ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK

สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ

••••••••••••••••••••

**บทที่****281:**สถานการณ์ที่เลวร้าย

แม่มดเมฆาและวายุนั้นคิดว่าเพียงความแข็งแกร่งของเซียนเก็กฮวยและพวกพ้วง นางสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน ถ้าหากซ่งจงมาถึงที่นี่พร้อมด้วยเรือมังกรทองคำ แน่นอนว่าเวลานั้นพวกนางจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ดังนั้นหากต้องหากจะจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด ทั้งสองจำเป็นต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีทันที

อย่างไรก็ตามแม่มดเมฆาและวายุไม่เคยคาดคิดว่าหลังจากที่ทั้งสองปลดปล่อยการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองไป ทั้งเซียนเก็กฮวยและเหล่าสาวกที่เหลือจะไม่ป้องกันสิ่งใดเลย พวกเขามองแม่มดทั้งสองด้วยรอยยิ้มพร้อมปล่อยให้ร่างกายรับการโจมตีนั้นตรงๆ สุดท้ายทั้งหมดหายไปกลายเป็นผุยผง

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เซียนเก็กฮวยและเหล่าสาวกที่เหลือไม่ได้กล่าวอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ทั้งหมดตายตกไปทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ห่างไกลจากความคิดของแม่มดเมฆาและวายุอย่างมาก ทั้งสองตื่นตระหนักอย่างมากกับเหตุการณ์เช่นนี้

ในเวลานั้นเอง เงาดำทั้งห้าลอยออกมาจากร่างกายของเซียนเก็กฮวยและสาวก หนึ่งในนั้นกล่าวออกมาว่า “ฮ่าฮ่า ความขัดแย้งภายในนั้นไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก! ศัตรูมาเคาะประตูบ้านของเจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่สนใจศัตรูเหล่านั้น อีกทั้งยังลงมือสังหารศิษย์คนสำคัญของจ้าวสำนักอีกด้วย ฮี่ฮี่ ข้าอยากจะรู้จริงๆว่าเจ้าจะอธิบายเรื่องนี้แก่นักบวชเซือหมัวอย่างไร!”

เมื่อนางกล่าวออกมาเช่นนั้น แม่มดเทวะล่าถอยไปทันที พวกนางได้สร้างสถานการณ์ให้กับแม่มดเมฆาและวายุเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลือต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนักบวชเซือหมัว

หลังจากที่แม่มดเมฆาและวายุได้ยินเช่นนั้น ท่าทีของพวกนางเปลี่ยนทันที ในตอนนี้ทั้งสองเพิ่งรู้ตัวว่าตกหลุมพรางเข้าแล้ว อีกทั้งเซียนเก็กฮวยผู้นี้ไม่ใช่บุคคลทั่วไป เขาเป็นศิษย์ที่นักบวชเซือหมัวโปรดปรานอย่างมาก หลังจากที่นายน้อยยู่เฟิงแห่งสำนักพันปีศาจได้ตายตกไป จึงเป็นเหตุให้จ้าวสำนักเลือกเซียนเก็กฮวยเพื่อขึ้นมาสืบทอดตำแหน่งผู้นำ แต่บุคคลที่จ้าวสำนักรักเช่นนี้กลับต้องมาตายตกไปด้วยน้ำมือของสองพี่น้องเช่นนี้ แล้วนักบวชเซือหมัวจะยอมปล่อยเรื่องนี้ไปโดยง่ายได้อย่างไร?

ในขณะที่เซียนเก็กฮวยถูกควบคุมด้วยแม่มดเทวะ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากแม่มดเมฆาและวายุ แต่ผู้ฝึกตนระดับสูงที่ซ่อนตัวจากการไล่ล่าของซ่งจงนั้นเห็นว่าแม่มดเมฆาและวายุสังหารเซียนเก็กฮวยและสาวกทั้งหมด

เนื่องจากระยะทางที่ห่างไกล พวกเขาไม่สามารถได้ยินบทสนทนาที่แม่มดทั้งสองพูดคุยกับเซียนเก็กฮวย แน่นอนว่าจึงไม่มีผู้ใดรู้ความจริง พวกเขาเห็นเพียงแม่มดทั้งสองสังหารเซียนเก็กฮวย แล้วทั้งหมดจะคิดอย่างไร? แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องรายงานเรื่องนี้ต่อนักบวชเซือหมัวอย่างแน่นอน

แม่มดเมฆาและวายุนั้นรู้ว่าบุคคลเหล่านี้ตกหลุมพรางของซ่งจงแล้วและเป็นพยานต่อสถานการณ์นี้อย่างแน่นอน สิ่งเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเหล่านั้นจะไม่ช่วยกู้สถานการณ์ นอกจากนี้ยังมีหลายคนที่หลบซ่อนตัวอยู่และจุดที่พวกเขาซ่อนตัวนั้นไม่สามารถมองเห็นได้โดยง่าย ซึ่งเป็นไปได้ยากมากที่พวกนางจะสังหารผู้คนทั้งหมดที่เห็นเหตุการณ์นี้ หรือถ้าพวกนางไล่ล่าและตามสังหารพวกเขาทั้งหมด แน่นอนว่าจ้าวสำนักจะต้องคิดว่าทั้งสองนั้นสังหารเพื่อนร่วมสำนักเดียวกัน!

ในตอนนี้แม่มดเมฆาและวายุต่างตกอยู่ในกับดักแห่งความโศกเศร้า นางไม่สามารถสังหาร ไม่สามารถต่อสู้ต่อไปได้ มันไม่มีประโยชน์อะไรที่ทั้งสองจะพยายามต่อไปหรือจะอธิบายอะไรให้ใครฟัง ซ่งจงนั้นวางกองอึขนาดมหึมาไว้บนศีรษะของทั้งสองเรียบร้อยแล้ว! ทั้งสองโกรธจัดแต่ไม่อาจทำอะไรได้เลย

แต่หลังจากที่แม่มดเมฆาและวายุนั้นเคยผ่านปัญหามากมายนับไม่ถ้วน แม้ว่าในตอนนี้ทั้งสองจะรู้ตัวว่าตกหลุมพรางของซ่งจง พวกนางยังคงอยู่ในความสงบ ทั้งสองนั้นมีสติและรู้ว่าสิ่งสำคัญในตอนนี้คือการเปิดใช้งานค่ายกลของสำนัก ตราบใดที่ทั้งสองสามารถปกป้องสำนักพันปีศาจไว้ได้ พวกนางก็จะมีใบหน้าที่จะไปพบกับนักบวชเซือหมัวได้ในอนาคต

เมื่อคิดเช่นนี้ แม่มดเมฆาและวายุไม่อาจใส่ใจกับสิ่งอื่นได้อีก ทั้งสองวิ่งเข้าไปในถ้ำและทำลายคาถาป้องกันทั้งหมดที่ขวางอยู่และเข้าสู่ใจกลางของถ้ำอย่างรวดเร็ว แกนกลางของถ้ำนั้นสูงใหญ่กว่าพันฟุต ภายในนั้นมีค่ายกลขนาดใหญ่ตั้งอยู่ มันถูกสร้างโดยผู้ฝึกตนระดับเฟินเสิ่น ซึ่งเป็นค่ายกลป้องกันของสำนักพันปีศาจ

ในขณะที่แม่มดเมฆาและวายุเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ ทั้งสองตกใจโดยสมบูรณ์ ซากศพกว่าสามร้อยกองเกลื่อนไปทั่วทุกพื้นที่ ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิมากมายตายตกอยู่ในที่แห่งนี้ อีกทั้งยังมีผู้ฝึกตนระดับจินตันอีกสองคน

แน่นอนว่าผู้ฝึกตนระดับจินตันสองคนและผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิจำนวนสามร้อยคนนั้นเพียงพอที่จะสังหารผู้ฝึกตนระดับจินตันห้าคน!

แต่ปัญหาก็คือแม่มดเทวะไม่ต่อสู้กับพวกเขาทั้งหมดนี้อย่างแน่นอน พวกนางจะต้องใช้สถานะของเซียนเก็กฮวยและใช้สัญญาณลับเพื่อสั่งให้เหล่าสาวกระดับจินตันทั้งห้าซุ่มโจมตี ไม่เช่นนั้นทั้งห้าคนจะไม่สามารถออกไปด้านนอกได้โดยไม่บาดเจ็บใดๆ

แน่นอนว่าศพที่นอนเกลื่อนอยู่ในขณะนี้ไม่ทำให้แม่มดทั้งสองใจเย็นได้เลย เพราะสิ่งที่ทำให้ทั้งสองรู้สึกหดหู่ก็คือความจริงที่ค่ายกลป้องกันที่ถูกสร้างด้วยความยากลำบากของผู้ฝึกตนระดับเฟินเสิ่นนั้นถูกทำลายไปอย่างสมบูรณ์ วัสดุมากมายที่สำคัญถูกขุดออกไปเหลือทิ้งไว้เพียงหลุมขนาดใหญ่เท่านั้น

นอกเหนือจากนี้เหล่าแม่มดเทวะยังใช้ดาบบินของพวกนางเพื่อสร้างความปั่นป่วนให้กับค่ายกล แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญที่สร้างมันขึ้นมาก็ไม่อาจจะแก้สถานการณ์นี้ได้ กล่าวได้ว่าค่ายกลเหล่านี้ถูกทำลายโดยสมบูรณ์และเกินกว่าที่จะซ่อมแซมมันได้!

เมื่อจ้องมองไปยังค่ายกล แม่มดทั้งสองอยู่ในสภาวะมึนงงโดยสมบูรณ์ ทั้งสองอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา “สำนักพันปีศาจถูกทำลายจริงๆงั้นหรือ?”

ในขณะที่แม่มดทั้งสองกับเผชิญหน้ากับความสิ้นหวัง ซ่งจงกำลังสนุกสนานอย่างมากกับการใช้งานเรือมังกรทองคำ เขาใช้สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ทำลายโถงและอาคารทุกอย่างที่ขวางหน้า ในตอนนี้เขาน่ากลัวเกินไป นับได้ว่าเขาเป็นคนแรกที่จะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ของเทือกเขาใหญ่แห่งนี้!

แน่นอนว่าที่สำนักพันปีศาจถูกทำลายเช่นนี้เป็นเพราะมีส่วนรู้เห็นในการสังหารครอบครัวของเขา ซ่งจงนั้นทำลายสำนักแห่งนี้ด้วยความสะใจ ในตอนนี้เขามาถึงใจกลางของสำนักพันปีศาจโดยที่ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย

ซ่งจงมองจากระยะไกลพร้อมตระหนักได้ว่ามันเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่รัศมีกว่าห้าลี้ มีอาคารมากมายสูงใหญ่นับร้อยฟุตพร้อมกับสถาปัตยกรรมที่สวยงามอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกมันถูกล้อมรอบโดยถ้ำที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญอาศัยอยู่ นั่นยิ่งทำให้มันดูโดดเด่นอย่างยิ่ง

แน่นอนว่าเมื่อซ่งจงเห็นเช่นนี้ เขาจะไม่มีทางปล่อยไปอย่างง่ายดายแน่นอน เขานำเรือของตนเองเข้าพื้นที่ทันที ด้วยความเร็วของเรือมังกรทองคำ เขาใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ซ่งจงเผยรอยยิ้มร้ายกาจออกมาพร้อมกับถล่มทุกสิ่งอย่างด้วยสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์

แต่ในตอนนี้ปรากฏแสงสีรุ้งผ่านดวงตาของซ่งจง เขาเงยหน้าขึ้นมองแสงนั้นทันที จากนั้นเขาพบเรือขนาดยักษ์พร้อมรบสามลำอยู่ตรงหน้าของเขา

ในจำนวนเรือทั้งสามลำนี้ มีสองลำที่เล็กและหนึ่งลำที่ใหญ่ ลำที่เล็กลำหนึ่งสีดำและลำหนึ่งสีขาว ขนาดของทั้งสองลำนี้ไม่เกินหนึ่งพันฟุต ซ่งจงรู้สึกว่าลำสีขาวนั้นเขาคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นเขาตระหนักได้ว่ามันคือเรือรบของสำนักเสวียนเทียน เขาเคยนั่งมันเพื่อไปยังหอเฉวียนจี้มาก่อน ถ้าหากเป็นเช่นนี้เรือทั้งสามลำนั้นเป็นของสำนักเสวียนเทียนทั้งหมดหรือไม่?

เมื่อคิดเช่นนี้ ซ่งจงตรวจสอบพวกมันอย่างระมัดระวัง มันคือเรือสีแดงขนาดสองพันฟุต เรือลำนี้นั้นเปรียบได้กับมังกรไฟ เปลวไฟสีแดงบดบังตัวเรืออย่างสมบูรณ์และซ่งจงไม่อาจบอกได้ว่ามันเหมือนกับมังกรได้อย่างไร

อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถหยุดการมองของซ่งจงได้ ด้านบนสุดของเรือมีกลุ่มชายชราสวมใส่ชุดคลุมสีแดง เขาคือคนที่ซ่งจงจะไม่มีวันลืมนั่นก็คือนักบวชฮัวอวิ๋น

เนื่องจากนักบวชฮัวอวิ๋นอยู่บนเรือลำนี้ แน่นอนว่ามันเป็นสมบัติของสำนักเสวียนเทียนอย่างแน่นอนนั่นก็คือเรือมังกรไฟ สำหรับอีกสองลำก็คงจะเป็นเรือของสำนักเสวียนเทียนเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขานำทุกสิ่งอย่างออกมาเพื่อจัดการกับซ่งจง

เมื่อเห็นเช่นนี้ ความโกรธภายในใจของซ่งจงอย่างรวดเร็ว ‘ไอ้เฒ่าบัดซบฮัวอวิ๋น ในขณะที่ข้าต้องไปต่อสู้กับอสูรกายในทะเลตะวันออก เจ้าไม่เคยส่งเรือมาให้ข้าแม้แต่ลำเดียว แต่ในตอนนี้เจ้าต้องการที่จะสังหารข้ากลับต้องใช้เรือถึงสามลำ! เจ้านั้นไร้ยางอายจริงๆ! เหอะ จงลืมมันไป มีถนนเพื่อไปสู่สวรรค์แต่เจ้ากลับไม่ต้องการมัน ที่แห่งนี้ไม่มีประตูไปสู่นรกแต่เจ้ากลับคิดจะค้นหามัน! นับจากนี้ข้าจะไม่แสดงความเมตตาอีกต่อไป เรือทั้งสามลำนี้ไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะนำมาวางไว้ในสถานที่ของข้าอย่างแน่นอน!’

เมื่อคิดเช่นนี้ ซ่งจงต้องการจะเปิดใช้งานเรือมังกรทองคำ แต่ในตอนนี้เขาเกิดลางสังหรณ์ที่เลวร้ายขึ้นมา จากนั้นเขาหันหลังกลับพร้อมกับตกใจทันที

ปรากฏว่ามีเรืออีกสามลำอยู่ที่ด้านหลังของซ่งจง เพียงแต่ว่ามันไม่ได้อยู่ในรูปแบบของเรือแต่เป็นรูปแบบของหอคอย สองลำนั้นสูงใหญ่กว่าพันฟุตและมีสิบชั้น อีกลำหนึ่งนั้นสูงกว่าสองพันฟุตและมียี่สิบชั้นพร้อมกับมีหญิงสาวอยู่ด้านบนสุดของเรือ

ผู้ฝึกตนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดสวมชุดคลุมสีเขียวด้วยใบหน้าที่เย็นชา ใบหน้าของหน้าเต็มไปด้วยจิตสังหารราวกับว่าต้องการชำระแค้นหนี้ทั้งหมดที่โลกนี้ได้ติดค้างนางไว้ นางคือผู้นำแห่งหอเฉวียนจี้เทพธิดาชิงหยุน

 

 

ในขณะที่ซ่งจงเห็นนาง ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดงและมองไปที่นักบวชฮัวอวิ๋นที่อยู่ด้านข้าง ความจริงแล้วบุคคลที่เขาเกลียดชังมากที่สุดคือเทพธิดาชิงหยุน ถ้าไม่ใช่เพราะนาง แน่นอนว่าเรื่องราวเหล่านี้ย่อมไม่เกิด! นอกจากนี้นางยังเป็นมารดาของฮัวเฉียนหวู่อีกด้วย และแน่นอนว่าฮัวเฉียนหวู่จะต้องถูกซ่อนอยู่ภายในเรือยักษ์เหล่านั้น ถ้าหากซ่งจงได้ชำระแค้นกับทั้งสอง แน่นอนว่าบิดามารดาของเขาจะต้องพอใจ!

เมื่อคิดเช่นนี้ซ่งจงนั้นไม่สนใจนักบวชฮัวอวิ๋นอีกต่อไป เขาหันเรือไปหาหอเฉวียนจี้ทันที

แต่ก่อนที่เรือมังกรทองคำของซ่งจงจะมีโอกาสได้เลี้ยว ซ่งจงรู้สึกตกใจอย่างมากเมื่อมีเรืออีกสามลำปรากฏขึ้นด้านข้างของเขา แม้ว่าพวกมันมีความยาวไม่เกินสองพันฟุต แต่แน่นอนว่าเพียงหกลำที่มีอยู่ในตอนนี้ก็ทำให้ซ่งจงยากที่จะรับมือได้ไหวแล้ว…