ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ Facebook Fanpage กดเลย
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
••••••••••••••••••••
**บทที่****282:**รอบทิศทาง
แท้จริงแล้วกลุ่มเรือยักษ์เก้าลำนั้นไม่เพียงพอที่จะข่มขู่ซ่งจง แต่เพราะว่ามันถูกวางไว้รอบทิศทางจึงทำให้ดูเหมือนว่าตอนนี้เขากำลังถูกล้อมไว้ ตอนนี้มีศัตรูจากสามทิศทาง ถ้าเช่นนี้จะมีศัตรูจากทิศทางที่สี่หรือไม่? เมื่อคิดเช่นนี้ ซ่งจงหันศีรษะของเขาอย่างรวดเร็วและมองหาเรือยักษ์ที่ซ่อนอยู่ทันที
การถูกล้อมรอบด้วยเรือยักษ์สิบสองลำไม่ใช่เรื่องตลก แม้ว่าจะเป็นเรือมังกรทองคำก็ไม่อาจเอาชนะได้ เมื่อคิดเช่นนี้ซ่งจงรีบจัดการกับความโกรธของตนเอง เมื่อเขาฟื้นคืนสติเขาพบว่าศัตรูของเขาไม่เพียงแต่นำเรือยักษ์มาสิบสองลำเท่านั้น แต่พวกเขากลับมีเรืออีกสี่ถึงห้าลำอยู่ด้านหลัง ซึ่งซ่งจงมองมันได้ไม่ชัดนัก จากการตรวจสอบในตอนนี้พบว่าเขาถูกเรือยักษ์จำนวนสามสิบลำล้อมรอบไว้
ถ้าหากมีเพียงเจ็ดถึงแปดลำ ซ่งจงยังกล้าหาญพอที่จะต่อสู้กับมัน อย่างไรก็ตามการเผชิญหน้ากับเรือยักษ์สามสิบลำ สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้คือวิ่ง! การเผชิญหน้ากับศัตรูเช่นนี้ แน่นอนว่าแม้แต่เรือมังกรทองคำของเขาก็ไม่อาจอยู่รอดได้!
ซ่งจงไม่ใช่คนโง่ ในวันนี้เขาได้ระบายความแค้นมามากพอแล้ว เขาไม่มีอะไรที่จะระบายออกไปอีกแล้ว เนื่องจากสถานการณ์ในตอนนี้ได้เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์ เขากวาดตามองไปรอบๆและเลือกทิศทางที่มีเรือบินหกลำและมุ่งหน้าไปทางนั้นทันที
แน่นอนว่าซ่งจงจะไม่ปล่อยสำนักพันปีศาจไปอย่างง่ายดาย เขายิงหวงหลงสายฟ้าสีม่วงตลอดทางที่เรือบินผ่านเพื่อทำลายหอหลักของสำนักพันปีศาจอย่างโหดเหี้ยม ดังนั้นจึงเกิดระเบิดขึ้นรัศมีกว้างกว่าพันลี้ ฝุ่นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณและสำนักพันปีศาจได้หายไปแล้ว!
สาวกของสำนักพันปีศาจนับพันจะต้องพบเจอกับโชคชะตาที่ทำให้ทั้งหมดกลายเป็นขี้เถ้า ส่วนที่หนีออกไปได้ทำได้เพียงคร่ำครวญอย่างเจ็บปวดภายในใจ หนึ่งสำนักที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าพันปีได้ถูกทำลายไปอย่างสมบูรณ์ นับจากวันนี้จะไม่มีสำนักพันปีศาจในพื้นที่แห่งนี้อีกต่อไป
จ้าวสำนักแห่งสำนักพันปีศาจนั่งอยู่ในเรือยักษ์สักลำหนึ่ง เขาโกรธจนกระอักเลือดออกมาพร้อมกับสาบานออกมาดังสนั่น “ถ้าหากข้าไม่สามารถสังหารซ่งจงได้ ข้าก็คงไม่สามารถเรียกตนเองว่ามนุษย์ได้อีกต่อไป!”
เหล่าสาวกของเขาที่กำลังสับสนและเสียใจ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้งหมดโห่ร้องตอบรับทันที พร้อมกันนั้นทั้งหมดให้ความสนใจที่จะแทรกแซงเรือยักษ์ของนักบวชฮัวอวิ๋นและเทพธิดาชิงหยุน แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นแต่น่าเสียดายที่การจะไล่ตามซ่งจงจะต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง
สำหรับคนอื่นๆที่เป็นพยานในสถานการณ์นี้ พวกเขาต่างสูดหายใจเอาอากาศเย็นเข้าปอด ทั้งหมดรู้แล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ซ่งจงสามารถทำลายหอเฉวียนจี้ได้ สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าทำให้พวกเขาตระหนักได้ถึงพลังของซ่งจงและระมัดระวังที่จะสังหารเขามากขึ้น!
ซ่งจงนั้นไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งรอบข้างที่กำลังเกิดขึ้น ภายในหัวของเขามีเพียงอย่างเดียวคือวิธีการหนี! จากการสังเกตของเขาในตอนนี้เขาคิดว่าการบินไปในทิศทางนี้คือเหล่าแขกรับเชิญเท่านั้น
กลุ่มคนเหล่านี้นั้นไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับทั้งสามทิศในตอนแรก เพียงเพราะพวกเขาไม่ได้เร่งรีบที่จะบินเข้ามาหาซ่งจงเหมือนกับกลุ่มอื่นๆที่เกรงว่าจะละสายตาจากซ่งจงไป เห็นได้ชัดว่ากลุ่มคนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นกลุ่มที่มาเพื่อเก็บของรางวัลจากสงคราม
สำหรับกลุ่มคนประเภทนี้ ความกระตือรือร้นของพวกเขาจะทำงานก็ต่อเมื่อรู้ผลแพ้ชนะ
เมื่อเห็นการกระทำเช่นนี้ ซ่งจงจึงเลือกหนทางนี้เพื่อหลบหนี จากพฤติกรรมเช่นนี้แน่นอนว่าพวกเขาจะยอมหลีกทางให้ซ่งจงหนี ทั้งหมดไม่มีใครต้องการที่จะเสียสละชีวิตของตนเพื่อขัดขวางเขา ถ้าหากซ่งจงเลือกหนทางที่นักบวชฮัวอวิ๋นหรือเทพธิดาชิงหยุนยืนอยู่ แน่นอนว่าเขาจะไม่มีวันหลุดออกจากกรอบนี้ไปได้อย่างแน่นอน ทุกคนล้วนแต่เกลียดเขาและจะไม่ปล่อยเขาไปโดยง่าย ผลลัพธ์สุดท้ายของมันอาจจะเป็นความตายของซ่งจง!
เมื่อเห็นว่าซ่งจงเริ่มขยับตัวและไม่หยุดอยู่กับที่ นอกจากนั้นยังมุ่งหน้าไปยังทิศทางของเหล่าคนที่อ่อนแอและใจเสาะ นักบวชฮัวอวิ๋นและเทพธิดาชิงหยุนมีท่าทีกังวลอย่างเห็นได้ชัด ในทำนองเดียวกันเขารู้ดีว่ากลุ่มคนเหล่านั้นไร้ยางอาย การที่จะให้พวกเขายื้อเวลาไว้ให้นั้นเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าหากเหตุการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป แน่นอนว่าซ่งจงจะต้องหลบหนีไปได้อีกครั้ง เพราะท้ายที่สุดแล้วความเร็วของเรือมังกรทองคำนั้นอยู่เหนือเรือยักษ์ในที่นี้ทุกลำและพวกเขาจะไม่สามารถไล่ล่าซ่งจงได้อีกอย่างแน่นอน
ภายใต้ความหวั่นใจของทั้งหมด นักบวชฮัวอวิ๋นเกิดความคิดแปลกๆขึ้น เขาเดินวนไปมาเป็นวงกลมพร้อมกับตะโกนออกมาสุดกำลัง “ซ่งจง เจ้าคนทรยศ เจ้ากล้าหาญที่จะกระทำเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร? ในตอนแรกข้าคิดว่าเราจะสามารถคุยกันได้ แต่ในตอนนี้ข้าไม่อาจยอมรับการกระทำของเจ้าได้อีกต่อไป! ข้าขอเป็นตัวแทนแห่งสวรรค์เพื่อลงโทษคนชั่วอย่างเจ้า ไอ้สัตว์เดรัจฉาน!”
เมื่อได้ยินถ้อยคำใส่ร้ายเช่นนั้น มันไม่เพียงแค่ทำให้ซ่งจงกลายเป็นคนตายไปตรงนั้น แต่ความจริงก็คือมือของซ่งจงนั้นเปื้อนเลือดของผู้คนมากมายในวันนี้ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นผู้ฝึกตนชั่วร้าย แต่หนึ่งในนั้นมีนักบุญงั้นหรือ? แล้วพวกเขาจะสังหารซ่งจงโดยเรียกตนเองว่าเป็นตัวแทนแห่งสวรรค์? นอกจากนั้นเขายังถูกใส่ร้ายโดยสำนักที่เขาเติบโตมาดั่งเช่นสำนักเสวียนเทียน! นักบวชฮัวอวิ๋นที่ปฏิบัติตนราวกับปีศาจแต่เรียกตนเองว่าผู้ผดุงความยุติธรรม!
นอกจากนี้การที่เขาทำลายสำนักพันปีศาจนั้นเพื่อล้างแค้นให้กับบิดามารดา เขาจะกลายเป็นสัตว์เดรัจฉานได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่านักบวชฮัวอวิ๋นพยายามบิดเบือนความจริงและใส่ร้ายเขาจนนาทีสุดท้าย!
ในตอนนี้อารมณ์ของซ่งจงนั้นสั่นไหวพร้อมที่จะระเบิดออกทุกนาที แล้วเขาจะอดทนต่อถ้อยคำเหล่านี้ได้อย่างไร? เขาหันหลังมาเพื่อตอบโต้ทันที “นักบวชฮัวอวิ๋น คนที่มีอายุมานานกว่าสามร้อยปีเช่นท่านสามารถทำตัวไร้ยางอายได้ด้วยงั้นหรือ?!”
“คนที่ไร้ยางอายคือเจ้า!” เทพธิดาชิงหยุนเข้าใจแผนของนักบวชฮัวอวิ๋นได้อย่างรวดเร็ว นางไม่รีรอให้ซ่งจงตอบโต้ นางกล่าวต่อทันที “เดิมทีหอเฉวียนจี้นั้นไม่เคยมีความบาดหมางกับเจ้า พวกเราเป็นเพียงหญิงสาวที่ยากจนมาอาศัยอยู่ร่วมกัน แล้วเจ้าก็มาเคาะประตูบ้านของเราและทำลายทุกสิ่งจนหมดสิ้น! การวิ่งไล่ทุบตีสตรีเช่นนี้ เจ้ายังมีความเป็นบุรุษอยู่หรือไม่?!”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฮัวชิงหยุนกล่าวออกมา ซ่งจงโกรธจัดจนแทบกระอักเลือด แม้แต่ผู้คนที่อยู่โดยรอบยังอดไม่ได้ที่จะหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบ ฝ่ายสตรีที่อยู่ในหอเฉวียนจี้ทุกคนล้วนแต่แข็งแกร่งและกล้าหาญ คงไม่ดีนักถ้าหากจะเอาพวกนางไปเปรียบเทียบกับสิ่งที่อ่อนแอ แต่ในตอนนี้กลับกล่าวออกมาว่าตนเองเป็นหญิงสาวผู้อ่อนแอ ใครเล่าจะเชื่อคำเหล่านี้?
อย่างไรก็ตาม นักบวชฮัวอวิ๋นไม่สนใจอะไรแล้วและกล่าวต่ออย่างไร้ยางอาย “ซ่งจงเอ้ย เจ้าเด็กน้อย ถ้าหากเจ้ายังพอมีจิตสำนึกสักเล็กน้อย จงวางมือและยอมแพ้ซะ หรือว่าเจ้าจะต่อสู้กับข้าดั่งเช่นลูกผู้ชายก็ได้! ชายชราผู้นี้จะยอมต่อสู้กับเจ้าแบบตัวต่อตัว เจ้ากล้าหรือไม่?”
ซ่งจงนั้นไม่ใช่เด็กไร้เดียงสาคนเดิมในอดีตอีกต่อไปแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดที่ยั่วยุเช่นนี้ เขาเผยยิ้มบางๆก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างเย็นชา “ไอ้จิ้งจอกเฒ่า ไม่ต้องรีบร้อน แน่นอนว่าเราจะต้องมีวันที่ได้คิดบัญชีกันในสักวัน! ข้าแค่กลัวว่าเจ้าจะไม่กล้าพอเมื่อถึงวันนั้น! อย่างไรก็ตามในวันนี้ข้ายุ่งมากและไม่มีเวลามานั่งเล่นกับเจ้า!”
เมื่อเขาพูดจบ ซ่งจงนั้นพาเรือมังกรทองคำมาถึงเหล่าเรือยักษ์ทั้งหกลำแล้ว อีกทั้งเขายังพร้อมที่จะปลดปล่อยสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ซ่งจงไม่คิดที่จะพูดสิ่งใดกับพวกเขาทั้งนั้น เขาปลดปล่อยสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ออกไปทันที อีกทั้งหวงหลงสายฟ้าสีม่วงเริ่มเปิดการใช้งานอีกครั้ง จากนั้นเขาตะโกนออกมา “ใครขวางทาง ข้าจะส่งไปลงนรกให้หมด ดังนั้นคนที่ไม่เกี่ยวข้องหลบไปเสียดีกว่า ไม่เช่นนั้นอย่าได้กล่าวโทษว่าข้านั้นไร้หัวใจ!”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ ทุกคนโกรธจัดจนแทบจะตายตกไปในทันที โดยส่วนใหญ่แล้วการต่อสู้จะเริ่มได้ก็ต่อเมื่อได้ปะทะคารมกันไปแล้วหนึ่งถึงสองประโยค แต่ไอ้อ้วนบัดซบผู้นี้กลับใช้สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ออกมาทักทายคู่ต่อสู้! ก่อนที่เขาจะกล่าวอะไรออกมา เขากลับแสดงพลังของตนเองออกมาเพื่อข่มขู่ศัตรูของตนเอง! การกระทำเช่นนี้ช่างเย่อหยิ่ง!
ด้านหน้าของเขาคือกลุ่มเรือยักษ์ของผู้ฝึกตนชั่วร้าย มันถูกปิดบังไว้โดยหมอกสีดำ เมื่อเห็นสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ฟาดลงมา ผู้คนที่อยู่บนเรือต่างหวั่นเกรงและเรียกอุปกรณ์ป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของตนเองออกมา แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินสองคนก็ทำเช่นนั้นเหมือนกัน! ทั้งสองเรียกโล่ขนาดใหญ่เพื่อป้องกันการโจมตี พวกเขาคิดว่าการป้องกันเช่นนี้จะสามารถป้องกันสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ได้
อย่างไรก็ตามคนเหล่านั้นประเมินความสามารถของสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์น้อยเกินไป ด้วยเสียงระเบิดที่ดังลั่นทุกคนอ้าปากค้างและกลายเป็นเถ้าถ่านทันที จากนั้นหมอกดำที่อยู่รอบๆเรือยักษ์ค่อยๆเลือนหายไป
แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะสามารถป้องกันพลังของสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ได้บ้าง แต่ทว่าสายฟ้านับร้อยลูกนั้นมีพลังอย่างยิ่ง พวกมันทะลวงผ่านการป้องกันของเรือไปได้อย่างสมบูรณ์
เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินสองคนหยิบเอาโล่ของตนเองออกมาพร้อมกับบินไปเพื่อป้องกัน แต่อย่างไรก็ตามพวกเขานั้นช้าไป และท้ายที่สุดมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้
หลังจากผ่านการระเบิดครั้งใหญ่ เรือสีดำเหล่านั้นเกิดเป็นแสงที่เต็มไปด้วยสีสันของลูกไฟ จากนั้นค่อยๆล่วงหล่นลงไป ทุกคนที่ยืนอยู่เห็นว่าเรือระดับสูงนั้นค่อยๆหายไป ในขณะที่เรือลำอื่นกำลังหนีตายอย่างบ้าคลั่ง แน่นอนว่าการซ่อมเรือเหล่านี้นั้นใช้ค่าใช้จ่ายที่มหาศาล สิ่งที่แย่ที่สุดคือเหล่าสาวกที่อยู่บนเรือนั้นตายตกไปอย่างน่าสงสาร พวกเขาอยู่ในระดับปฐมภูมิเท่านั้น อีกทั้งยังมีผู้ฝึกตนระดับจินตันสองถึงสามคนที่ไม่อาจรอดพ้นจากโศกนาฏกรรมเช่นนี้ ทั้งหมดคือการสูญเสียที่ไม่อาจทนได้
เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินแทบจะร้องไห้ออกมา ภายในหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดซ่งจงอย่างมาก แต่ในเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะล้างแค้น ในขณะที่เรือมังกรทองคำกำลังพุ่งมาด้วยความเร็วที่น่ากลัว หากพวกเขาคิดที่จะยั่วยุซ่งจงต่อไป แน่นอนว่าซ่งจงจะโยนคลื่นสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ออกมาอีกครั้งพร้อมกับล้างบางพวกเขาทั้งหมดโดยสมบูรณ์ ผู้ฝึกตนระดับจินตันทั้งหมดที่อยู่บนเรือล้วนแต่ครอบครองสมบัติวิเศษขั้นสูง แล้วสำนักจะสามารถเดินต่อไปได้อย่างไรหากสูญเสียพวกเขาไป?
ดังนั้นในขณะที่กำลังโกรธจัด พวกเขาทำได้เพียงกดเก็บมันไว้เท่านั้นพร้อมกับตะโกนออกมา “จงอย่าเข้าใจผิด เรามาที่นี่เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์เท่านั้น!”
ความหมายของพวกเขาคือทั้งหมดมาเพื่อชมการแสดงเท่านั้น จงปล่อยพวกเขาทั้งหมดไป!
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหลังจากจะได้ยินเช่นนั้น ซ่งจงไม่ได้ถามอะไรออกมา แต่เขากลับขว้างสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ออกมาอีกครั้งราวกับว่าจะไม่ยอมหยุดถ้าหากพวกเขาทั้งหมดยังไม่ตายตกไป สิ่งนี้ทำให้ผู้ฝึกตนทั้งหมดบนเรือลำนั้นรู้สึกเย็นวาบที่สันหลังอย่างพร้อมเพรียง!