บทที่ 180 หุบเขาใจเงิน
เรือเหาะจันทราเงินบินวนอยู่หลายครั้ง ก่อนจะลงจอด
ปู้เล่อ ทหารเผ่าคนเถื่อนกระโดดลงจากเรือเหาะ มองไปรอบกายแล้วก็เห็นว่าตนอยู่ในพื้นที่ภูเขา โดยมียอดเขาสูงยอดประกบ
“กองทัพกำลังสวรรค์ ไม่ได้อยู่ที่นี่” เขาว่า
“คิดหรือว่าข้าจะพาคนเถื่อนเข้ากองทัพกำลังสวรรค์ จะได้มาสังเกตการกระทำเราแล้วแจ้งหัวหน้าถึงแผนเราเมื่อกลับไป ?” ซูเฉินว่าแล้วก็เดินลงจากเรือ ด้านหลังคือตุ๊กตากระดาษขาว เยี่ยเม่ย และฉือหมิงเฟิง
ปัจจุบันพวกเขาอยู่ในหุบเขาทางภาคเหนือของแดนคนเถื่อน หลังออกจากแดนสัตว์อสูรมาได้ ซูเฉินก็ไม่ได้กลับไปยังกองทัพกำลังสวรรค์ในทันที แต่มาที่นี่เพื่อเตรียมตัวเริ่มต้นการทดลองก่อน
“ข้าก็ไม่คิดจะมีชีวิตรอดกลับไปอยู่แล้ว” ปู้เล่อตอบ ในฐานะคนเถื่อน ปู้เล่อเต็มไปด้วยความกล้าหาญ ความเฉลียวฉลาด และความตรงไปตรงมา
อย่างที่เขาว่าไป นับตั้งแต่ที่ตานปาส่งเขามาที่นี่ ปู้เล่อก็ไม่คิดจะมีชีวิตรอดกลับไปอยู่แล้ว
“ข้าไม่คิดจะผิดข้อตกลงที่ทำไว้กับเจ้านายเจ้าหรอก ตามข้ามา” ซูเฉินว่าแล้วก็หมุนตัวเดินเข้าหุบเขาไป
“ที่นี่ที่ไหนหรือ ?” เยี่ยเม่ยถาม เดินตามมาติด ๆ
“หุบเขาใจเงิน อยู่ติดกับป่าฮัลมา” ซูเฉินตอบ
“มาที่นี่ทำไมกัน ?” เยี่ยเม่ยถาม
ทุกคนต่างสงสัยและงุนงงกับจุดประสงค์ของซูเฉิน มีเพียงเยี่ยเม่ยที่กล้าพอจะเอ่ยถาม
“เห็นแล้วจะรู้เอง” ซูเฉินตอบ
เขายังคงเดินหน้าต่อไป สักระยะหนึ่งจึงหยุดฝีเท้า แม้จะเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก ก็ยังมั่นคงและมั่นใจ ราวกับเคยมาที่นี่แล้วหลายครั้ง ส่วนฉือหมิงเฟิงก็ใจสะดุดเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพ ในหัวคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้
ไม่นานคำตอบก็เปิดเผย
ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใกล้ภูเขาที่ยื่นออกมา ฉือหมิงเฟิงเห็นทหารกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ด้านล่าง แม้จะเป็นกลุ่มคนเพียงสิบกว่าคน แต่ล้วนเป็นคนด่านทะลวงลมปราณทั้งสิ้น
หัวหน้าหน่วยทหารป้องมือเคารพซูเฉิน “ผู้บัญชาการซู ท่านกลับมาแล้ว หวังว่าจะเดินทางราบรื่นดีนะขอรับ”
“ก็ราบรื่นพอตัว… แล้วแม่ทัพทั้งหลายเป็นอย่างไรบ้าง ?” ซูเฉินตอบ
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีขอรับ ได้ข่าวมาเมื่อหลายวันก่อนว่าขบวนสัตว์อสูรมีขนาดใหญ่ขึ้น พวกเราจึงรู้ว่าผู้บัญชาการซูคงทำการสำเร็จ” ทหารผู้นั้นกล่าวเสียงตื่นเต้น
ปู้เล่อคำรามในลำคอด้วยความไม่พอใจอยู่ด้านข้าง
หัวหน้าหน่วยทหารเห็นปู้เล่อ ตุ๊กตากระดาษขาว และฉือหมิงเฟิง จึงเอ่ยถามขึ้น “ผู้บัญชาการ คนเหล่านี้……”
หากหัวหน้าหน่วยทหารเห็นคนเถื่อนเดินตามหลังคนอื่นมาก็คงลงมือไปแล้ว
“ฉือหมิงเฟิง เป็นผู้บัญชาการอารามนิรันดร์ภาคส่วนคนหนึ่ง เยี่ยเม่ยสหายสนิทข้า เงามรณะทาสรับใช้คนใหม่ ส่วนเจ้าคนนี้……” ซูเฉินเหลือบมองปู้เล่อ “เป็นตัวเดิมพันทางการค้า เขาจะมีชีวิตรอดกลับเผ่าคนเถื่อนไป เพราะฉะนั้นหากมีเรื่องไม่ควรถึงหูเขาก็อย่าให้เขาได้รู้”
“ขอรับ !” หัวหน้าหน่วยทหารตอบเสียงเคารพ
ซูเฉินพาปู้เล่อและคนอื่นเข้าไปในถ้ำ
เมื่อเข้ามาในถ้ำ ความสงสัยเดิมของปู้เล่อก็ได้รับคำตอบเมื่อเห็นภาพภายใน
ในถ้ำเต็มไปด้วยคนเถื่อนจำนวนมาก
เดิมทีเขาสงสัยว่าทำไมทหารด้านนอกจึงดูไม่แปลกใจที่มีเผ่าคนเถื่อนเดินตามซูเฉินมา แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว
การค้นคว้าเรื่องคนเถื่อนของซูเฉินไม่ใช่ความลับแต่อย่างไร กองทัพกำลังสวรรค์รู้เรื่องราวมาโดยตลอด ไม่เพียงเท่านั้น ยังหาคนเถื่อนมาเป็นตัวทดลองให้ซูเฉินไม่ขาดอีกด้วย
“ซูเฉิน ตอบมาตรง ๆ มือเจ้าเปื้อนเลือดคนเถื่อนบริสุทธิ์มากี่คนแล้ว !?” ปู้เล่อตะโกนเสียงโกรธ
“จำไม่ได้แล้ว หากนับรวมพวกที่ตายเพราะขบวนสัตว์อสูร ก็คงมีเป็นล้านไม่ก็สิบล้านกระมัง ?” ซูเฉินตอบ “เช่นนั้นแล้วจะมาห่วงพวกคนเถื่อนที่นี่ไปไย”
“นั่นมันไม่เหมือนกัน !” ปู้เล่อคำรามเสียงโกรธ
“มีตรงไหนที่ไม่เหมือนกัน” ซูเฉินเอ่ยเสียงเหยียด “มีเรื่องหนึ่งที่ข้าต้องบอกให้เจ้ารู้ให้ถูกต้องไว้ก่อน ในสายตาเผ่ามนุษย์ พวกคนเถื่อนไม่มีใครบริสุทธิ์ คนเถื่อนเช่นพวกเจ้าปล้นชิงเพื่อเอาชีวิตรอด ปล่อยให้เวลาหมุนไปเรื่อย ไม่ยอมก้าวผ่านวิถีชีวิตดุร้ายป่าเถื่อนที่เคยมี เจ้ารู้สึกว่าความตายของเพื่อนร่วมเผ่าไม่ยุติธรรม แล้วเพื่อนร่วมเผ่าของข้าเล่า ? เจ้าอย่าลืมว่านับพันปีที่ผ่านมา คนเถื่อนเป็นฝ่ายที่รุกรานแดนเราอยู่ตลอด”
“ก็เพราะพวกมนุษย์ได้ครองผืนดินอันอุดมสมบูรณ์ส่วนมากน่ะสิ ! คนเถื่อนผลิตทรัพยากรไม่ได้ มีแต่ต้องนำเข้าจากภายนอก หากพวกเจ้ายอมส่งผืนดินอุดมสมบูรณ์นั่นมาสักนิด……”
“หากเรายอมมอบให้สักนิด คนเถื่อนก็มีแต่จะโลภมากขึ้น หันมากลืนกินเผ่ามนุษย์ และเมื่อความโลภขยับขยายมากจนไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว พวกเจ้าก็จะรุกรานแดนของเราอีก อย่าเอ่ยวาจาไร้สาระเลยเจ้าโง่ ความโลกของคนเถื่อนไม่มีวันพอ เมตตาเผ่าพันธุ์อย่างเจ้าไปก็ไร้ค่า ฆ่าทิ้งเสียให้หมดสิเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด” ซูเฉินเอ่ยไปตามตรง
“แต่ตอนนี้ก็ร่วมมือกับพวกเราอยู่นี่” ปู้เล่อโต้กลับทันที
“ก็เหมือนกับมนุษย์มีความสัมพันธ์กับสุนัข หากโยนกระดูกให้เจ้า เจ้ามีแต่จะเห่าใส่และวิ่งเข้ามาเลียระดูก แม้ว่าเผ่าคนเถื่อนจะดุร้ายและสมควรตายไปเสีย แต่มองจากอีกมุม ก็นับว่าเป็นสุนัขที่ดีได้”
“เจ้าต่างหากที่สมควรตาย !” ปู้เล่อคำรามเสียงดังแล้วพุ่งเข้ามา
ซูเฉินตบหน้าเขาจนร่างกระเด็นไปโดยง่าย “จะไม่ยอมรับกับสิ่งที่ข้าพูดก็ได้ แต่นั่นคือเรื่องจริง เป็นสิ่งที่ข้าวางแผนจะทำให้เกิดขึ้น ส่วนตอนนี้ ก่อนที่เจ้าจะได้กลายเป็นสุนัขของข้า เจ้าจำต้องเป็นตัวทดลองของข้าก่อน จะไม่ให้ความร่วมมือก็ได้ แต่อย่าลืมว่าการทดลองนี้ก็เพื่อทำให้คนเถื่อนสามารถใช้พลังต้นกำเนิดได้ เจ้าอาจรู้สึกถูกทำให้อับอายด้วยการทดลองเหล่านี้ แต่หากเจ้าไม่ร่วมมือ เช่นนั้น เผ่าคนเถื่อนที่รอดชีวิตมาทั้งหมดก็ไม่มีค่าพอจะเป็นสุนัขรับใช้ด้วยซ้ำ แต่สำหรับเจ้า เจ้ามีแรงบันดาลให้ต้องทำตามเพราะว่าเจ้าเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ของตานปาไปแล้วใช่หรือไม่ ? ฉะนั้นทำตามคำสั่งของเขาจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นข้าเองก็ไม่กลัวที่จะต้องสังหารเจ้า แล้วให้ตานปาส่งลูกน้องคนอื่นมาแทน ถึงตอนนั้น ความตายของเจ้าจะไร้ค่า แต่กลับกัน มันจะยิ่งสร้างปัญหาให้กับตานปา”
ปู้เล่อถึงกับพูดไม่ออก
มีแต่คนที่ถือไพ่เหนือกว่าเท่านั้นที่จะสามารถวางท่าเช่นนี้ได้ แม้ทุกประโยคที่อีกฝ่ายพูดมาจะแทงลงที่กลางใจจนหลั่งโลหิต ปู้เล่อก็ไม่อาจหาคำแก้ตัวหรือปฏิเสธมันได้เลย
ปู้เล่อคุกเข่าลงกับพื้น ส่งสายตาดุร้ายไปทางซูเฉินราวกับสัตว์ป่า “จุดจบเจ้าย่อมไม่ดีแน่”
“ก็อาจจะ แต่นั่นไม่สำคัญ เพราะส่วนที่น่าตื่นเต้นที่สุดในชีวิตคือการใช้ชีวิตอย่างไรเล่า” ซูเฉินเอ่ยเสียงเรียบ
จากนั้นจึงเดินไปหาเหล่าคนเถื่อนที่ถูกจับตัวมา
แล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าโชคดีแต่ก็โชคร้าย ไม่ได้มีชะตาถูกผ่าถูกสังหารอีกแล้ว แต่เป็นการถูกนำมาทดลองต่าง ๆ มากกว่า ซึ่งข้าก็ไม่รู้ว่าการทดลองใหม่นี้จะทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง พวกเจ้ามีแต่ต้องภาวนาและให้ความร่วมมือ หากโชคดีก็รอดชีวิต ไม่แน่ยังอาจได้อำนาจแข็งแกร่งมาครอง”
เขาไม่ได้กล่าวว่าหากโชคร้ายแล้วจะเป็นอย่างไร แต่คนเถื่อนทั้งหมดก็รู้ดีว่าหมายความว่าอย่างไร
ในเมื่อตอนนี้ตกอยู่ในกำมือปีศาจซูเฉินแล้ว ก็ต้องมีชีวิตอยู่ให้มีประโยชน์ ไม่เช่นนั้นก็ต้องชินชากับความตายได้แล้ว แท้จริงแล้วทั้งสองอย่างนี้อาจจะเหมือนกันด้วยซ้ำ
“เมื่อครู่บอกว่าควบคุมพลังต้นกำเนิดงั้นหรือ ?” น้ำเสียงใสเอ่ยขึ้น
เป็นเล่อน่า นักพยากรณ์กระดูก
นางยังไม่ตาย โชคดียังรอดชีวิตอยู่ แต่ก็หน้าซีดดูแห้งเหี่ยวนัก
“ถูกต้อง” ซูเฉินตอบให้ “ข้าจะทำการค้นคว้าหาวิธีที่ทำให้คนเถื่อนสามารถควบคุมพลังต้นกำเนิดได้ หากพวกเจ้ายังหลงเหลือความจงรักภักดีต่อเผ่าพันธุ์ เช่นนั้นก็ร่วมมือกับข้าจะดีกว่า”