ตอนที่ 741 วางยาพิษอย่างโจ่งแจ้ง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ไม่มีทักษะวิญญาณที่งดงาม มู่เฉียนซีแค่แทงเข้าไปโดยตรง

แม้แต่ว่านอู่เทียนเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่ามู่เฉียนซีจะใช้กระบวนท่านี้ เขารีบหลบอย่างรวดเร็ว บนแขนปรากฏรอยกรีดเล็ก ๆ ขึ้น

เป็นเพียงแค่รอยแผลที่เล็กกว่ายุงกัดเสียอีก ไม่ได้ระแคะระคายแต่อย่างใด

ส่วนมู่เฉียนซี เมื่อทำสำเร็จแล้ว นางก็ได้รับการโจมตีกลับจากว่านอู๋เทียนอีกครั้ง

ตูม!

กระบวนท่านี้แข็งแกร่งกว่าเดิมมาก

ร่างของมู่เฉียนซีกระเด็นลอยไปติดขอบลานประลองจนเกือบจะร่วงลงไปจากลานประลอง

และที่มู่เฉียนซีไม่ได้ร่วงลงไปจากลานประลองก็เป็นเพราะว่าว่านอู๋เทียนขัดขวางเอาไว้

“ว่านอู๋เทียนช่วยมู่เฉียนซีเอาไว้!”

“เจ้าหมอนี่เป็นคนจิตใจอำมหิตลงมืออย่างโหดเหี้ยมมาโดยตลอด ตอนนี้ลงมือช่วยแม่นางน้อยผู้นี้เอาไว้ ต้องมีเจตนาร้ายเป็นแน่”

“……”

ว่านอู๋เทียนนั้นมีเจตนาร้าย ในเมื่อเขาฆ่ามู่เฉียนซีไม่ได้ เขาก็ต้องทำให้นางเป็นคนไร้ประโยชน์ หากปล่อยให้นางร่วงลงไปจากลานประลองเช่นนี้ นั่นคงเป็นปัญหาแน่

ตอนนี้มู่เฉียนซียกกระบี่มังกรเพลิงขึ้น คมกระบี่ก็สั่นขึ้นเล็กน้อย

ถึงแม้ไม่มีวิญญาณกระบี่อยู่ แต่มู่เฉียนซีก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของกระบี่มังกรเพลิง และคล้ายกับรับรู้ได้ถึงปฏิกิริยาตอบสนองบางอย่าง

นางได้ค่อย ๆ สูดดมกลิ่นอายของเลือดที่อยู่บนคมกระบี่นั้น แววตาก็ยิ่งลึกซึ้งขึ้น

ทุกคนต่างก็งุนงง “มู่เฉียนซีกำลังทำอะไร ?”

“มัวแต่จ้องมองกระบี่ที่เปื้อนเลือดนั้นอยู่ได้ มันมีอะไรให้น่ามองหนักหนา”

“ว่านอู๋เทียนจะเข้ามาฆ่าแล้ว รีบหลบเร็วเข้า!”

ปัง! ในขณะที่ว่านอู๋เทียนพุ่งเข้ามาโจมตีอีกครั้ง มู่เฉียนซีก็รีบหลบอย่างจนตรอก

แต่หลังจากที่นางได้หันหลังกลับมา พลังวิญญาณของนางก็โคจรขึ้น และได้ลงมือกวัดแกว่งกระบี่ลงมือฆ่าไปสามกระบวนท่าอย่างไร้ความปรานี

“มังกรเพลิงสังหาร!”

“มังกรเพลิง…”

“มังกร…”

สามกระบวนท่านี้คล้ายกับว่าลงมือไปในเวลาเดียวกัน มังกรเพลิงสามตัวพุ่งทะยานออกไป และได้ห้อมล้อมว่านอู๋เทียนไว้

ตูม ปัง ปัง!

แต่ถึงกระนั้น ว่านอู๋เทียนก็ยังคงต้านทานเอาไว้ได้

อาจารย์ใหญ่ซวนกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “สามกระบวนท่า ลงมือไปสามกระบวนท่าในคราเดียวเช่นนี้มันสิ้นเปลืองจนเกินไป นั่นก็หมายความว่า ยังเหลือสองครั้งสุดท้ายแล้วน่ะสิ!”

“หากกระบี่ของนางหักลง นางต้องพ่ายแพ้เป็นแน่ แย่แน่!” อาจารย์ใหญ่ซวนก็รับรู้ได้ว่าว่านอู๋เทียนนั้นมีเจตนาร้ายต่อมู่เฉียนซี

“ใช่!” ซวนอี้และผู้อาวุโสสูงสุดก็เห็นพ้องต้องกัน

จากนั้นทั้งสองก็ได้ปะทะกันอีกครั้ง และนั่นเป็นการต่อสู้ที่อันตรายถึงความตาย

กระบวนท่าสังหารที่ใช้ล้วนแต่เป็นกระบวนท่าที่ถึงแก่ความตายทั้งสิ้น การโจมตีนี้ไม่ใช่การประลองแลกเปลี่ยนประสบการณ์แล้ว ทว่า เป็นการต่อสู้แห่งความเป็นความตาย

จินซ่านซ่านยิ่งดูก็ยิ่งหวาดกลัวจนใจไม่เป็นสุข เขาตะโกนขึ้นว่า “พวกเจ้าหมดแรงกันแล้วหรือไง รีบตะโกนให้กำลังใจพี่ใหญ่เร็วเข้า พี่ใหญ่มู่ต้องชนะ!”

ถึงแม้ว่าสถานการณ์ตอนนี้จะเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด แต่จินซ่านซ่านก็ยังคงคิดว่าพี่ใหญ่มู่ของตนเองนั้นชนะแน่นอน

“มังกรเพลิงสังหาร!”

“มังกรเพลิงสังหาร!”

“มังกรเพลิงสังหาร!”

มู่เฉียนซีโจมตีไปด้วยสามกระบวนท่านี้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าจะเกินกว่าจำนวนเดิม แต่นั่นเป็นเพราะสามกระบวนท่านี้ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก นึกไม่ถึงว่าจะสำเร็จแล้ว

อาจารย์ใหญ่ซวนกล่าวขึ้นด้วยความตื่นเต้นว่า “สิบสามครั้ง! นึกไม่ถึงว่าจะเกินมาครั้งนึง หากได้มากกว่านี้ก็คงจะดี”

ทว่า นี่เป็นความหวังที่มากเกินไป!

ในขณะที่ว่านอู๋เทียนโดนกำลังถูกมังกรเพลิงทั้งสามตัวพัวพันอยู่นั้น กระบี่มังกรเพลิงในมือมู่เฉียนซีก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น

“แกร๊ง!”

ทุกคนต่างก็ตกใจนิ่งอึ้งไป “กระบี่ของมู่เฉียนซีหักแล้ว”

“มาหักเอาตอนนี้เนี่ยนะ แย่แล้ว!”

“สำนักศึกษาซวนเสียสมกับที่เป็นอันดับสุดท้ายจริง ๆ ถึงแม้ว่าจะโชคดีที่ปรากฏอัจฉริยะเช่นนี้ขึ้น แต่อาวุธวิญญาณที่ให้นักเรียนก็เป็นอาวุธธรรมดางั้น ๆ และนึกไม่ถึงว่าจะหักลงไปเช่นนี้”

อาจารย์ใหญ่ซวนรู้สึกโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก อยากจะตะโกนด่าจริง ๆ!

อาวุธวิญญาณธรรมดา งั้น ๆ อะไรกันล่ะ คมกระบี่ของกระบี่เล่มนี้เป็นคมกระบี่ของกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณ กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เชียวนะ ต่อให้เป็นดินแดนสี่ทิศก็ไม่มีกองกำลังใดที่สามารถเอาของล้ำค่าเช่นนี้ออกมาได้

พวกคนไร้ความรู้!

ส่วนอาจารย์ใหญ่เหลยตอนนี้ก็ตกใจนิ่งอึ้งไปเช่นกัน เขารู้ว่ากระบี่ของมู่เฉียนซีนั้นไม่ธรรมดา สามารถใช้กระบวนท่ากระบี่อันทรงพลังได้

แต่กลับคิดไม่ถึงว่ากระบี่เล่มนี้ใช้ได้ไม่ยั่งยืน นึกไม่ถึงว่าจะหักลงในขณะที่ต่อสู้อยู่เช่นนี้

เขากล่าวด้วยความกลัดกลุ้มใจว่า “ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ ก็คงจะมอบกระบี่ให้สาวน้อยไปสักเล่มแล้ว”

ต่อให้เป็นกระบี่หัก แต่นั่นก็สามารถทำให้คู่ต่อสู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนจะหักไป

ดูเหมือนว่ากระบี่มังกรเพลิงใช้ไปเช่นนี้ก็หักลง ทุกคนต่างก็คิดว่าเป็นเพราะคุณภาพของมันจึงได้หักลง ไม่มีผู้ใดคาดการณ์เป็นอย่างอื่นเลย

ร่างของว่านอู๋เทียนตอนนี้ถูกเผาจนเสื้อผ้าปรากฏรูหลายรู เขากล่าวเสียงขรึมว่า “มู่เฉียนซี กระบี่ของเจ้าก็หักแล้ว คราวนี้ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะขัดขืนความตายเช่นไร!”

กระบี่มังกรเพลิงกับพลังระดับห้าตอนนี้ของมู่เฉียนซี ทำให้นางต่อสู้ข้ามระดับถึงระดับแปดระดับเก้านั้นไม่มีปัญหา ว่านอู๋เทียนใช้ความเร็วหลบหลีก และกระบี่มังกรเพลิงก็ได้สร้างความลำบากที่แตกต่างกันให้กับว่านอู๋เทียน

ในที่สุดตอนนี้ก็ไม่ต้องเผชิญหน้ากับกระบวนท่ากระบี่พลังธาตุอัคคีนั้นแล้ว ว่านอู๋เทียนคิดว่าการจัดการกับมู่เฉียนซีนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดาย

ร่างชุดดำเคลื่อนไหวไป ตอนนี้ด้วยความเร็วอันน่าทึ่งของเขาได้เข้าไปใกล้มู่เฉียนซีแล้ว

มู่เฉียนซีเคลื่อนไหวหลบอย่างรวดเร็ว ตูม!

พวกเขาปะทะกันอีกครั้ง ในขณะที่ปะทะกันนั้นร่างของทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก

เพล้ง! และในตอนนี้เอง มู่เฉียนซีได้ทุบขวดผลึกใสขวดหนึ่ง

หมอกสีขาวขุ่นได้ตลบไปทั่วทั้งลานประลอง

ปัง! ในตอนนี้อาจารย์ใหญ่แห่งสำนักศึกษาหมอเทวดาได้ทุบโต๊ะด้วยความไม่พอใจ “อาจารย์ใหญ่เหลย มู่เฉียนซีวางยาพิษ”

อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าว “จะใช่พิษหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่อาจสรุปได้ หรือว่า อาจารย์ใหญ่ไป๋จะไปลองดูที่ลานประลอง ว่าตกลงแล้วมันคือพิษหรือไม่”

ตอนนี้มู่เฉียนซีเดินออกมาจากกลุ่มหมอกควันนั้น นางกล่าว “ใช่ ข้าวางยาพิษ วางยาพิษอย่างโจ่งแจ้ง”

ในการประลอง แน่นอนว่านางมีวิธีวางยาพิษโดยไม่ให้ผู้ใดรู้และทำให้ผู้อื่นจับไม่ได้ แต่ตอนนี้วางยาพิษอย่างโจ่งแจ้งก็ไม่เป็นไร

อาจารย์ใหญ่ไป๋กล่าว “อาจารย์ใหญ่เหลย จะต้องยกเลิกการแข่งขันของมู่เฉียนซีครั้งนี้ และคะแนนการแข่งขันของสำนักศึกษาซวนเสียครั้งนี้ นับจากนี้ต่อไปสำนักศึกษาซวนเสียไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันใหญ่ร้อยสำนักอีก”

อาจารย์ใหญ่เหลยขมวดคิ้วพลางกล่าว “นี่ตกลงว่าข้าหรืออาจารย์ใหญ่ไป๋กันแน่ที่เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันในครั้งนี้”

อาจารย์ใหญ่ไป๋รีบหุบปากลงทันใด ทุกคนก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะแม้กระทั่งสำนักศึกษากุ่ยหยู้ตอนนี้ยังไม่ได้เอ่ยปากกล่าวสิ่งใดเลย!

สำนักศึกษาหมอเทวดาจะเดือดเนื้อร้อนใจไปเพราะเหตุใด ว่านอู๋เทียนก็ไม่ใช่นักเรียนสำนักศึกษาของพวกเขาสักหน่อย ต่อให้ชนะ สำนักศึกษาของพวกเขาก็ไม่ได้ประโยชน์อันใด

ในตอนนี้ควันสีขาวขุ่นก็ได้จางหายไปแล้ว พวกเขามองไปที่คนผู้นั้นที่ยืนหน้าขรึมอยู่บนลานประลอง

ทุกคนต่างก็ตกอยู่ในความโกลาหล “คนผู้นี้เป็นใครกัน ?”

“ว่านอู๋เทียนไปไหนแล้วล่ะ นี่มู่เฉียนซีเล่นตลกอะไรกับพวกเรา”

“ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก ควันสีขาวนั่นทำให้ว่านอู๋เทียนเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่ง”

คนตรงหน้าผู้นี้ไม่ใช่ว่านอู๋เทียนจริง ๆ รูปร่างหน้าตาของว่านอู๋เทียนนั้นดูธรรมดา และดูเหมือนจะมีอายุยี่สิบสามสิบปี

ทว่า คนผู้นี้ รูปร่างหน้าตานับว่าไม่เลวเลย และดูเหมือนจะมีอายุสามสิบกว่าปีก็มิปาน

และแน่นอนว่ามีคนที่มั่นใจในตัวเองได้พบถึงความผิดปกติเข้าแล้ว “แต่เสื้อผ้าบนร่างกายนั่นเป็นของว่านอู๋เทียนหนิ!”

“เสื้อผ้าที่เป็นรูปรอยไหม้นั่น เป็นการโจมตีของมู่เฉียนซีไม่ใช่เหรอ ?”

“……”

พวกเขาเข้าใจในทันทีว่าว่านอู๋เทียนผู้นี้เกรงว่าจะไม่ใช่ว่านอู๋เทียน

มู่เฉียนซีกล่าว “ที่ข้าทำผิดกฎวางยาพิษลงไป ก็เป็นเพราะว่าข้ารู้ว่ามีคนทำผิดกฎอย่างน่ารังเกียจ คนผู้นั้นก็คือว่านอู๋เทียนที่ยืนอยู่บนลานประลองผู้นี้”