พ่อบ้านเฮ้ากำจัดความกังวลของเขาออกไป จากนั้นเขาก็พูดกับทหารที่เฝ้าประตูขึ้น “พวกเจ้าคอยมองดูอยู่เรื่อย ๆ เมื่อไหร่ที่หวางเฟยกลับมาให้รีบมาบอกข้าทันที”

“ พ่อบ้านเฮาสบายใจได้ เมื่อไหร่ที่หวางเฟยกลับมา เราจะรีบไปรายงานให้ท่านรู้ในทันที” ทหารเฝ้าประตูก็พูดคำที่เขาพูดซ้ำหลายครั้งขึ้นอีกครั้ง

       พ่อบ้านเฮ้าพอใจมาก อย่างไรก็ตาม เขาเข้าไปด้านในได้ไม่นาน รถม้าของหลิน ชูจิ่วก็ปรากฏขึ้น เมื่อทหารเห็นรถม้าของหลิน ชูจิ่ว จากระยะไกลๆ เขาก็รีบไปรายงานพ่อบ้านเฮ้าในทันที

       พ่อบ้านเฮ้ารีบวิ่งไปที่หน้าตำหนัก เขารีบสูดเอาลมหายใจของเขาก่อนจะพูดขึ้น “หวางเฟย ในที่สุดท่านก็กลับมา” พ่อบ้านเฮ้าไม่สบายใจจริง ๆ เมื่อหลิน ชูจิ่วยังไม่กลับมา

“ เกิดอะไรขึ้นหรือ?” เมื่อหลิน ชูจิ่วเห็นใบหน้าที่ดูเป็นกังวลของพ่อบ้านเฮ้า เธอก็ช่วยไม่ได้ที่จะถามขึ้น

       พ่อบ้านเฮ้าส่ายหัว ก่อนจะพูดขึ้น “ ไม่มีอะไรขอรับ บ่าวชราผู้นี้เพียงแต่กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของหวางเฟย ที่ด้านนอกเท่านั้น ดีจริงๆ ที่หวางเฟยกลับมาอย่างปลอดภัย”

“เนื่องจากรากฐานของฮ่องเต้ กฎและระเบียบจึงค่อนข้างดี พ่อบ้านเฮ้าไม่ควรเป็นกังวล” หลิน ชูจิ่ว รู้ว่าพ่อบ้านเฮ้าเป็นกังวลเรื่องอะไร แต่มันไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่ออกไปตลอดชีวิตของเธอเพียงเพราะพ่อบ้านเฮ้าเป็นกังวล

“ สิ่งที่หวางเฟย กล่าวมานั้นถูกต้องแล้วขอรับ ไม่มีที่ไหนปลอดภัยไปกว่าใต้รากฐานของฮ่องเต้” จริงๆแล้วมันฟังดูแปลก ถ้ามันปลอดภัยจริงๆทำไมหวางเย่และหวางเฟย ถึงถูกลอบสังหารในวันแต่งงานของพวกเขา?

       แต่แน่นอนว่ามันจะดีกว่าที่จะมองในด้านที่สว่าง

       พ่อบ้านเฮ้าเดินไปส่งหลิน ชูจิ่ว จนถึงเรือนของเธอ จากนั้นเขาสั่งให้สาวใช้เตรียมน้ำร้อนและอาหาร เขาทำให้แน่ใจว่าหลิน ชูจิ่วจะพอใจมากกับการบริการของเขาเพื่อที่เธอจะได้ไม่ลังเลที่จะออกไปอีก

       เห็นการทำงานอย่างขยันขันแข็งของพ่อบ้านเฮ้า และเห็นความเป็นกังวลของเขา หลิน ชูจิ่วก็ช่วยไม่ได้ที่จะส่ายหัว ถ้าเธอออกไปข้างนอกเป็นครั้งคราวและพ่อบ้านเฮ้าจะไม่สบายใจอยู่เสมอ เธอก็คงจะรู้สึกอายที่จะออกไปข้างนอกอีก

       หลังจากออกไปเดินอยู่ข้างนอกหนึ่งวันหลิน ชูจิ่วก็เหนื่อยมาก ภายใต้การบริการของซุนฉีและฉิวฉี หลิน ชูจิ่วก็ได้อาบน้ำและทานอาหารเย็นจนเสร็จ เธอเดินเล่นอยู่สองรอบแล้วจึงเข้านอน ส่วนเสี่ยวเทียนเหยา จะกลับมาคืนนี้หรือไม่? หลิน ชูจิ่วก็ไม่อยากรู้ เพราะเธอจะรู้คำตอบในวันพรุ่งนี้

       เมื่อหลิน ชูจิ่วตืนขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นก็ไม่มีร่องรอยใด ๆ ติดกับผ้าปูที่นอนเลย เธอจึงรู้ได้ในทันทีว่าเสี่ยวเทียนเหยายังไม่กลับมาเมื่อคืนนี้

       หลิน ชูจิ่ว ไม่กังวล เสี่ยวเทียนเหยาเป็นใครกัน เขาเป็นเทพเจ้าแห่งการต่อสู้ ถ้าเขาตกอยู่ในอันตราย อีกฝ่ายจะตาย

       หลังจากหลิน ชูจิ่ว ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว เธอก็เดินไปที่ลานด้านหน้าเพื่อมองหาพ่อบ้านเฮ้า เธอต้องการสอบถามเกี่ยวกับกรณีของหมอเทวดาโม่  

       โชคไม่ดีที่กรณีนี้ได้รับการจัดการโดยฮ่องเต้ ดังนั้นพ่อบ้านเฮ้า จึงไม่ทราบข้อมูลมากนัก เขารู้แค่ว่าตระกูลเมิ่งแห่งสำหนักเหวินชางมา …

“หวางเฟย ท่านต้องการให้ข้าส่งคนออกไปสอบถามหรือไม่ขอรับ?” พ่อบ้านเฮ้า เห็นว่าหลิน ชูจิ่ว สนใจในกรณีนี้ ดังนั้นเขาจึงริเริ่มที่จะถามขึ้น

       อย่างไรก็ตาม หลิน ชูจิ่วส่ายหัวของเธอ “ ไม่จำเป็น แค่รอผลที่จะออกมาและมาบอกข้าก็พอ” มีคนจัดการคดีของหมอเทวดาโม่แล้ว และบุคคลผู้นั้นจะไม่ยอมปล่อยหมอเทวดาโม่ ไปอย่างแน่นอน เธอไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมความสนุกในครั้งนี้

       มีหลายคนที่เฝ้าดูคดีของหมอเทวดาโม่อยู่ และหมอหลวงฉินติดตามคดีนี้อยู่ คนเหล่านั้นที่อยู่นอกศาลยุติธรรมก็เป็นเขาที่จัดหามา อย่างไรก็ตาม การมาถึงที่แทบจะในเวลาของตระกูลเมิ่งนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลย

       เมื่อหมอหลวงฉินได้ยินว่าตระกูลเมิ่งแห่งสำนักเหวินชางอยู่ในเมืองหลวง เขาก็ช่วยไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและคิดว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่

       หมอหลวงฉินอยู่กับฮ่องเต้มาหลายปีแล้ว เขารู้อย่างชัดเจนว่าไม่มีเรื่องบังเอิญอยู่ในโลกนี้

       หากไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้วใครเป็นคนจัดฉากนี้ขึ้น

       เสี่ยวหวางเย่หรือ?

       เป็นไปไม่ได้!

       ตระกูลเมิ่งแห่งสำนักเหวินชาง อยู่ไกลจากเมืองหลวงมาก เสี่ยวหวางเย่เพิ่งเรียนรู้เรื่องนี้เมื่อไม่นานมานี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะติดต่อกับตระกูลเมิ่งได้รวดเร็วเช่นนี้ แต่ถ้าไม่ใช่เสี่ยวหวางเย่แล้วจะเป็นใคร