ตู๋เถิงเคารพนับถือจ้าววิญญาณเพราะจ้าววิญญาณเป็นคนเที่ยงตรง ไม่เคยลำเอียงเข้าข้างเผ่าพันธุ์ใด แต่จู่ๆมันก็เปลี่ยนแปลงไปในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา ตามหลักเหตุผลแล้ว เผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งสี่ล้วนมีความเกี่ยวข้องเท่าเทียมกันอยู่ข้างกายจ้าววิญญาณเช่นเดียวกับวิญญาจารย์ของวิญญาณมนุษย์
แต่ไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไรที่วิญญาณพืช วิญญาณอาวุธ และวิญญาณสัตว์อสูรค่อยๆสูญเสียความโปรดปรานของจ้าววิญญาณ ผู้นำของเผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งสามเริ่มห่างเหินกับจ้าววิญญาณมากขึ้น มีเพียงอูจิ่ววิญญาจารย์ของวิญญาณมนุษย์เท่านั้นที่ยังคงใกล้ชิดกับจ้าววิญญาณ และได้รับความไว้วางใจจากจ้าววิญญาณอย่างมาก
ความสัมพันธ์ที่เคยสมดุลถูกทำลายลงเนื่องจากความลำเอียงที่จ้าววิญญาณแสดงออกมา ทรัพยากรส่วนใหญ่ในโลกวิญญาณเริ่มเอียงไปทางวิญญาณมนุษย์ จนกระทั่งการก่อสร้างหอคอยโยวหลิง หอคอยโยวหลิงแห่งแรกสร้างลงบนอาณาเขตของวิญญาณเผ่าพันธุ์อื่น ผู้อยู่อาศัยเดิมได้ยื่นเรื่องประท้วงต่อจ้าววิญญาณ แต่คำคัดค้านนับไม่ถ้วนก็ราวกับเป็นก้อนหินที่จมลงในมหาสมุทรกว้าง ไม่เกิดผลอะไรสักอย่างแม้แต่คลื่นบนผิวน้ำ
หอคอยโยวหลิงแห่งแรกเสร็จสมบูรณ์ หอคอยโยวหลิงแห่งที่สองเสร็จสมบูรณ์ หอคอยโยวหลิงแห่งที่สามเสร็จสมบูรณ์……
ขณะที่หอคอยโยวหลิงเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้นำวิญญาณทั้งสามเผ่าพันธุ์นอกจากวิญญาณมนุษย์แทบไม่มีโอกาสได้เจอจ้าววิญญาณเลย ทุกครั้งที่ขอเข้าพบล้วนไม่ได้รับการตอบสนองกลับมา ราวกับจ้าววิญญาณตั้งใจแน่วแน่ที่จะสนับสนุนให้วิญญาณมนุษย์แข็งแกร่งขึ้น
จากที่ตอนแรกรู้สึกสับสนและเสียใจ ตอนนี้วิญญาณเผ่าพันธุ์อื่นต่างเคยชินกันแล้ว
“ข้าไม่คิดว่าท่านจ้าววิญญาณไม่รู้อะไรเลยกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับหอคอยโยวหลิง ท่านจ้าววิญญาณสร้างโลกวิญญาณแห่งนี้ขึ้นมา วิญญาณทุกตนที่นี่ไม่สามารถหนีจากการรับรู้ของท่านได้ เป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะไม่รู้ว่าหมีวิญญาณตัวต่อไปได้ปรากฏขึ้นแล้ว ท่านจะไม่รู้ได้ยังไงว่าพลังของหมีวิญญาณค่อยๆลดลง……” ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ การคาดเดาที่น่ากลัววนเวียนอยู่ในใจของตู๋เถิง จนทำให้เขาเกิดความสงสัยเกี่ยวกับความเชื่อมั่นในความยุติธรรมของจ้าววิญญาณ.novel-lucky.
นั่นเป็นเรื่องต้องห้ามอย่างเด็ดขาดในโลกวิญญาณ
ดังนั้น แม้ว่าตู๋เถิงจะพูดข้อสงสัยของเขาออกมาก่อนที่มังกรเพลิงจะไป ด้วยนิสัยของมังกรเพลิง เกรงว่าไม่เพียงจะไม่ยอมฟังเท่านั้น แต่จะหันมาเป็นปฏิปักษ์กับตู๋เถิงที่สงสัยในตัวจ้าววิญญาณอีกด้วย
จวินอู๋เสียฟังคำพูดของตู๋เถิงอย่างเงียบๆ สังหรณ์ร้ายผุดขึ้นในใจนาง
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของสิ่งมีชีวิตใดๆก็ตาม ล้วนเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นเสมอ
หากมีเรื่องผิดปกติอย่างกะทันหัน มันต้องเป็นฝีมือของปีศาจแน่นอน!
“ข้าอาจจะคิดมากไปก็ได้ เดี๋ยวพวกมังกรเพลิงกลับมาก็ได้รู้แล้ว” ตู๋เถิงส่ายศีรษะ อยู่ที่โลกวิญญาณมาหลายปี การเชื่อฟังจ้าววิญญาณอย่างไม่มีเงื่อนไขทำให้เขาหวั่นไหวไม่แน่ใจในข้อสงสัยของตัวเอง
“บางทีเจ้าอาจจะไม่ได้คิดมากเกินไป?” จวินอู๋เสียพูดขึ้น
ตู๋เถิงสะดุ้ง
“ช่วยข้าเฝ้าน่าหลานเยว่ที” จวินอู๋เสียลุกขึ้นและเดินไปหาเพื่อนๆของนาง
“เสี่ยวเสีย? เจ้าไม่ต้องดูแลน่าหลานเยว่แล้วหรือ?” เฉียวฉู่เห็นจวินอู๋เสียเดินเข้ามาก็ถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม
แต่ใบหน้าของจวินอู๋เสียไม่มีรอยยิ้มแม้แต่น้อย นางมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มืดสลัวของโลกวิญญาณ แล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย
“เอาน่าหลานเยว่ไปซ่อนเดี๋ยวนี้” จวินอู๋เสียพูดขึ้น
“อะไรนะ?” เฉียวฉู่ผงะ พวกฮัวเหยาก็เดินเข้ามา คำพูดของจวินอู๋เสียดึงดูดความสนใจของพวกเขา
“เรื่องอาจมีการเปลี่ยนแปลง น่าหลานเยว่ตอนนี้ไม่สามารถทนความลำบากได้” เสียงของจวินอู๋เสียเปลี่ยนเป็นเย็นชา
“เสี่ยวเสีย เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆก็พูดแบบนั้นล่ะ?” หรงรั่วจับความตึงเครียดในน้ำเสียงของจวินอู๋เสียได้
จวินอู๋เสียกำลังจะตอบ ก็มีจุดเงาเล็กๆพุ่งลงมาจากบนท้องฟ้า!