ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


ไม่นาน เงาร่างอันคุ้นเคยก็เดินเข้ามาภายในค่าย สายตาของเขากวาดมองมาทางเซียวอวี๋ที่เอนหลังอย่างเกียจคร้าน เขายิ้มก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ไม่เจอกันนานเลยนะเซียวอวี๋” ผู้กล่าวทักย่อมต้องเป็นนิโคลัส เซียวอวี๋ยิ้มรับ “อืม แต่ที่จริงมันก็ไม่ได้นานเท่าใดนัก เจ้าคงลืมใบหน้าอันคมคายของข้าไม่ได้ล่ะสิ แต่ช่างเถอะ นี่คงโทษเจ้าไม่ได้ ผู้ใดใช้ข้าหล่อเหลาถึงเพียงนี้กันเล่า” “โอ้ เจ้ายังไร้ยางอายไม่เปลี่ยน” นิโคลัสถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายใจ เขาเดินไปยังที่นั่งด้านข้างของเซียวอวี๋ก่อนจะนั่งลงพลางหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ “อืม ข้าได้ยินมาว่าศาสนจักรกำลังขยายอิทธิพล เจ้าใช่มีความคิดจะขัดขวางหรือไม่?” เซียวอวี๋ปรับท่าทางให้อยู่ในท่าที่สบายก่อนจะเอ่ยถาม “ไม่ต้องกังวล พระสันตะปาปาไม่ใช่คนเขลา เขารู้ว่าเมื่อใดควรหยุด ตอนนี้ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนจับจ้องมาที่เจ้า เจ้าวางแผนจะจัดการอีกฝ่ายเมื่อใด?” นิโคลัสถอดรองเท้าก่อนจะเอนตัวนอนอย่างสบายอารมณ์ “เจ้านี่ช่างโลภมากจริงๆ” เซียวอวี๋กล่าวเหน็บ “ข้าก็เป็นเช่นนี้เสมอ” นิโคลัสยิ้มกล่าวพลางหยิบองุ่นหย่อนเข้าปาก “คนโลภมักไม่มีจุดจบที่ดี” เซียวอวี๋แค่นเสียง “มีชีวิตย่อมมีความโลภ และเพราะความโลภนี่ล่ะ ผู้คนจึงมีแรงใจที่จะมีชีวิต หรือว่าเจ้าไม่มีความโลภ?” นิโคลัสไม่สนใจคำเหน็บแนมของเซียวอวี๋ “หืม ข้าเนี่ยนะโลภ? ถ้าข้าบอกว่าเป้าหมายใหญ่ที่สุดของข้าคือปกป้องดินแดน ตั้งตนเป็นจักรพรรดิน้อยและอยู่ให้ห่างจากปัญหา เจ้าจะเชื่อหรือไม่?” เซียวอวี๋โวยวาย นิโคลัสนิ่งคิดอย่างจริงจังครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวตอบ “ข้าเชื่อ แต่โลกย่อมไม่อนุญาติให้เจ้าทำเช่นนั้น มีเพียงกลืนกินไม่ก็ถูกกลืนกิน ดังนั้นเจ้าทำได้เพียงแข็งแกร่งขึ้นเพื่อกลืนกินผู้อื่น” “ทว่า กระทั่งปลาใหญ่ก็ยังไม่อาจกระโดดออกจากแม่น้ำแห่งโชคชะตา อย่างมากพวกเราก็ก่อคลื่นลมได้เพียงเล็กน้อย กระนั้นก็ยังไม่อาจหลีกเลี่ยงแม่น้ำแห่งโชคชะตา ไม่อาจกระโดดขึ้นฝั่ง” เซียวอวี๋กล่าวอย่างปลอดโปร่ง “ไม่อาจกระโดดขึ้นฝั่ง แต่ตราบที่สามารถแหวกว่ายในแม่น้ำอย่างอิสระ พวกเราก็พึงพอใจแล้วไม่ใช่หรือ?” นิโคลัสเผยยิ้ม “ฮ่าฮ่า เจ้าพูดถูก ตราบที่ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข นั่นก็เพียงพอแล้ว” นี่ก็คือความตั้งใจเดิมของเขา ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข “การสำรวจครั้งใหม่ที่เจ้ากล่าวถึงคือ?” นิโคลัสจิบไวน์ก่อนจะเอ่ยเข้าประเด็น “อันที่จริงแล้ว ไม่มีอะไรหรอก ข้าเพียงคิดถึงเจ้า ต้องการนั่งคุยเพื่อรำลึกความหลังกับเจ้าก็เท่านั้น” เซียวอวี๋กล่าวด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน “ฮึ่ม เจ้าอยากตายหรือ? เจ้าเรียกข้ามาเพื่อมานั่งเปื่อยอยู่ที่นี่กับเจ้า?” นิโคลัสรู้ว่าเซียวอวี๋เพียงหยอกล้อ “อะแฮ่ม อันที่จริง ข้าต้องการให้เจ้ามาเห็นตอนที่ข้ากำจัดรัฐเว่ย ซึ่งในอนาคต มันก็จะเป็นส่วนหนึ่งในดินแดนของข้า และข้าก็ต้องการจะแบ่งปันผลประโยชน์บางส่วนให้เจ้า” เซียวอวี๋ชี้ไปยังกำแพงเมืองที่ตั้งตระหง่านอยู่ห่างออกไป “โอ้ ไฉนจึงใจกว้างแล้ว? ยกผลประโยชนืให้กับข้างั้นหรือ? คนตระหนี่ขี้งกอย่างเจ้าเนี่ยน่ะหรือ? พูดมาเถอะ เจ้าต้องการอะไรจากข้า?” นิโคลัสถามกลับตรงๆ “อะแฮ่ม เจ้าก็แกล้งทำตัวซื่อๆบ้างไม่ได้หรือ? ไม่ต้องกล่าวตรงเพียงนี้ก็ได้” เซียวอวี๋ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “อืม…ข้าจะไว้หน้าเจ้าสักหน่อยแล้วกัน พูดมาเถอะ ข้าจะได้ผลประโยชน์สักเท่าใด?” นิโคลัสยิ้มบาง “ไม่นานมานี้ข้าเพิ่งได้หอการค้ามาไว้ในมือ ข้าจึงคิดจะทำการค้ากับจักรวรรดิเมฆาตะวันออกและแดนอื่นๆ ทว่าในบางดินแดนนั้น อิทธิพลของข้ามีไม่มากนัก ดังนั้นข้าจึงต้องการให้เจ้าดูแลความปลอดภัยของสาขาย่อยเหล่านั้น วางใจเถอะ ในเมื่อขอให้เจ้าช่วย แน่นอนว่าย่อมไม่ให้เจ้าเสียเปรียบ เจ้าจะได้ผลประโยชน์จากมัน” เซียวอวี๋ก็ไม่กล่าวอ้อมค้อม พูดเข้าประเด็นทันที “อืม? ไม่เลว เจ้ามีความสัมพันธ์อันดีกับจักรวรรดิเมฆาตะวันออก ย่อมได้รับการสนับสนุนอย่างราบรื่น ความคิดนี้ไม่เลวจริงๆ เช่นนั้น ผลประโยชน์เท่าใดที่เจ้าจะให้ข้า?” นิโคลัสเริ่มสนใจขึ้นมาแล้ว ทั้งต่อรองกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะตกลงกันได้ที่สามส่วน นิโคลัสจะได้รับกำไรสามส่วนและในทางกลับกัน เขาจะต้องรับรองความปลอดภัยของหอการค้าสาขาย่อยในดินแดนต่างๆ “เจ้านี่มันหน้าเลือดจริงๆ ไม่แปลกที่จะพัฒนาตระกูลจนใหญ่โตได้ถึงเพียงนี้ ที่แท้ก็ใช้วิธีการเช่นนี้นี่เอง” เซียวอวี๋ยังไม่ลืมที่จะกล่าวเหน็บแนมทิ้งท้าย “หากพวกเราทำธุรกิจอย่างตรงไปตรงมา ตระกูลของเรายังจะตกทอดได้เป็นพันๆปีหรือ? ผู้ที่ไร้เล่ห์ไร้เหลี่ยมก็เป็นได้เพียงเหยื่ออ่อนแอ สำหรับโลกใบนี้แล้ว มีเพียงสูบเลือดเนื้อผู้อื่นเพื่อเติบโต ไม่เช่นนั้นผู้อื่นก็จะสูบเลือดเรา” นิโคลัสเอนหลังพลางจ้องมาทางเซียวอวี๋เงียบๆ ในเวลานั้นเอง เส้นผมของนิโคลัสก็ปรกหน้า เมื่อรวมกับชุดคลุมสีขาวอันสง่างามแล้วก็ยิ่งขับเน้นท่าทางผู้มีการศึกษาออกมา ตอนที่นิโคลัสหันมามอง เซียวอวี๋ก็นิ่งตะลึง เขารู้สึกราวกับว่าที่ตรงหน้าไม่ใช่บุรุษ หากแต่เป็นสาวงามนางหนึ่ง ซึ่งที่จริง นิโคลัสนั้นมีใบหน้าหล่อเหลาจนบางครั้งก็ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเขาคล้ายสตรี “หืม ใยเจ้าจึงจ้องข้าเช่นนั้น?” พอโดนจ้องมากๆเข้า นิโคลัสก็รู้สึกขนลุก “ไม่มีใด นิโคลัส เจ้ามีพี่สาวน้องสาวหรือไม่ เจ้าต้องการจัดงานแต่งกระชับความสัมพันธ์หรือไม่?” เซียวอวี๋จ้องหน้าของนิโคลัสและจินตนาการภาพเค้าโครงอิสตรีทับกับใบหน้าของนิโคลัส “ตัวบัดซบ! เจ้าคิดอะไรของเจ้า?” ในที่สุดนิโคลัสก็เข้าใจความคิดของเซียวอวี๋และแทบจะลุกขึ้นยันเซียวอวี๋ให้หงายหลัง “เหอๆ ไม่ต้องเขินอายหรอกน่า ก็แค่ถามว่าเจ้ามีพี่สาวน้องสาวหรือไม่ก็เท่านั้น คิดว่าลูกพี่สนใจเจ้างั้นหรือ? ข้าไม่ได้มีรสนิยมทางนั้นเสียหน่อย แม้ว่าเจ้าจะดูคล้ายสตรีมากๆก็เถอะ…..” เซียวอวี๋กล่าวเสียงเรียบ “เจ้าสิคล้ายสตรี ตระกูลเจ้าสิที่คล้ายสตรี!” นิโคลัสเดือดดาล หากไม่ใช่ว่าอยู่ในถิ่นของเซียวอวี๋แล้วล่ะก็ นิโคลัสคงเชือดอีกฝ่ายทิ้งไปแล้ว “เอาล่ะๆ เรื่องหอการค้าก็จบไปแล้ว เช่นนั้นเรามาพูดคุยเรื่องศาสนจักรกันดีกว่า” เซียวอวี๋เบนสายตาไปทางอื่นพลางเอ่ยออกมา “ศาสนจักรเกี่ยวอะไรกับข้างั้นหรือ? อย่างไรเสียศาสนจักรย่อมไม่มาตอแยข้าอยู่แล้ว” นิโคลัสกล่าวอย่างไม่แยแส “เพ้ย เจ้าไม่อาจพูดเช่นนั้น ผู้ใดจะทราบว่าศาสนจักรวางแผนใดไว้? หากว่าวันหนึ่งพวกมันล้มข้าได้ เจ้าก็อาจกลายเป็นเป้าต่อไปของพวกมัน ความทะเยอทะยานของสันตะปาปาไม่ใช่เรื่องเล็กเลย ทั้งอิทธิพลที่มากขึ้นก็ยิ่งขยายความทะเยอทะยานของเขาให้ใหญ่โต เจ้าสามารถพูดคุยกับลีโอนาโดก่อนได้ ดูเหมือนว่าในเวลานี้เขาจะมีการติดต่ออย่างใกล้ชิดกับศาสนจักรอยู่” เซียวอวี๋ดึงลีโอนาโดเข้ามาเกี่ยว