“สำนักศึกษากุ่ยหยู้ยอมรับว่าพวกเขานั้นอยากมีหน้ามีตาขึ้นมา จึงได้ให้นักศึกษาที่ได้จบการศึกษาไปแล้วอีกทั้งยังมีอายุเกินกว่ากำหนดของการแข่งขันใหญ่ร้อยสำนักมาปลอมตัวแฝงเข้าไปแข่งขัน” อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าว

“เจ้าคนพวกนี้เห็นว่าข้าเป็นตาแก่โง่เง่าหรือยังไง ? คิดจริง ๆ เหรอว่าข้าจะเชื่อ ? เพียงเพราะแค่ต้องการได้ออกหน้าออกตา พวกเขาไม่กล้าที่จะทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้อย่างแน่นอน”

อาจารย์ใหญ่เหลยโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก ถึงแม้รู้ว่าความจริงเป็นเช่นนั้นแต่กลับไม่มีหลักฐานอันใด

มู่เฉียนซีถามขึ้น “อาจารย์ใหญ่เหลย ให้ข้าลองไปถามดูไหม?”

“ได้!”

“ว่านอู๋เทียน!” ในตอนนี้ว่านอู๋เทียนได้ถูกขังอยู่ที่คุกใต้ดินแห่งหนึ่งในเมืองจิ่วเหลย

“มู่เฉียนซี!” ถึงแม้ว่าว่านอู๋เทียนในตอนนี้จะถูกกักขังอยู่ แต่สายตาที่เขามองไปยังมู่เฉียนซีนั้นก็ยังคงเผยแววของความโหดร้ายออกมา

“พวกหุบเขาหมอเทวดาส่งเจ้ามาใช่ไหม! ไม่กล้าที่จะฆ่าข้าโดยตรง แม้แต่ความกล้าในการลอบฆ่าก็ยังไม่มี เช่นนั้นจึงได้ส่งคนมาในการแข่งขันครั้งนี้เพื่อทำทีว่าพลั้งพลาดฆ่าข้า” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงอันเบาบาง

ทั่วทั้งแดนใต้นี้ ผู้ที่มีความแค้นอย่างฝังลึกกับนางและยังมีความสามารถเช่นนี้ มีเพียงแต่หุบเขาหมอเทวดาเท่านั้น

อาจารย์ใหญ่เหลยที่คอยฟังอยู่ด้านข้างนั้นก็ตกตะลึงถึงขีดสุด “หุบเขาหมอเทวดา”

ดวงตาของว่านอู๋เทียนทอประกายออกมา เขากล่าว “มู่เฉียนซี ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้ากำลังพูดอะไร?”

“เจ้าเข้าใจแน่ หากไม่เข้าใจแล้วละก็ ทำไมถึงต้องคิดที่จะทำให้ข้าถึงแก่ความตายด้วยเล่า?”

“บนโลกแห่งนี้มีผู้คนมากมายเหลือเกินที่อยากให้เจ้าตาย” ว่านอู๋เทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ดูเหมือนว่า หากไม่ให้เจ้าได้เจอดีสักหน่อย เจ้าคงจะไม่ยอมพูดความจริงออกมาเสียแล้ว” มุมปากของมู่เฉียนซีเริ่มยกขึ้นเบาๆ

ว่านอู๋เทียนร้องตะโกนเป็นการใหญ่ “เจ้าจะทำเช่นนี้มิได้ ข้านั้นเป็นแค่ผู้ที่ทำผิดกฎในการแข่งขันใหญ่ร้อยสำนักเท่านั้น เจ้าไม่สามารถที่จะลงโทษทรมานข้าเป็นการส่วนตัวได้”

“เจ้าเฒ่าหุบเขาหมอเทวดานั่นส่งเจ้ามา เจ้าเองก็รู้ว่าข้าไม่เห็นกลเม็ดเล็กน้อยในการใช้พิษของเขาอยู่ในสายตา เช่นนั้นหากข้าวางยาพิษเพียงเล็กน้อยก็คงจะไม่ทำให้ใครล่วงรู้เข้าได้”

“เจ้า…”

มู่เฉียนซียกมือขึ้นมา จากนั้นเข็มยาเข็มหนึ่งก็ได้บินออกไป

ว่านอู๋เทียนในตอนนี้ได้ถูกอาจารย์ใหญ่เหลยทำให้พิการไปเรียบร้อยแล้ว ถึงต่อให้เขาอยากที่จะหลบหลีก ก็ไม่สามารถหลบหลีกไปได้!

ฉึก!

เข็มสะกดจิตได้แทงเข้าไป

อาจารย์ใหญ่เหลยถามขึ้น “สาวน้อย นี่จะได้ผลหรือ? เจ้าหมอนี่ปากแข็งเป็นอย่างมาก”

มู่เฉียนซีกล่าว “แน่นอนว่าได้ผล!”

ไม่นานนักสายตาของว่านอู๋เทียนก็ได้เปลี่ยนเป็นล่องลอยเฉื่อยชาขึ้นมา มู่เฉียนซีถามขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “ใครที่ใช้ให้เจ้ามาฆ่าข้าในการแข่งขันใหญ่ร้อยสำนัก?”

“ท่านผู้เฒ่าให้ข้ามาฆ่าเจ้า เจ้ามิเพียงแต่ได้คร่าชีวิตยอดฝีมือแห่งหุบเขาหมอเทวดาของพวกเราไปถึงหนึ่งในสามส่วนเท่านั้น ซ้ำยังทำให้หุบเขาหมอเทวดาของเราได้รับความเสียหายอย่างหนักจนอ่อนเปลี้ยมาจนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าตัวเจ้าจะมียอดฝีมือทั้งสองคอยปกป้องอยู่ แต่พวกเราก็จะไม่ปล่อยให้เจ้าอยู่บนโลกนี้อย่างมีความสุขต่อไปอย่างแน่นอน”

“โอ้! งั้นบอกแผนของพวกเจ้าออกมาเสียหน่อย”

“……”

“ถ้าหากว่าข้าไม่ได้เข้ามาถึงสิบอันดับแรก และไม่ได้เข้ารอบการแข่งขันในรอบที่สาม พวกเจ้าจะตัดสินใจทำเช่นไรเล่า?” มู่เฉียนซีถามขึ้นต่อเนื่อง

“ด้วยความสามารถของเจ้า คงจะไม่ยอมให้ตนเองนั้นพ่ายแพ้ให้แก่ผู้อื่น ถึงต่อให้พ่ายแพ้ พวกเราหุบเขาหมอเทวดาก็ยังมีแผนการขั้นต่อไป…”

“แผนการขั้นต่อไปของหุบเขาหมอเทวดาคืออะไร?”

“ข้าก็ไม่รู้แน่ชัดเหมือนกัน ท่านผู้เฒ่ามิได้บอกกับข้า”

นางยังไม่ตาย หุบเขาหมอเทวดาจะไม่เลิกลาเป็นแน่ นางนั้นรู้ดีเป็นอย่างมาก

และในทางเดียวกัน หากหุบเขาหมอเทวดายังไม่ดับสิ้น นางก็จะไม่รามือเช่นกัน

มู่เฉียนซีกล่าว “สิ่งที่ควรถามก็ได้ถามไปสิ้นแล้ว ต่อไปนี้ท่านอาจารย์ใหญ่ก็ทำตามกฎของท่านไป!”

อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าว “สาวน้อย ถึงแม้ว่าเขาถูกทำให้พิการสิ้นพลังความสามารถ แต่คนผู้นี้มีจิตใจที่โหดร้ายนัก มันคิดแต่จะฆ่าเจ้าอยู่อย่างเดียว เกรงว่ามันจะไม่เป็นผลดีต่อเจ้า”

มู่เฉียนซีหันหลับไปตอบ “เพื่อที่จะไม่สร้างปัญหาวุ่นวายให้แก่ท่านอาจารย์ใหญ่เหลย รอจนกระทั่งเขากลับไปถึงถิ่นที่ของตนเองเขาก็จะกลายเป็นคนบ้าไป คนบ้าคนหนึ่งที่ถูกทำลายพลังความสามารถไปแล้ว เช่นนั้นก็คงไม่มีความจำเป็นอะไรจะต้องไปหวั่นกลัว”

อาจารย์ใหญ่เหลยยิ้มขึ้นมา “ดูเหมือนว่าข้าจะกังวลมากเกินไปหน่อย สาวน้อยเจ้านั้นคิดอ่านได้รอบคอบกว่าข้ามากนัก”

หลังจากสำนักศึกษากุ่ยหยู้ถูกสอบสวนและชดใช้ค่าเสียหายแล้ว พวกเขาก็ได้ถูกปล่อยตัว แม้กระทั่งว่านอู๋เทียนเองก็ถูกปล่อยตัวด้วยเช่นกัน นี่จึงทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจมาก

แต่นับแต่วันนี้ไป สำนักศึกษากุ่ยหยู้จะถูกปราบปรามอย่างหนัก ความเป็นสำนักนิกายระดับสองนั้นมิอาจจะรักษาเอาไว้ได้เสียแล้ว เพราะได้ถูกสำนักศึกษาอันดับหนึ่งแห่งทวีปเหลยโจวจดจำเอาไว้เป็นแม่นมั่น หรือแม้แต่ความเป็นสำนักนิกายระดับหนึ่งก็อย่าได้หมายใจว่าจะคงรักษาเอาไว้ได้

ในตอนนี้อาจารย์ใหญ่เหลยกำลังพูดคุยอยู่กับมู่เฉียนซี “ข้านั้นมองออกตั้งแต่แรกแล้วว่าเจ้านั้นมิใช่ผู้ที่ไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน แต่ว่าสิ่งที่ว่านอู๋เทียนกล่าวมานั้นทำให้ข้าตกใจ แม้แต่หุบเขาหมอเทวดาก็ยังโดนเล่นงานเสียจนแย่”

มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “ข้าที่เป็นเพียงจักรพรรดิแห่งภูตผู้หนึ่งจะไปมีพลังความสามารถเช่นนั้นได้อย่างไร เพียงแต่ว่ามิตรสหายของข้าทั้งสองคนนั้นมีพลังความสามารถที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากก็เท่านั้น ข้าก็เป็นแค่เพียงสุนัขจิ้งจอกที่ยืมบารมีพยัคฆ์ไปมอบบทเรียนที่เจ็บปวดให้แก่หุบเขาหมอเทวดา แต่ว่าเมื่อถึงเวลานั้นข้าจะต้องลงมือจัดการด้วยตัวเอง”

อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าวถามขึ้น “แก้แค้น ? เจ้าวางแผนที่จะแก้แค้นเช่นไร ?””

นัยน์ตาของมู่เฉียนซีได้ส่องประกายอันเย็นวาบออกมาแล้วกล่าว “แน่นอนว่าจะต้องให้หุบเขาหมอเทวดาหายไปจากทั้งสี่ทิศของโลกนี้”

อาจารย์ใหญ่เหลยพลันตะลึงงัน แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่กล้าที่จะกล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมา

แต่เด็กสาวผู้ที่อายุเพียงสิบหกปีผู้นี้ ระดับพลังความสามารถเองก็เพิ่งจะเป็นจักรพรรดิแห่งภูตระดับที่สอง แต่กลับมีความตั้งใจเช่นนี้

อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าว “เช่นนั้นจงว่ามา ว่าต่อจากนี้ไปเจ้าต้องการเงื่อนไขอะไรกับข้า!”

เขานั้นไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมากกับการที่หุบเขาหมอเทวดาเสแสร้งทำตัวเป็นคนดี แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีการขัดแย้งกันทางผลประโยชน์เลยก็ตาม

เดิมทีเขาเองก็ไม่ได้อยากที่จะเป็นศัตรูกับพวกนักปรุงยาเหล่านั้นจริง ๆ แต่เขานั้นก็มิอาจที่จะละทิ้งคำมั่นสัญญาได้

และอีกอย่างหนึ่ง การที่หุบเขาหมอเทวดาออกเขี้ยวเล็บในครั้งนี้ ได้ลงมืออย่างหนักหน่วงและทำให้ศิษย์รักของเขาต้องพิการ ความแค้นนี้เขาเองก็อยากชำระเป็นอย่างมาก

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าบอกไปแล้ว ว่ารอให้เหลยหมิงนั้นหายเป็นปกติดีเสียก่อน ข้าค่อยกล่าวมันออกมา”

“ได้!” อาจารย์ใหญ่เหลยตอบกลับ เขาเองก็มิใช่คนที่ใจร้อนเช่นนั้น ให้นางไปคิดให้ดีเสียก่อน

“ฮือ ฮือ ฮือ! หัวหน้า ข้าจะไปแล้ว” สำนักศึกษาต่าง ๆ ได้ทยอยกันจากเมืองจิ่วเหลยไป ส่วนจินซ่านซ่านนั้นยังไม่ได้จากไป เพราะจะอยู่เพื่อเจอหน้ามู่เฉียนซีอีกสักครั้ง

เขามองไปที่มู่เฉียนซีด้วยดวงตาทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยน้ำตา มู่เฉียนซีก็ได้กล่าวขึ้นว่า “ตามข้ามา!”

“ได้!” เขาพยักหน้าเหมือนกับลูกไก่ที่จิกข้าวเปลือกกิน

“เรื่องที่รับปากข้าเอาไว้ ไม่ได้ลืม?”

“หัวหน้า มีเรื่องอะไรที่จะสั่งข้าก็พูดมาได้เลย” จินซ่านซ่านกล่าว

“ที่ทวีปอวี้โจวของพวกเจ้าในตอนนี้ได้มีหอยาเปิดขึ้นแห่งหนึ่ง หอหมอปีศาจ นั่นคือกิจการของข้า”

จินซ่านซ่านกล่าว “ได้! ต่อจากนี้ไปข้าจะไปอุดหนุนทุกวัน ไปเหมาทุกวี่วัน…”

จินซ่านซ่านยังไม่ทันได้กล่าวจบ มู่เฉียนซีก็ได้กล่าวขัดขึ้น “เจ้าหยุดก่อน! สิ่งที่ข้าต้องการไม่ใช่แบบนี้”

จินซ่านซ่านก้มหน้าลงกล่าว “โอ้! เชิญหัวหน้าพูดต่อ”

“ข้ายังไม่สามารถหาผู้ช่วยดูแลในทวีปอวี้โจวได้ จากนี้ไปหอหมอปีศาจที่ทวีปอวี้โจวนั้นมอบให้เจ้าดูแล ภายในครึ่งปีจะต้องทำให้มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งทวีปอวี้โจว จากนั้นทำให้ร้านโอสถของหุบเขาหมอเทวดาทั้งหมดไม่สามารถที่จะทำการค้าขายอะไรได้”

ในตอนนี้นางยังไม่มีพลังความสามารถที่มากเพียงพอจะบุกเข้าไปลุยในหุบเขาหมอเทวดาของพวกเขาได้ ดังนั้นจึงได้เริ่มลงมือจากภายนอกเสียก่อน เริ่มจากการลิดรอนแหล่งทำเงินของพวกเขาก่อนแล้วอย่างอื่นค่อยว่ากัน

จินซ่านซ่านกล่าวอย่างตื่นเต้น “ยอดเยี่ยมนัก ข้านั้นไม่ชอบขี้หน้าพวกหุบเขาหมอเทวดามานานแล้ว เรื่องที่พวกมันหยิ่งทะนงปลายจมูกชี้ฟ้าไม่เห็นผู้ใดในสายตายังไม่เท่าไร แต่พวกมันแต่ละคนนั้นทำตัวเหมือนเป็นบรรพบุรุษ ยานั่นราคาก็แพงอีกทั้งคุณภาพยังไม่ดีอีกด้วย ข้าให้การสนับสนุนท่านหัวหน้า ยาที่มาจากหอยาที่ท่านเปิดจะต้องดีที่สุดอย่างแน่แท้”

“เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ข้าทำ แต่เป็นเจ้า! เจ้าได้ยินหรือไม่ ถ้าหากว่าเจ้ายังจำไม่ขึ้นใจ มาดวลยุทธ์กับข้าสักหน่อยเป็นเช่นไร?” มู่เฉียนซีมองจินซ่านซ่านด้วยแววตาที่อันตราย

“เป้าหมายของหัวหน้าก็คือเป้าหมายของข้า ข้าจะทำมันให้ดี แต่ว่าข้าไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้มาก่อนเลย ถ้าหากว่าไปทำเข้าจะไม่ทำให้หัวน่าขายหน้าหรอกหรือ?” จินซ่านซ่านกล่าวด้วยความลำบากใจ