวอยู่ตรงกลาง ขณะที่กลุ่มของหวังตั้นอยู่ด้านหลัง ผู้ชายในชุดคลุมยาวยืนอยู่คนเดียวตรงหน้าต่างเมื่อครู่นี้ เหมือนกำลังมองหาบางอย่าง

“ไปได้แล้ว” หวังตั้นเตือนเขาอย่างมีน้ำใจ ผู้ชายคนนั้นผลักเขาออกไปเหมือนคิดว่าหวังตั้นขวางทางอยู่

“ฉันไม่เข้าใจเลยว่าคนพวกนี้กำลังคิดอะไรอยู่” หวังตั้นสูดลมหายใจลึก ตอนที่เขามองผู้เข้าชมคนอื่นเดินห่างออกไป เขาก็กดความกระวนกระวายในใจแล้วเดินตามหลังพวกเขาไป

หลังจากกลุ่มของหวังตั้นไปรวมกับคนที่เหลือ เว่ยจินหยวนก็หยุด “บอสบอกคำใบ้สี่จุดให้พวกเราตามหาก่อนที่จะเข้ามาในฉาก คำใบ้แต่ละชิ้นนั้นบอกวิธีการหนีออกจากที่นี่ พวกเรามีกันสิบคน ไปกันเป็นกลุ่มน่ะเสียเวลาเปล่าและก็ไร้ประสิทธิภาพ ดังนั้นฉันแนะนำให้พวกเราแยกกันเป็นสองกลุ่มเพื่อสำรวจ พวกนายที่เหลือคิดว่ายังไง?”

 

 

TL note: *นามปากกาของชิโนซากิคือ ชิโนซากิไต้เสิน ไต้เสินมีความหมายประมาณเก่งเทพ ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ นามปากกานี้จึงหมายถึง ท่านเทพชิโนซากิ นั่นเอง