ฮ่องเต้เองก็อยากรู้ด้วยว่าทำไมตระกูลเมิ่งถึงได้ปรากฏตัวขึ้นในเมืองหลวงแห่งตะวันออก : ใครเป็นคนจัดการฉากนี้?
ฮ่องเต้สงสัยในตอนแรกว่าเรื่องที่เกี่ยวกับหมอเทวดาโม่ ก็คือการกระทำของเสี่ยวเทียนเหยา ดังนั้นการเยี่ยมชมอย่างฉับพลันของตระกูลเมิ่งจึงเป็นสิ่งที่เขาทำได้เช่นกัน แต่ …
สายลับเงาของฮ่องเต้ได้รายงานการสอบสวนต่อเขาว่าเสี่ยวเทียนเหยา ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ลูกศิษย์ของหมอเทวดาโม่ มีความสัมพันธ์เล็กน้อยกับเสี่ยวเทียนเหยา แต่การปรากฏตัวอย่างฉับพลันของตระกูลเมิ่ง นั้นไม่เกี่ยวข้องกับเขาอย่างแน่นนอน
สายลับเงา ยังได้รายงานสาเหตุที่ทำให้ตระกูลเมิ่ง มาถึงแคว้นตะวันออก ตระกูลเมิ่งเดินทางมาที่แคว้นตะวันออกเพื่อค้นหาหมอเทวดาโม่เพื่อไปรับกษาคุณชายของตระกูลเมิ่ง เมิ่ง ซิวหยวน แต่เมื่อพวกเขาเข้ามาในเมืองหลวง พวกเขาได้ยินว่าคนที่ฆ่าผู้อาวุโสเมิ่งก็คือหมอเทวดาโม่
ตระกูลเมิ่งโกรธมากจนถึงจุดที่พวกเขาไม่ต้องการพบหมอเทวดาโม่อีกต่อไป แล้วพวกเขาก็เดินทางตรงมายังวังหลวงเพื่อขอให้ฮ่องเต้เผชิญหน้ากับปัญหา
ดังนั้นก็เกิดฉากที่ตระกูลเมิ่งเดินทางไปเยี่ยมฮ่องเต้
อย่างไรก็ตาม ฮ่องเต้ไม่สามารถยอมรับคำตอบนี้ได้ เขาไม่เชื่อว่ามีเรื่องบังเอิญเช่นนี้อยู่
“ตรวจอีกครั้ง!” ฮ่องเต้โยนข้อมูลทั้งหมดที่สายลับเงาได้สอบสวนลงไป
กระดาษบางแผ่นตกลงมาบนพื้น แต่ในเวลานี้กระดาษดูหนักมาก สายลับเงาฝังศีรษะของเขาลงไป ก่อนจะได้ยินฮ่องเต้พูดขึ้น “ออกไป!” แล้วสายลับเงาก็หายไปอย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ได้สัญญากับเจ้าหน้าที่ฝ่ายตุลาการว่าเขาจะส่งหมอเทวดาโม่ไปยังศาลยุติธรรม ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถผิดสัญญานี้ได้ อย่างไรก็ตามก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นั้น เขาจำเป็นต้องถามหมอเทวดาโม่ ก่อนว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่
ในขณะนี้หมอเทวดาโม่ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับสาเหตุที่ฮ่องเต้เรียกตัวเขา เขายังวางแผนว่าเมื่อฮ่องเต้พูดจบเขาก็จะกล่าวคำอำลากับฮ่องเต้
ร่างกายขององค์ชายสามเสี่ยว จื่ออัน ตอนนี้อยู่ในสภาพที่ดีแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องอยู่อีกต่อไป ยิ่งกว่านั้นนับตั้งแต่เขาได้รับข้อความจากลูกศิษย์ของเขา จิตใจของเขาก็ยังนึกถึงสิ่งที่ไม่พึงประสงค์เหล่านั้นเป็นครั้งคราว
ภายใต้การแนะนำของขันที หมอเทวดาโม่ก็ได้เดินเข้าไปในห้องโถงของฮ่องเต้และทำความเคารพขึ้น“ถวายบังคมฝ่าบาท”
นี่ก็เป็นการแสดงถึงความเมตตาจากฮ่องเต้ที่มีต่อหมอเทวดาโม่ด้วยเช่นกัน เพราะเขาไม่จำเป็นต้องคุกเข่าต่อหน้าเขา
ฮ่องเต้มองหมอเทวดาโม่ แต่ใบหน้าของเขาไม่มีร่องรอยของความสุขหรือความโกรธ เขาเพียงแค่ยกม้วนรายงานขึ้น “หมอเทวดาโมนี่เป็นรายงานที่ได้รับมา จงดูด้วยตัวเจ้าเองเถิด”
ขันทีก้าวไปข้างหน้าและหยิบรายงานมาด้วยสองมือ ก่อนจะนำมันไปต่อหน้าหมอเทวดาโม่ แล้วหัวใจของหมอเทวดาโม่ก็แทบจะกระโดดออกมา เขารู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นรายงานม้วนนี้และเมื่อเขาเปิดมันออก ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก……
“ นี่ นี่…จะเป็นไปได้อย่างไร” ปีศาจตนนั้นยังไม่ตายอีกหรือ เห็นได้ชัดว่าเขาถูกหมาป่ากลืนกินและถูกลากออกไป ดังนั้นทำไมเขาถึงยังไม่ตาย
ยิ่งหมอเทวดาโม่อ่านรายงานมากเท่าไหร่ ใบหน้าของเขาก็ยิ่งซีดและไม่มีเลือดอยู่เท่านั้น เขาถึงกลับล้มลงไปที่พื้นและตัวสั่นขึ้น “ ฝ่าบาท ฝ่าบาท ……”
“ หมอเทวดาโม่ พูดมาว่าข้อกล่าวหาเหล่านั้นเป็นจริงหรือไม่?” ฮ่องเต้พูดขึ้นเบา ๆ เขาไม่ได้ใส่ใจกับความอับอายของหมอเทวดาโม่แม้แต่น้อย
ทักษะการแพทย์ของหมอเทวดาโม่ นั้นยอดเยี่ยมจริงๆ ดังนั้นแม้ว่า หมอเทวดาโม่จะมีข้อบกพร่องและเขาก็ตั้งใจที่จะละทิ้งเขา แต่เขาก็ยังวางแผนที่จะเลี้ยงดูเขาอยู่ แต่ …
ดูเหมือนว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้!
หากข้อกล่าวหาเหล่านั้นเป็นจริง หมอเทวดาโม่ ซึ่งเป็นหมอที่ยอดเยี่ยมก็ไม่สามารถอยู่ได้อีกต่อไป
หมอเทวดาโม่ไม่เพียงแต่ทำให้คนทั่วไปขุ่นเคือง แต่ยังมีตระกูลเมิ่งแห่งสำนักเหวินชางอีกด้วย หากลูกศิษย์ของสำนักเหวินชางทั่วแคว้นรู้ว่าเขากำลังปกป้องหมอเทวดาโม่ ลูกศิษย์เหล่านั้นคงต้องคิดว่าเขาเป็นผู้บงการในการฆ่า ผู้อาวุโสเมิ่ง เขาจะถูกโลกทั้งโลกละทิ้ง