!
หลิงหยุนส่ายหน้าพร้อมกับตอบไปว่า“ไม่เสมอไปที่ค่ายกลดักมังกรจะต้องกักขังเพียงแค่มังกรเท่านั้น แต่เจ้าลองคิดดูว่า.. หากแม้แต่มังกรยังสามารถกักขังได้ แล้วสัตว์อสูรชนิดอื่นๆเล่า จะไม่สามารถถูกกักขังได้อย่างนั้นรึ”
“และต่อให้ค่ายกลแห่งนี้กักขังมังกรไว้จริงๆก็ไม่ได้ถูกกักขังไว้ใต้ฐานเจดีย์เก่าแก่นี้อย่างแน่นอน!”
หลังจากที่หลิงหยุนอธิบายให้โม่วู๋เตาฟังไปแล้วเขาก็นิ่งเงียบลงอีกครั้ง และกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่..
เวลานี้ทั้งคู่กำลังยืนอยู่บนพื้นดินในระดับเดียวกับเจดีย์เก่าแก่จึงไม่สามารถมองเห็นภาพรวมของพื้นที่ทั้งหมดได้ หากเขาต้องการเห็นค่ายกลทั้งหมด ก็จะต้องบินขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วมองลงมาเท่านั้น!
โม่วู๋เตายังคงร้องถามต่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น“แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามันคือค่ายกลดักมังกร”
หลิงหยุนยิ้มให้กับโม่วู๋เตาพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปทางเจดีย์โบราณ และถามขึ้นว่า “เจ้าว่าเจดีย์นั่นมีรูปร่างคล้ายอะไร”
โม่วู๋เตาจ้องมองเจดีย์เก่าแก่อยู่นานแต่ก็ดูไม่ออกจึงได้แต่ตอบไปว่า “ในเมื่อมันคือเจดีย์ก็ต้องเหมือนเจดีย์สิ! เจ้าจะให้เหมือนอะไรได้อีกเล่า”
หลิงหยุนยิ้มเย้ยพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปที่อวัยวะเบื้องล่างของโม่วู๋เตาพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เจ้าดูให้ดีๆสิ! มันดูไม่เหมือนอวัยวะบางส่วนบนร่างกายของเจ้าเลยงั้นรึ”
โม่วู๋เตาครุ่นคิดครู่หนึ่งแต่เมื่อได้คำตอบเขาก็ถึงกับหน้าแดง และร้องตะโกนว่าหลิงหยุน “เจ้านี่ช่างลามกนัก! นี่เจ้าจริงจังหน่อยจะได้หรือไม่”
หลิงหยุนตอบกลับทันที“นี่ท่านนักพรตผู้เคร่งขรึม! ข้าก็กำลังพูดความจริงอยู่นี่ไงเล่า เจดีย์เก่าแก่นี่ดูคล้ายอวัยวะเพศของผู้ชายจริงๆ มันจึงมีหยางที่แข็งแกร่ง ทำให้มีพลังอำนาจที่จะสามารถการสะกดเหล่าภูติผีวิญญาณ หรือเหล่าปีศาจที่เป็นหยินได้!”
“และหลังจากที่เจดีย์นี้ถูกสร้างขึ้นมาแล้วบริเวณใกล้เคียงโดยรอบก็จะไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดที่มีขนาดสูงกว่าเจดีย์นี้อยู่เลย และหากเจ้าไม่เชื่อข้า ก็รอจนกระทั่งรุ่งเช้า เจ้าจะได้เห็นด้วยตาตัวเอง! ”
“และสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า..ผู้ที่สร้างค่ายกลแห่งนี้ขึ้นมา ต้องการให้แสงแรกของดวงอาทิตย์ในแต่ละวันนั้น สาดส่องไปที่ยอดเจดีย์แห่งนี้นั่นเอง!”
ในขั้นเอ้อเฉิงชี่และในฐานะที่เป็นปรมาจารย์ด้านค่ายกล หลิงหยุนจึงสามารถอธิบายออกมาให้โม่วู๋เตาฟังได้อย่างละเอียด และมั่นอกมั่นใจ ส่วนโม่วู๋เตาในฐานะนักพรตเต๋าผู้เก่งกาจ ก็ถึงกับยืนอึ้งไปด้วยความตกตะลึง..
สิ่งที่หลิงหยุนอธิบายให้โม่วู๋เตาฟังนั้นก็เป็นเรื่องง่ายๆ เกี่ยวกับหยินและหยาง ซึ่งโม่วู๋เตาเองก็ย่อมเข้าใจได้ดี เขาจึงตั้งหน้าตั้งตาฟัง และรอหลิงหยุนพูดต่ออย่างใจจดใจจ่อ..
“แล้วไงต่อ”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยและพูดต่อว่า“ความจริงแล้ว.. บริเวณที่มีหยินรุนแรงที่สุดนั้นไม่ใช่ที่เจดีย์แห่งนี้ หรือรอบๆบริเวณนี้ แต่เป็น..”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้หลิงหยุนก็ยกมือขึ้นชี้ไปทางด้านทิศตะวันตกของเจดีย์เก่าแก่แห่งนี้ และที่นั่นก็มีทะเลสาบแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่าทะเลสาบไร้นามตั้งอยู่..
และหลิงหยุนก็ไม่ปล่อยให้โม่วู๋เตาต้องคาดเดาเขารีบอธิบายต่อทันที “แต่เป็นทางด้านใต้ของทะเลสาบแห่งนั้นต่างหากเล่าที่เป็นบริเวณกักขังพลังหยิน!”
ตำรากล่าวไว้ว่า..ทิศใต้คือหยาง และทิศเหนือคือหยิน!
เจดีย์เก่าแก่นับร้อยปีแห่งนี้ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลสาบไร้นาม และหันหน้าไปทางทิศตะวันออกนั้น ก็เพราะผู้สร้างตั้งใจให้แสงแรกของดวงอาทิตย์ สามารถสาดส่องไปที่ยอดของเจดีย์นั่นเอง..
โม่วู๋เตานิ่งฟังด้วยแววตาเป็นประกายพร้อมกับร้องอุทานออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจ “เจ้าเยี่ยมมาก! แล้วยังไงต่อ..”
“และที่ทะเลสาบแห่งนี้มีชื่อว่าทะเลสาบไร้นามนั้น..หากเจ้าไปอ่านจากประวัติอันยาวนานของมหาวิทยาลัยหยานจิง เจ้าก็จะรู้ว่าเหล่านักปราชญ์ และบัณฑิตที่มีความรู้ทั้งตะวันออก และตะวันตกมากมายช่วยกันตั้งชื่อ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถตั้งชื่อทะเลสาบแห่งนี้ได้ ด้วยเหตุนี้.. ทุกคนจึงขนานนามทะเลสาบแห่งนี้ว่าทะเลสาบไร้นาม!”
เจดีย์โบราณและทะเลสาบแห่งนี้เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักของผู้คนทั้งในและนอกประเทศ หลิงหยุนเองก็เคยอ่านประวัติของทะเลสาบแห่งนี้จากอินเทอร์เน็ตมาก่อนเช่นกัน..
แต่เมื่อหลิงหยุนได้มาสัมผัสกับเจดีย์เก่าแก่และทะเลสาบแห่งนี้ด้วยตัวเอง เขาจึงได้รู้ว่าเพราะเหตุใดผู้คนจึงไม่นิยมมาท่องเที่ยวในแถบนี้นัก!
ไม่ใช่เพราะผู้คนไม่อยากมาหรือว่ามาไม่ได้ แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่กล้าจะมาที่นี่ต่างหากเล่า!
หลิงหยุนเล่าประวัติคร่าวๆให้โม่วู๋เตาฟังแล้วจึงพูดต่อว่า “และด้วยพลังอำนาจของค่ายกลแห่งนี้ ทำให้พลังหยินทั่วทั้งทะเลสาบไร้นาม และในบริเวณหอคอยโบราณทั้งหมดนั้น ถูกกักไว้ในบริเวณนี้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ฮวงจุ้ยของมหาวิทยาลัยหยานจิงเปลี่ยนไปไปด้วย..”
“เยี่ยมมาก!ที่เจ้าพูดมานั้นล้วนถูกต้องทั้งหมด..”
โม่วู๋เตานั้นก็สามารถมองเห็นฮวงจุ้ยของสถานที่แห่งนี้อย่างที่หลิงหยุนเห็นเช่นกันเขาจึงได้แต่เอ่ยชื่นชมหลิงหยุนออกมาจากใจจริง..
หลิงหยุนมีความรู้เรื่องค่ายกลต่างๆดีส่วนโม่วู๋เตาก็เชี่ยวชาญเรื่องศาสตร์ของฮวงจุ้ย และเวลานี้ทั้งคู่ต่างก็เห็นพ้องตรงกันเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้..
“เพราะฉะนั้น..จุดที่น่าสนใจของมหาวิทยาลัยหยานจิงแห่งนี้ จึงไม่ใช่ที่เจดีย์เก่าแก่นั่น แต่เป็นที่ทะเลสาบไร้นามแห่งนี้ต่างหากเล่า!”
หลังจากที่อธิบายมาอย่างละเอียดละออในที่สุดหลิงหยุนก็สรุปออกมาเช่นนี้!
“ด้วยเหตุนี้..หากอยากจะสำรวจจริงๆ พวกเราก็ต้องไปสำรวจที่ทะเลสาบแทน ไม่ใช่ที่เจดีย์นี่!”
หลิงหยุนรู้ดีว่าตราบใดที่ค่ายกลยังทำงานอยู่เขาก็ไม่สามารถเข้าไปสำรวจภายในเจดีย์นั่้นได้อยู่ดี และเพียงแค่ยืนอยู่ด้านนอกให้หลิวเทวะวิญญาณดูดเอาพลังหยินเข้าไปก็เพียงพอแล้ว..
เพราะหากเขายังดื้อดึงและฝืนที่จะเข้าไปภายในเจดีย์ให้ได้ ก็จะต้องทำลายค่ายกลทิ้งเสียก่อน และหากเขาทำเช่นนั้นจริงๆ คงต้องเกิดปัญหากับทั้งเจดีย์เก่าแก่ และทั่วทั้งเมืองปักกิ่งอย่างแน่นอน หลิงหยุนเชื่อว่าถึงตอนนั้นอาจเกิดแผ่นดินไหว หรือแรงสั่นสะเทือนอย่างที่ไม่อาจคาดเดาได้
โม่วู๋เตาได้ฟังคำพูดของหลิงหยุนก็ถึงกับร้องตะโกนออกมา“สำรวจทะเลสาบแทนงั้นรึ ข้ายังไม่เข้าสู่ขั้นเซียงเทียน จึงไม่สามารถกลั้นหายใจได้ ข้าจะลงไปสำรวจใต้ทะเลสาบได้อย่างไรกันเล่า..?”
หลิงหยุนส่ายหน้าพร้อมกับตอบไปว่า“ข้าไม่ได้บอกให้ไปสำรวจในคืนนี้ทันทีนี่! ในเมื่อเราพบสถานที่แห่งนี้แล้ว ไว้วันหลังค่อยมาสำรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง ปักกิ่งนี่มีอะไรน่าสนใจมากจริงๆ!”
ระหว่างที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำให้หลิงหยุนนึกถึงไป๋เซียนเอ๋อและในที่สุดหลิงหยุนก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดไป๋เซียนเอ๋อจึงได้รบเร้าที่จะขอตามเขามาปักกิ่งนัก แต่ตอนนั้นหลิงหยุนเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดโม่วู๋เตาจึงได้ห้ามปรามขัดขวาง..
และครั้งนั้นโม่วู๋เตาให้เหตุผลกับหลิงหยุนเพียงแค่ว่าเมืองหลวงเป็นที่อยู่ของเหล่าจักรพรรดิ ภูติผีปีศาจึงไม่อาจเข้าใกล้ได้ ไม่เช่นนั้นอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้!
แต่ในตอนนี้..หลิงหยุนเพิ่งจะรู้ว่าความจริงแล้วทั่วทั้งเมืองหลวงนั้นได้มีการวางค่ายกลไว้ หากไป๋เซียนเอ๋อตามเขามาด้วยจริงๆ คงต้องถูกค่ายกลสะกดไว้อย่างแน่นอน!
“คืนนี้ข้าเองก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะสำรวจที่นี่นักรอให้ข้าอยู่ปักกิ่งนานกว่านี้อีกหน่อย และคุ้นเคยกว่านี้มาก แล้วเมื่อถึงเวลานั้นพวกเราค่อยมาสำรวจที่นี่อย่างละเอียดอีกครั้ง!”
เวลานี้หลิงหยุนสามารถปลุกเสกยันต์จ้าวสมุทรระดับหกได้แล้วปัญหาของโม่วู๋เตาจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับหลิงหยุน แต่สิ่งที่หลิงหยุนกังวลก็คือว่า หากการลงไปสำรวจใต้ทะเลสาบนั้นต้องใช้เวลานาน ก็จะทำให้แผนการต่างๆที่เขาได้วางไว้ต้องผิดพลาดไปหมด และจะมีปัญหาอื่นๆตามมาที่หลัง..
ในเวลานี้..จู่ๆ พลังหยินรอบๆตัวของหลิงหยุนกับโม่วู๋เตาก็พุ่งสูงขึ้นกว่าเดิมอย่างมากมายนับสิบเท่า และเริ่มมีลำแสงสีดำและสีเขียวมากมายหมุนวนคล้ายลมหมุน กำลังหมุนเข้ามาทางหลิงหยุน และในที่สุดก็ถูกหลิวเทวะวิญญาณดูดเข้าไปทันที!
โม่วู๋เตากระซิบเสียงเบา“เที่ยงคืนแล้วรึ!” novel-lucky
หลิงเพียงแค่พยักหน้าและเริ่มขยายรัศมีจิตหยั่งรู้ของตนเองออกครอบคลุมทั่วทั้งทะเลสาบไร้นาม!
แต่แล้วจู่ๆผิวน้ำในทะเลสาบไร้นามก็พุ่งขึ้นสูงราวหนึ่งฟุต!
ทะเลสาบที่ไม่มีชื่อทะเลสาบก็จู่ๆ ก็พุ่งสูงขึ้น!
ไม่เพียงเท่านั้น..ภายในเจดีย์อายุนับร้อยปีนั้น จู่ๆก็มีพลังหยิน และไอปีศาจพุ่งขึ้นมาจากพื้น และกระจายออกเป็นวงกว้าง!
หลิงหยุนยืนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงรีบโน้มตัวลงพร้อมกับวางหลิวเทวะวิญญาณในมือลงไปบนพื้น และจู่ๆ หลิวเทวะวิญญาณก็หยั่งรกลงไปในพื้นดิน ราวกับเป็นหนึ่งในต้นไม้กลางป่าใหญ่ ไม่ใช่เพียงแค่กิ่งหลิว..
ในเมื่อพลังหยินพุ่งขึ้นมาจากผืนดินเช่นนี้การที่หลิงหยุนวางหลิวเทวะวิญญาณลงไปบนพื้นดินนั้น ยิ่งทำให้มันสามารถดูดเอาพลังหยินเข้าไปได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่านัก..
หลังจากที่หลิวเทวะวิญญาณได้หยั่งรากลงไปกับพื้นดินนั้นก็ได้ดูดเอาพลังหยินเข้าไปเป็นจำนวนมาก หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูใต้ดินก็พบว่า รากของหลิวเทวะวิญญาณนั้นงอกยาวขึ้นกว่าเดิมอย่างรวดเร็ว และลำต้นก็สูงขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์จนสามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตาเปล่า..
เวลานี้หลิวเทวะได้แตกกิ่งออกมาใหม่สามกิ่งและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาชั่วประเดี๋ยวเดียวกิ่งใหม่ทั้งสามที่แตกออกมานั้น ก็ยาวถึงหนึ่งฟุตแล้ว และมีหน่อใหม่แตกออกมาด้วย เวลานี้ลำต้นของหลิวเทวะวิญญาณก็ได้สูงถึงหนึ่งเมตรแล้ว และใบสีเขียวดกหนาก็ยังคงโบกสะบัดไปมาไม่หยุด..
และในเวลานั้น..พลังหยินภายในเจดีย์อายุนับร้อยปีที่ได้พุ่งขึ้นอย่างมากมายนั้น ก็ได้ลดลงภายในเวลาอันรวดเร็วเช่นกัน และเวลานี้ภายในจุดศูนย์กลางของเจดีย์ซึ่งเป็นดวงตาค่ายกลนั้น ก็ไม่มีพลังหยินเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย..
และพลังหยินจำนวนมากภายในเจดีย์เก่าแก่ก็ได้ถูกหลิวเทวะวิญญาณดูดเข้าไปจนหมดแล้ว!
ครืน..ครืน..
น้ำในทะเลสาบไร้นามได้พุ่งสูงขึ้นถึงหนึ่งฟุตอีกครั้งและในครั้งนี้หลิงหยุนก็สัมผัสได้ว่าพื้นดินในบริเวณที่พวกเขายืนอยู่นั้น เริ่มสั่นสะเทือนคล้ายกับว่ากำลังเกิดแผ่นดินไหวขึ้น!
และภายในเจดีย์โบราณนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง..
“แย่แล้ว..ท่าไม่ดีแน่!”
หลิงหยุนตกใจสุดขีด!เขาคิดไม่ถึงว่าการที่นำต้นหลิวเทวะวิญญาณไปวางไว้บนพื้นเช่นนั้น จะสร้างแรงสั่นสะเทือนได้มากมายเช่นนี้ เขาจึงรีบเอื้อมมือไปคว้าหลิวเทวะขึ้นมาทันที!
–มีคนมา!-
จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนจับได้ว่ามีใครบางคนกำลังรีบร้อนเข้ามาภายในบริเวณนี้เขาจึงรีบเรียกหลิวเทวะวิญญาณกลับเข้าไปในแหวนพื้นที่ และรีบคว้าแขนโม่วู๋เตากระโดดออกจาบริเวณเจดีย์เก่าแก่ทันที จากนั้นจึงรีบหาที่ซ่อนตัว..
–เจ้ากลั้นหายใจและห้ามขยับตัวโดยเด็ดขาด!-
ระหว่างที่ซ่อนตัวอยู่นั้นหลิงหยุนก็ไม่ลืมที่จะเตือนโม่วู๋เตา..
พรึบ..
ร่างสีเขียวปรากฏขึ้นในบริเวณที่หลิงหยุนกับโม่วู๋เตายืนอยู่ก่อนหน้านี้ภายใต้จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนนั้น รอบกายของคนผู้นี้คล้ายกับมีไอสีเขียวปกคลุมอยู่ ทำให้ไม่สามารถเห็นใบหน้าได้ชัดเจน..
“ใครกัน..กล้าดีมาแตะต้องค่ายกลดักมังกร หากข้ามาช้ากว่านี้เพียงแค่ก้าวเดียว คงต้องเกิดปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน!”
ชายผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมองไปยังเจดีย์เก่าแก่จากนั้นจึงหันหน้ามองไปทางทะเลสาบไร้นามที่เพิ่งจะส่งเสียงดังครืนๆ
แต่แล้วจู่ๆชายผู้นั้นก็เงยหน้าขึ้น เปิดจิตรู้ของตนเองออกสำรวจดูรอบๆ หลิงหยุนจึงรีบถอนจิตหยั่งรู้ของตนเองกลับมาทันที เพราะเกรงว่าชายผู้นั้นจะสำรวจพบว่ามีจิตรู้ของผู้อื่นอยู่ในบริเวณนั้นด้วย..
ครั้งแรก!
นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่หลิงหยุนได้พบเจอยอดฝีมือที่มีจิตหยั่งรู้ชนิดเดียวกับตนเอง!
และจากการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเมื่อครู่นี้ทำให้หลิงหยุนมั่นใจว่ายอดฝีมือที่ล้ำเลิศผู้นี้ต้องมีกำลังภายในที่สูงส่งกว่าตนเองอย่างแน่นอน!
‘คนผู้นี้เคลื่อนไหวรวดเร็วยิ่งนัก!’
หลังจากที่ชายผู้นี้สำรวจหาอยู่อีกครู่หนึ่งเมื่อไม่พบเห็นผู้ใดอยู่ในบริเวณนั้น จึงได้แต่ขมวดคิ้ว และพึมพำกับตัวเอง ในขณะเดียวกันสายตาของเขาก็จับจ้องอยู่ที่พื้นดิน ซึ่งหลิวเทวะเพิ่งจะหยั่งรากลงไป..
“น่าแปลก..ข้าสัมผัสพลังชี่ของปีศาจไม่พบเลย น่าจะจะไม่ใช่เหล่าปีศาจอย่างที่คิด เช่นนั้นแล้ว.. ใครกันที่มาดูดเอาพลังหยินไป และดูดไปเพื่ออะไรกัน?”
หลิงหยุนถึงกับตกใจอย่างที่สุด..เมื่อคิดว่าเวลานี้เขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์!