ตอนที่ 742 ลอบโจมตีไม่สำเร็จ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

สถานการณ์เช่นนี้เลวร้ายเป็นอย่างมากแน่นอน

กลับมีผู้ปลอมตัวแฝงเข้ามาเข้าร่วมการแข่งกันใหญ่ร้อยสำนัก และยังได้ทำให้อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งทวีปเหลยโจวพิการอีก โทษนี้มิอาจจะละเว้นไปได้

เมื่อได้ยินคำพูดของทุกคน ว่านอู๋เทียนได้เอามือคลำใบหน้าของตนเอง และมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างอับอาย เขากัดฟันแล้วกล่าวขึ้น “มู่เฉียนซี”

มู่เฉียนซีกล่าว “คนผู้นี้ได้ใช้ยาเปลี่ยนแปลงโฉมหน้า เช่นนั้นแล้วข้าจึงจำต้องใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่งโดยการใช้พิษเพื่อให้เขาปรากฏร่างที่แท้จริงออกมา ต่อจากนี้จะจัดการกับเขาเช่นไร ก็ต้องดูที่อาจารย์ใหญ่เหลยแล้ว”

“พวกเจ้าสำนักศึกษากุ่ยหยู้ (ปีศาจในตำนาน) จะมากเกินไปแล้ว นับแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมการแข่งขันใหญ่ร้อยสำนักอีกแล้ว และพวกเจ้าจะถูกลบชื่อออกจากสำนักนิกายระดับสอง”

ถ้าหากว่าเพียงแค่แปลงโฉมสลับตัวกันแค่เท่านั้นก็ยังไม่เป็นไรมากนัก

แต่ว่านอู๋เทียนยังได้ทำให้เหลยหมิงพิการอีก อาจารย์ใหญ่เหลยเองก็คอยปกป้องเหลยหมิงมาตลอด เช่นนี้แล้วจะให้เจ้าหมอนั่นรอดไปอย่างสบาย ๆ ได้อย่างไร

มู่เฉียนซีกล่าว “ยาเช่นนี้ มิใช่สิ่งที่สำนักศึกษากุ่ยหยู้จะสามารถหามาได้อย่างง่ายดาย ข้าคิดว่าอาจารย์ใหญ่เหลยควรที่จะพูดคุยกับทุกคนจากสำนักศึกษากุ่ยหยู้ให้ดี ๆ รวมถึงตัวของว่านอู๋เทียนด้วย”

“ผู้ที่คอยบงการอยู่ที่หลังม่านนั่น ข้าจะต้องสืบหาออกมาให้ได้” อาจารย์ใหญ่เหลยมองไปทางพวกสำนักศึกษาหมอเทวดาด้วยสายตาอันโหดเหี้ยม

ในตอนนี้ ที่กลางฝ่ามือของอาจารย์ใหญ่ไป๋กำลังท่วมไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกมา เขานั้นรู้ดีว่าอาจารย์ใหญ่เหลยเป็นพวกที่ปกป้องลูกศิษย์อย่างบ้าคลั่งสุดขีด มาตอนนี้ศิษย์รักของเขาได้ถูกทำให้พิการไป ถ้าหากว่าสืบหาความจริงออกมาได้แล้ว ไม่ว่าเรื่องเช่นไรเขาก็สามารถที่จะทำออกมาได้ทั้งสิ้น

บัดซบ! เดิมทีนั้นจะลงมือกับมู่เฉียนซี แต่กลับสร้างปัญหาใหม่ขึ้นบนพื้นฐานปัญหาเดิมด้วยการไปทำให้เหลยหมิงพิการ คราวนี้คงจัดการได้ไม่ง่ายแล้ว

“มู่เฉียนซีเจ้าไปตายเสีย!” ใบหน้าของว่านอู๋เทียนเปลี่ยนเป็นโหดร้ายขึ้นมา และพุ่งฆ่าฟันไปทางมู่เฉียนซี

ถึงแม้ว่าจะถูกกระชากความจริงออกมาว่าเป็นตัวปลอม แต่เขาก็ยังคงต้องการทำภารกิจให้สำเร็จดังเดิม

แน่นอนว่าอาจารย์ใหญ่เหลยจะไม่ยอมให้เจ้าหมอนี่ทำสำเร็จ เข้าได้พุ่งเข้าไปลงมือกับว่านอู๋เทียนในทันที!

เปรี้ยง! สายฟ้าที่ทรงพลังสายหนึ่งได้ฟาดลงไปบนตัวของว่านอู๋เทียน

ปัง! ว่านอู๋เทียนกระเด็นลอยออกไป

อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าว “ปลอมตัวเป็นผู้อื่นมาเข้าร่วมการแข่งขันใหญ่ร้อยสำนัก ทำให้ศิษย์ของข้าบาดเจ็บหนักยังมิว่า แต่เจ้ากลับยังจะลงมือทำให้สาวน้อยถึงแก่ความตาย จงตามข้าไปอยู่ที่คุกใต้ดินแต่โดยดี!”

ถึงแม้ว่าเจ้าหมอนี่จะไม่ใช่คนของสำนักศึกษาอันดับหนึ่งแห่งทวีปเหลยโจว แต่ที่แห่งนี้คือทวีปเหลยโจว เรื่องศักดิ์ศรีของสำนักศึกษาอันดับหนึ่งแห่งทวีปเหลยโจวนั้น จะไม่ยอมให้ผู้อื่นมาท้าทายอย่างแน่นอน

ขณะที่อาจารย์ใหญ่เหลยกำลังพุ่งไปทางว่านอู๋เทียนอีกนั้น ว่านอู๋เทียนก็ได้จ้องมองมู่เฉียนซีอย่างชั่วร้าย และสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สีดำตัวหนึ่งที่มีขนาดเท่าแขนก็ได้พุ่งไปทางมู่เฉียนซี

และมันยังเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามอีกด้วย!

“สาวน้อย ระวัง!” ในตอนนี้อาจารย์ใหญ่เหลยไม่คิดที่จะสนใจตัวว่านอู๋เทียนแล้ว เขาอยากที่จะช่วยมู่เฉียนซี

แต่ในตอนนี้เองว่านอู๋เทียนได้พัวพันรั้งตัวอาจารย์ใหญ่เหลยไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย!

ด้วยความรวดเร็วของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นั้น แม้ผู้อื่นจะพุ่งเข้าไปแต่ก็ไม่ทันเลยแม้แต่น้อย

ในตอนนี้เองเสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “เสี่ยวหง ออกมา!”

เปลวเพลิงสีแดงเข้มแผ่กระจายไปทั่วลานประลอง แรงกดดันของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามทำให้อสรพิษสีดำตัวนั้นตัวสั่นในทันใด

หมูตัวน้อยสีแดงเหมือนเปลวเพลิงตัวหนึ่งได้พุ่งเข้าไปในทันที กีบหมูข้างหนึ่งได้ไปเหยียบอสรพิษสีดำตัวนั้นเอาไว้

ถึงแม้ว่าจะอยู่ระดับเดียวกัน แต่เสี่ยวหงกลับแข็งแกร่งกว่าอสรพิษตัวนี้มากนัก

ตุบ ตุบ ตุบ! เสี่ยวหงใช้กีบเท้าของมันกระทืบลงไปที่อสรพิษตัวนั้น

“เจ้านี่ช่างไม่รู้จักอะไรควรมิควรเสียจริง กลับกล้าที่จะทำร้ายเจ้านายของข้า เจ้ารนหาที่ตายเสียจริง! รนหาที่ตาย! รนหาที่ตาย!”

พวกเขานั้นมองดูเสี่ยวหงที่เป็นหมูตัวน้อยน่ารักได้ทรมานอสรพิษสีดำที่ดุร้ายนั่นเสียจนไม่เหลือสภาพความเป็นอสรพิษ

ทุกคนต่างกล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง “สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม มู่เฉียนซีมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับที่สาม!”

“อีกทั้งยังเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ร้ายกาจเป็นอย่างมากอีกด้วย ว่านอู๋เทียนกลับกล้าปล่อยสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ออกมาเพื่อที่จะลอบทำร้ายมู่เฉียนซี ช่างน่าขันให้ตายยิ่งนัก”

“คิดที่จะเอาเปรียบผู้อื่นแต่ผลกลับเป็นตนที่เสียเปรียบและยังต้องเสียสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามไปอีกตัวหนึ่ง”

ดวงตาของจินซ่านซ่านส่องประกายออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า! ไม่เสียทีที่เป็นหัวหน้าของข้า ช่างน่าเกรงขามเสียจริง! นางได้ทำพันธสัญญากับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม”

พรวด! ในตอนนี้ว่านอู๋เทียนที่ถูกอาจารย์ใหญ่ซวนทำให้ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักได้กระอักเลือดออกมาคำใหญ่ และเมื่อรู้สึกว่าสายสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับสัตว์พันธสัญญาได้ตัดขาดออกจากกันเขาก็ได้เริ่มกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง

“เจ้า…มู่เฉียนซี เจ้ากลับกล้าฆ่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทำพันธสัญญาของข้า!”

มู่เฉียนซีมองเขาอย่างเย็นชา “ข้ากล้าฆ่าแม้กระทั่งเจ้า แล้วนับประสาอะไรกับสัตว์พันธสัญญา!”

มู่เฉียนซีค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ขึ้นอย่างช้า ๆ จิตสังหารที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นจากตัวนางนั้นทำให้ว่านอู๋เทียนรู้สึกหวาดกลัวเข้าแล้ว

“เจ้า…เจ้าฆ่าข้าไม่ได้ ข้านั้นเป็น…”

มู่เฉียนซีถามขึ้น “เป็นอะไร? หรือว่าเบื้องหลังเจ้ายังมีกองกำลังขั้นสำนักนิกายระดับสองที่แข็งแกร่งกว่าสำนักศึกษาอันดับหนึ่งแห่งทวีปเหลยโจวคอยให้การสนับสนุนอยู่ ?”

“เจ้า…เจ้าแข็งแกร่งกว่าข้า!” ว่านอู๋เทียนกัดฟันกล่าวออกมา

อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าวขึ้น “ขอเชิญท่านที่เหลือจากสำนักศึกษากุ่ยหยู้ออกไปก่อน ประเดี๋ยวข้าจะขอพูดคุยกับเขาเสียหน่อย!”

คนของสำนักศึกษากุ่ยหยู้มิได้ต่อต้านแต่อย่างใด และอาจารย์ใหญ่ซวนได้ลงมือทำให้ว่านอู๋เทียนพิการเสียสิ้น

ถูกบุคคลระดับมหาจักรพรรดิแห่งภูตผู้หนึ่งลงมืออย่างหนักและทำให้กลายเป็นผู้พิการ หากไม่มีสมุนไพรวิญญาณระดับสวรรค์แล้ว แม้แต่มู่เฉียนซีก็ยังยากที่จะประกันได้ว่าจะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บเช่นนั้นได้

แน่นอนว่านางหวังจะให้ว่านอู๋เทียนรีบตายแล้วรีบไปเกิดใหม่ เพราะไม่สามารถที่จะรักษาเขาได้เลย

เหล่าผู้คนต่างเริ่มซุบซิบกัน อาจารย์ใหญ่ซวนนั้นขึ้นชื่อในเรื่องของการปกป้องศิษย์แบบสุดโต่งอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ

อาจารย์ใหญ่ไป๋กล่าว “อาจารย์ใหญ่เหลย ลงมืออย่างหนักหน่วงต่อชายหนุ่มผู้หนึ่งเช่นนี้ ท่านตัดใจทำลงไปได้เช่นไร?”

อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าวสวน “ศิษย์รักของข้าอายุน้อยกว่าเจ้าตัวปลอมนี่เสียอีก! ทำไมมันถึงใจร้ายทำได้ลง?”

นี่เป็นการที่เขาต้องการจะแก้แค้น ลองกล่าวมากความกว่านี้ดูอีกสักประโยคหนึ่งดูสิ?

ในตอนนี้อาจารย์ใหญ่เหลยได้สงบอารมณ์ลงมาแล้วจึงกล่าวขึ้น “การแข่งขันใหญ่ร้อยสำนักในครั้งนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเป็นความประมาทเลินเล่อของข้า ผลของการแข่งขันคือ สำนักศึกษากุ่ยหยู้ตกรอบ ส่วนมู่เฉียนซีนั้นมีความดีความชอบในการเปิดเผยความจริง ถึงแม้ว่าจะใช้พิษก็ตาม แต่ด้วยฝ่ายตรงข้ามเริ่มการใช้พิษก่อน จึงถือว่าไม่เป็นการผิดกฎ”

“สำหรับการตัดสินในครั้งนี้ มีผู้ใดคัดค้านหรือไม่ ?”

อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าวมีเหตุผล และเหตุผลนั้นก็แข็งแรงเป็นอย่างมากเสียด้วย ผู้ที่อยู่ในสถานที่นั้นยังจะมีผู้ใดกล้าคัดค้าน ?”

“ต่อจากนี้ไปเป็นการประกาศผลคะแนนของรอบที่สาม”

มู่เฉียนซีได้อันดับหนึ่ง ส่วนซวนอี้เองก็อยู่ในสิบอันดับแรก นอกจากสองรอบแรกแล้ว ในรอบที่สามนี้สำนักศึกษาซวนเสียนั้นก็เป็นสำนักที่แข็งแกร่งที่สุด

แต่ผลรวมของคะแนนทั้งหมดนั้นยิ่งเกินจริงไปกว่าเดิมอีก คะแนนภาพรวมของมู่เฉียนซีได้ที่หนึ่ง คะแนนภาพรวมของซวนอี้ก็ได้ที่หนึ่งเช่นกัน และสำนักศึกษาซวนเสียก็ได้คะแนนในภาพรวมเป็นอันดับหนึ่งในการแข่งขันใหญ่ร้อยสำนักในครั้งนี้

เมื่อตอนขึ้นไปรับรางวัล อาจารย์ใหญ่ซวนก็ยิ้มหน้าบานขึ้นมา

ก่อนหน้านี้ทุกครั้งล้วนแต่เห็นผู้อื่นได้ขึ้นไปยืนบนนั้น ส่วนสำนักศึกษาซวนเสียของพวกเขาถูกผู้อื่นกล่าวเสียดสีและดูถูก

ให้คนทั้งแดนใต้ได้รู้ว่า พวกเขาสำนักศึกษาซวนเสียถึงแม้ว่าจะอยู่ในทวีปเสียโจวที่กันดาร แต่ก็ไม่เคยละทิ้งความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนให้แข็งแกร่งขึ้นเลย

ไม่ว่าผลคะแนนเมื่อก่อนหน้านี้จะเป็นเช่นไร ไม่ว่าทรัพยากรของพวกเขาชาวเสียโจวจะขาดแคลนขนาดไหน พวกเขาสำนักซวนเสียจะไม่ยอมถูกผู้อื่นดูถูกอย่างแน่นอน

เขานั้นได้ชุบเลี้ยงซวนอี้ด้วยหัวใจดวงหนึ่ง แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าสวรรค์จะส่งของขวัญล้ำค่าอีกอย่างหนึ่งมาให้เขา นั่นคือมู่เฉียนซี

นางทำให้สำนักศึกษาซวนเสียเปล่งประกายมากขึ้น ทำให้สำนักศึกษาซวนเสียได้รับเกียรติอันสูงสุดในการแข่งขันใหญ่ร้อยสำนัก

หลังจากการรับมอบรางวัลได้จบลงทุกคนก็ต่างได้แยกย้ายกันไป แต่เพราะมู่เฉียนซีมีธุระบางอย่างจึงได้อยู่ต่อ มู่เฉียนซีได้ไปหาอาจารย์ใหญ่ซวน “อาจารย์ใหญ่ซวน เกิดปัญหาอันใดขึ้นหรือไม่?”