ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ Facebook Fanpage กดเลย
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
••••••••••••••••••••
**บทที่****280:**สังหารหมู่
ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น ซ่งจงโบกมือพร้อมกับเปิดใช้งานสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ส่งไปยังแม่มดทั้งส่งราวกับพายุสายฟ้า
ไม่ต้องสงสัยในความแข็งแกร่งของแม่มดทั้งสองเลย ในขณะที่ความแข็งแกร่งของสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ทองคำที่ซ่งจงใช้นั้นมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์หยินหยางแห่งธาตุทั้งห้า แม่มดทั้งสองนั้นสามารถป้องกันมันได้อย่างง่ายดายถ้าหากมีเพียงสิบ แม้ว่ามันจะมีมากมายเป็นร้อยลูก แต่นับได้ว่ามันเสี่ยงกับการที่สมบัติของพวกนางจะถูกทำลาย แต่ในตอนนี้พวกนางต้องเผชิญกับสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ทองคำนับพันลูก แน่นอนว่าไม่มีตัวเลือกมากนัก ถ้าหากต้องการที่จะเผชิญหน้าต่อไป แน่นอนว่าทั้งสองคนจะต้องถูกย่างสด! แม้ว่าจะไม่ตายก็คงจะบาดเจ็บสาหัส
แม้ว่าจะเจ็บใจ แต่แม่มดทั้งสองเลือกที่จะถอยเพียงเพื่อตั้งหลักเท่านั้น แต่ช่วงเวลาที่พวกนางกำลังหลบหนี ภูเขาที่ทั้งสองคนได้อาศัยอยู่มาเนิ่นนานจะถูกทำลายอย่างราบคาบ ลูกไฟมากมายลอยอยู่ในอากาศพร้อมกับเกิดเสียงระเบิดขึ้นตลอดเวลา ก้อนหินแตกกระจายเกิดเป็นฝุ่นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
หลังจากที่ฝุ่นหายไป พื้นที่รัศมีกว่าพันลี้ถูกเป่าให้ราบเป็นหน้ากอง ถ้ำที่ซ่อนอยู่ก็ไม่อาจหลบหนีชะตากรรมเหล่านี้ได้ แน่นอนว่ามันหายไปพร้อมกับภูเขาลูกนี้!
ถ้ำเหล่านี้ล้วนแต่เป็นที่ฝึกฝนของผู้ฝึกตนระดับจินตัน ทั้งหมดยืนมองถ้ำของตนพร้อมกับตะโกนออกมาอย่างเดือดดาล “ถ้ำของข้า! สมบัติข้า! จบสิ้นกัน! ไอ้ซ่งจงไอ้บัดซบ เจ้ากับข้าเราจะเป็นศัตรูกันนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!”
แน่นอนว่าบุคคลเหล่านั้นได้แต่โกรธจัดและหงุดหงิดอยู่ในกลุ่มของตนเท่านั้นแต่ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะออกมาสู้กับซ่งจง
ซ่งจงปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเมื่อเห็นแม่มดทั้งสองกำลังวิ่งหนีและเขาไม่คิดจะติดตามแต่อย่างใด ซ่งจงนั้นรู้ดีว่าเรือมังกรทองคำนั้นแข็งแกร่ง แต่ความเร็วของมันน้อยเกินไปเพราะขนาดของมัน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสังหารแม่มดทั้งสอง แทนที่จะใช้หินจิตวิญญาณจำนวนมหาศาลเพื่อไล่ตามทั้งสอง ซ่งจงคิดว่านำมันไปทำลายสำนักพันปีศาจจะยอดเยี่ยมกว่า!
ดังนั้นเมื่อซ่งจงปล่อยให้แม่มดทั้งสองออกไป เขาเริ่มทำลายสำนักพันปีศาจอีกครั้ง! สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์มากมายนับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงมาจากฟ้า โจมตีในสถานที่ที่มีผู้ฝึกตนมากที่สุด เกิดเพลิงไหม้นับไม่ถ้วนในบริเวณนั้น เหล่าสาวกที่อ่อนแอถูกเผาเป็นเถ้าถ่านเพียงเพราะไม่มีความสามารถในการหลบหนี เรียกได้ว่าเป็นการสังหารหมู่ที่โหดร้ายที่สุด!
แน่นอนว่าเหล่าสาวกของสำนักพันปีศาจนั้นไม่ได้โง่เขลา ทั้งหมดไม่คิดจะร่วมเป็นสักขีพยานในการสังหารหมู่ของซ่งจง ทั้งหมดวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอดด้วยพลังทั้งหมดที่มี ด้วยจำนวนคนที่มากและซ่งจงมีเพียงเรือมังกรทองคำ มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าทั้งหมดในคราวเดียว แน่นอนว่าทุกคนจึงต้องรีบหนีให้เร็วที่สุด
ส่วนบุคคลที่กำลังหลบหนีไป ซ่งจงไม่อาจใส่ใจกับคนเหล่านั้นได้ หลังจากที่สังหารเหล่าสาวกที่อ่อนแอ ซ่งจงเริ่มที่จะทำลายอาคาร ห้องโถงต่างๆภายในสำนัก เขาทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า ทุกสิ่งล้วนแต่เป็นสิ่งสำคัญของสำนัก
ในขณะที่สถานที่เหล่านี้ล้วนแต่มีค่ายกลป้องกัน การป้องกันเหล่านี้สามารถป้องกันพลังของผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินขั้นต้นเท่านั้น แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรือมังกรทองคำ การป้องกันเหล่านี้ดูเปล่าประโยชน์โดยสมบูรณ์ ซ่งจงเพียงโบกมือครั้งเดียวทำให้สิ่งปลูกสร้างเหล่านี้ถูกทำลายย่อยยับในคราวเดียว
ในขณะที่ซ่งจงกำลังทำลายสำนักพันปีศาจอย่างเพลิดเพลิน แม่มดทั้งสองก็ไม่อาจทำอะไรได้เช่นกัน ทั้งสองรู้ดีว่าไม่อาจเอาชนะเรือมังกรทองคำได้เพียงพลังของตนเอง ดังนั้นพวกนางจึงคิดที่จะเปิดการใช้งานค่ายกลของสนัก
อย่างไรก็ตาม แกนกลางของค่ายกลนั้นอยู่ด้านในของห้องโถงภายในสำนักชั้นในและมันเป็นเขตพื้นที่ของจ้าวสำนัก สถานที่สำคัญเช่นนั้นแน่นอนว่านักบวชเซือหมัวจะต้องให้ความสำคัญกับมันอย่างแน่นอนและเขามอบหมายให้เซียนเก็กฮวยดูแลมัน เนื่องจากเป็นสาวกในฝ่ายของนักบวชเซือหมัว ความสัมพันธ์ของเขาและแม่มดทั้งสองนั้นเปรียบได้กับไฟและน้ำ บวกกับความสำคัญของสถานที่แห่งนี้ แน่นอนว่าเซียนเก็กฮวยจะไม่ยอมให้นางเข้าไปวุ่นวายแน่นอน
ถ้าหากเป็นสถานการณ์ปกติ แน่นอนว่าแม่มดทั้งสองจะไม่ยอมเข้าใกล้สถานที่แห่งนั้น แต่วันนี้สถานการณ์นั้นแตกต่างออกไป ตาเฒ่าเฟิงตายตกไปแล้วและค่ายกลของสำนักยังไม่เปิดใช้งาน ในตอนนี้เหล่าสาวกมากมายกำลังสาปแช่งซ่งจงภายในใจ ทั้งหมดทำได้เพียงยืนมองซ่งจงทำลายสำนักของตนเองอย่างช้าๆ
ในขณะที่แม่มดเมฆาและวายุไม่ชื่นชอบเซียนเก็กฮวย แต่ทั้งสองต้องละฐิถิของตนเพื่อรักษาสำนักไว้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทั้งสองแยกอารมณ์ส่วนตัวออกจากช่วงเวลาที่วิกฤติ ทั้งสองไม่ได้คิดที่จะยึดอำนาจแต่เพียงต้องการป้องกันซ่งจงไว้เท่านั้น
อย่างไรก็ตามในขณะที่แม่มดทั้งสองมีความตั้งใจที่ดี แต่ทุกสิ่งนั้นเกิดความคาดหมายของนางไปมาก เมื่อทั้งสองเดินทางมาถึงสถานที่หวงห้าม ทั้งสองถูกปิดกั้นโดยผู้ฝึกตนระดับจินตันและกล่าวว่านางไม่ได้รับอนุญาตจากเซียนเก็กฮวย
แม่มดทั้งสองโกรธแค้นมากถึงกับสาปแช่งในใจ ‘มันใช่เวลาหรือไม่! พวกเจ้านั้นไม่กังวลอะไรกันเลยหรือ?’
อย่างไรก็ตามนอกจากโกรธแล้วแม่มดทั้งสองไม่อาจทำอะไรผู้ฝึกตนจินตันได้ เพราะสถานที่แห่งนี้ล้วนแต่เป็นเขตแดนของพวกเขาและแม่มดทั้งสองจะต้องถูกเผาไหม้จนตายแน่นอนถ้าหากคิดจะต่อสู้ เพราะค่ายกลนั้นตั้งอยู่ที่นี่
ดังนั้นแม่มดทั้งสองกลืนความโกรธลงคอและร้องขอเพื่อเข้าพบกับเซียนเก็กฮวย ในเวลานั้นผู้ฝึกตนระดับจินตันไม่ปฏิเสธและรับคำขอไว้ จากนั้นให้รอสักครู่เพื่อที่จะเข้าไปรายงานด้านใน
ดังนั้นแม่มดทั้งสองจึงยืนรออยู่ด้านนอก ในตอนท้ายเซียนเก็กฮวยไม่ปรากฏตัวขึ้นไม่ว่าทั้งสองจะยืนรอนานเพียงใด ในตอนนี้ซ่งจงนั้นสังหารสาวกระดับต่ำมากมายพร้อมทั้งสิ่งก่อสร้างต่างๆ ทั้งคู่ไม่สามารถอดทนมองภาพนี้ได้อีกต่อไป ถ้าหากยังคงรอคอยอยู่เช่นนี้สำนักพันปีศาจจะต้องหายไปจากภูเขาอย่างแน่นอน
ดังนั้นแม่มดทั้งสองจึงใช้ดาบบินทำลายค่ายกลของสถานที่แห่งนี้และพุ่งเข้าไปทันที
เมื่อแม่มดทั้งสองก้าวเท้าเข้ามาด้านใน ทั้งคู่ไม่เห็นผู้ใดแต่กลับได้ยินเสียงลึกลับ “แม่มดทั้งสองนั้นสมรู้ร่วมคิดกับซ่งจงและต้องการทำลายค่ายกลของสำนัก! พี่น้องเอ๋ย สังหารนาง!”
เมื่อเสียงนั้นกล่าวจบ สมบัติวิเศษและดาบบินต่างๆพุ่งเข้าใส่นางอย่างไม่รีรอ แม่มดทั้งสองถูกบีบบังคับให้ออกไปจากถ้ำอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าแม่มดทั้งสองนั้นโกรธแค้นอย่างมาก พวกนางตั้งใจที่จะมาช่วยเหลือจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ แต่ในตอนสุดท้ายพวกนางกลับถูกใส่ร้ายว่าร่วมมือกับซ่งจงและเหล่าศิษย์กล้าที่จะโจมตีเข้ามา!
เช่นนี้แม่มดทั้งสองจะสามารถกลืนความขุ่นเคืองลงไปในลำคอได้อย่างไร? ดังนั้น นางจึงตะโกนออกมาอย่างเดือดดาล “เซียนเก็กฮวยเจ้ากล้าที่จะโจมตีอาวุโสงั้นหรือ?”
“เหอะ ทุกคนล้วนแต่มีสิทธิ์ที่จะสังหารคนทรยศ เหตุใดข้าจึงจะไม่กล้าโจมตีท่านทั้งคู่?” เมื่อกล่าวเช่นนั้น ชายวัยกลางคนสวมใส่เสื้อคลุมที่ปักดอกเก็กฮวยไว้เดินออกมาพร้อมกับสาวกระดับจินตันสี่คน ทั้งหมดมองมาที่แม่มดทั้งสองด้วยใบหน้าที่รังเกียจราวกับว่าพวกนางนั้นเป็นคนทรยศจริงๆ
แม่มดทั้งสองโกรธจัดจนใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียว พวกนางเพียงแค่พังประตูเข้าไปแต่เหล่าสาวกกลับกระทำเช่นนี้กับนาง แล้วจะอดทนต่อสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
ทั้งสองนำสมบัติวิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาพร้อมกล่าวอย่างเยือกเย็น “เฉาอี้ สำนักพันปีศาจกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้าย แทนที่เจ้าจะเปิดการใช้งานค่ายกลสำนักเพื่อป้องกันศัตรู แต่เจ้ากลับพยายามจะใส่ร้ายเราทั้งคู่ที่นี่ การกระทำของเจ้านั้นหมายถึงสิ่งใด? ถ้าหากไม่อธิบายให้เราทั้งสองฟังด้วยเหตุผลที่ดี พวกเราทั้งสองจะประหารชีวิตเจ้าทันที แม้ว่าจะต้องสร้างความเคืองใจให้กับศิษย์พี่เซือหมัว!”
“Hmph!” Daoist Chrysanthemum snorted, “You two bitches still have the face to say that? If not for the both of you destroying the core of the formation, the formation would have already been activated. Senior Uncle Feng would also not have died and the Thousands Desire Sect would not have been reduced to such a state.”
“เหอะ!” เซียนเก็กฮวยพ่นลมหายใจออกมา “นังเพศยา พวกเจ้ายังมีหน้ามากล่าวเช่นนี้อีกงั้นหรือ? ถ้าหากไม่ใช่เพราะพวกเจ้าทำลายแกนกลางของค่ายกล แน่นอนว่ามันจะต้องถูกเปิดใช้งานแล้ว และอาวุโสเฟิงก็จะไม่ตาย สำนักพันปีศาจก็จะไม่ถูกทำลายเช่นนี้ด้วย!”
“ใช่แล้ว เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นจากพวกเจ้าทั้งคู่ พวกเราจะรายงานกับจ้าวสำนักว่าเจ้าทั้งสองนั้นทรยศ!” ผู้ฝึกตนระดับจินตันที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวออกมาอย่างโกรธจัด
ในทันทีที่แม่มดทั้งสองได้ยินเช่นนั้น พวกนางแทบจะโกรธจัดจนกระอักเลือดตาย ‘พวกเรานั้นไปทำลายแกนกลางของค่ายกลตั้งแต่เมื่อใดกัน? เห็นได้ชัดว่าบุคคลเหล่านี้กำลังใส่ร้ายเราอยู่! แต่ทว่าเซียนเก็กฮวยนั้นเป็นสาวกคนสำคัญของนักบวชเซือหมัว และในอนาคตเขาจะกลายเป็นจ้าวสำนัก แม้ว่าจะมีความขัดแย้งกับเรา แต่เขาก็ไม่ควรที่จะเลือกช่วงเวลาเช่นนี้เพื่อจัดการเราถูกไหม? นอกจากนั้นอาจารย์ของเขาจะต้องเป็นผู้ที่สูญเสียมากที่สุดถ้าหากสำนักถูกทำลาย’
เมื่อคิดเช่นนี้ แม่มดทั้งสองนึกได้ทันทีว่าซ่งจงนั้นครอบครองภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า พร้อมทั้งค่ายกลของสำนักไม่สามารถเปิดใช้งานได้เพราะการปฏิบัติตนแปลกๆของเซียนเก็กฮวย เมื่อพวกนางรู้ตัวเช่นนี้จึงอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา “ไม่ใช่ เจ้าไม่ใช่เซียนเก็กฮวย เจ้าคือแม่มดเทวะที่อยู่ในภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า!”
สำหรับเซียนเก็กฮวยที่ได้ยินเช่นนั้น เขาเผยรอยยิ้มออกมาบางๆ “อ่า ฉลาดมาก ถูกต้องแล้ว พวกเราคือแม่มดเทวะ เจ้ากล่าวถูก แต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไปแล้ว!”
แม่มดทั้งสองที่ได้ยินเช่นนั้น จับดาบบินของตนเองและพุ่งไปด้านหน้าพร้อมกับคำรามออกมาทันที “นังสารเลวอย่าได้ใจไปหน่อยเลย! ตราบใดที่เราสามารถสังหารเจ้าได้และเปิดการใช้งานค่ายกล แน่นอนว่ามันจะไม่มีทางสายไป!”
เมื่อทั้งสองกล่าวออกไปเช่นนั้น แสงดาบมากมายพุ่งเข้าหาเซียนเก็กฮวยพร้อมกับสาวกที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา