DND.
ปิงหวูชิงมองทุกคนด้วยสายตาเย็นชานางเห็นความเปลี่ยนแปลงของศิษย์ในทุกคนได้โดยไม่ต้องสังเกตมากนัก
ตั้งแต่หน้าเจื่อนเป็นใบหน้าที่ดีและกล่าวชมออกนอกหน้า การเปลี่ยนแปลงเกิดอย่างตรงกันข้าม
“ฮ่าๆ ข้าคิดว่าเจ้าจะใช้จิตใจโหดร้ายน่าชิงชังของเจ้ากับตำหนักโลหิตซะอีก กลายเป็นว่าเจ้าตั้งใจเพิ่มความมั่นใจให้สหายร่วมสำนักเจ้าด้วยวิธีชั่วช้า หึ! น่าเสียดายที่พวกโง่นั่นไม่เข้าใจเจ้า”
ซือหยูดีดนิ้ว
“บอกว่าศิษย์น้องผู้ยิ่งใหญ่เจิดจรัสคนนี้โหดร้ายน่าชิงชังรึ?ข้าเสียใจนะ ถึงเจ้าจะเป็นศิษย์พี่ก็เถอะ”
“หึ”
ปิงหวูชิงหัวเราะเบาๆ นางมองซือหยูด้วยความสนใจ
เอี๊ยด!
ในตอนนั้นเองประตูหอคอยได้เปิดออกมา
ประตูราวแปดบานที่กว้างพอสำหรับหนึ่งคนเปิดขึ้นพร้อมกัน
ฟึ่บ!
พลังอสูรมากมายแบ่งแยกผู้คนบุกเข้ามาอย่างดุดัน
“พวกเรามาจากสำนักอสูรสวรรค์!ทุกคนหลีกไป!”
ศิษย์สำนักอสูรสวรรค์เท่าจำนวนประตูรวมถึงฮั่นเฟยพุ่งเข้าไปด้านใน
กลับกันเหล่าศิษย์สำนักอื่นมิอาจเข้าสู่หอคอยได้ พวกเขาเหลือเวลาอีกสิบวัน การรอคอยสักหน่อยไม่ใช่เรื่องใหญ่และไม่ต้องต่อสู้แย่งชิง ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเข้าไปได้แล้ว พวกเขาจะรุดหน้าได้โดยห้ามถอยกลับ ถ้าหากยังเตรียมตัวไม่พร้อมมันก็ดีกว่าที่จะไม่รีบเข้าไป
“รอสักหน่อยแล้วปล่อยให้พวกอสูรสวรรค์ไปลองของก่อนแล้วกันเรายังไม่แน่ใจพลังของจ้าวหอ”
ปิงหวูชิงแนะนำ
นางมักจะเป็นคนที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญและกำจัดสิ่งกีดขวางที่มาขวางทางด้วยกระบี่ในมืออยู่เสมอนางทำทุกสิ่งอย่างเฉียบขาด แต่เมื่อเป็นผู้นำ นางต้องคิดถึงส่วนรวมและไม่คิดเพียงแค่จากมุมมองของตัวเอง ที่ปิงหวูชิงกังวลที่สุดก็คือการทำให้ทุกคนปลอดภัยไร้อันตราย
“อย่ารอ!”
ซือหยูปฏิเสธทันที
ก่อนที่ปิงหวูชิงจะได้ถามซือหยูก็เริ่มออกนำพุ่งไปที่ประตูบานหนึ่งแล้ว
“ตามเขาไป!”
ปิงหวูชิงไม่ลังเลนางสั่งการทันทีที่ซือหยูพุ่งไปที่ประตู
จู่ๆ ทุกคนจากตำหนักโลหิตก็พุ่งไปยังหอคอยอย่างเร่งด่วน
คนฉลาดท่ามกลางคนที่รอคอยสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวแปลกๆ และรีบเข้าใกล้หอคอยทันทีเช่นกัน
แต่ฮั่นเฟยที่เข้าหอคอยไปครึ่งตัวก็หันกลับมาใบหน้านางเย็นชากว่าเดิม
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังมาจากประตูทั้งแปดบาน
เหล่าศิษย์สำนักอสูรสวรรค์ที่เข้ามาเป็นพวกแรกใช้ยันต์ระเบิดที่มีพลังอสูรเนรมิตรออกมา
ยันต์เหล่านี้มิได้ออกแบบมาให้โจมตีแต่มันมีผลอย่างอื่น มันมีผลทำให้คนอาเจียนเป็นเลือด!
พลังอสูรเนรมิตรนั้นฝังตัวเองกับประตูมันกลายเป็นกำแพงที่มองไม่เห็นเป็นม่านบางฝังไปกับหอคอย
ไม่มีพลังภายนอกใดที่ทำลายมันได้
ผลของยันต์ได้ก่อตัวเป็นม่านพลังบางหลอมรวมเข้ากับค่ายกลของหอคอยมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของหอ ดังนั้นหอคอยจึงนับว่าทุกคนที่บุกเข้าไปเป็นผู้จู่โจมหอคอย หอคอยจะทำให้ม่านพลังแข็งแกร่งขึ้น
ต่อให้เป็นเซียนก็ต้องโศกเศร้ากับความไร้พลังของตัวเองต่อหน้าความแข็งแกร่งของหอคอย
มีเพียงศิษย์สำนักอสูรสวรรค์เท่านั้นที่จะเข้าหอคอยไปได้ขณะที่คนอื่นถูกปฏิเสธอยู่ด้านนอก
ความป่าเถื่อนเช่นนี้ยอมรับไม่ได้มันไม่ให้โอกาสกับคนอื่นเลย นี่มักจะเป็นวิถีของสำนักอสูรสวรรค์
“สำนักอสูรสวรรค์!พวกเจ้าไม่กลัวบาปกรรมเลยเรอะ?”
เหล่าคนที่ผ่านประตูไม่ได้โกรธแค้นบ้าคลั่ง novel-lucky
ไม่มีใครคิดว่าศิษย์สำนักอสูรสวรรค์ชุดนี้จะทำเรื่องแบบนี้!
“เจ้าพวกอ่อนแอ!”
ฮั่นเฟยหันมามองก่อนจะหายเข้าไปในหอคอยที่นางจะได้เริ่มฝึกฝนและฝ่าด่านหอคอยแต่ละชั้น
แต่จู่ๆ ก็มีเสียงที่ทำให้นางตัวสั่นดังขึ้น
“ข้าขายข้าขายการเข้าหอคอย! สิทธิ์การเข้าสดใหม่ของหอคอย เร่เข้ามา สิทธิ์การเข้าหอคอย! วิชาระดับตำนานชั้นสูง สมบัติกึ่งภูติ ยันต์ระดับสูง โอสถระดับหก แลกกับอะไรก็ได้ที่เจ้ามี!”
…
ซือหยูเกือบจะไปถึงหอคอยโดยการตามศิษย์สำนักอสูรสวรรค์หนึ่งคนซือหยูลงมือในทันทีที่ศิษย์คนนั้นนำยันต์ออกมา เขาเฉือนยันต์ด้วยเส้นไหมในชายเสื้อให้ขาดครึ่งในตอนที่มันระเบิด
ดังนั้นแม้ว่ายันต์จะยังระเบิด แรงระเบิดก็ไม่สมบูรณ์ เกิดความผิดพลาดของพลังขึ้น มีช่องว่างขนาดคนเดินผ่านบนม่านพลัง
ม่านบางพยายามซ่อมแซมตัวเองแต่ทุกครั้งที่มันนจะปิดตัวก็มีเส้นไหมตัดพลังของมันให้เปิดออกอีกครั้ง เหลือช่องว่างให้หนึ่งคนผ่านอยู่ตลอดเวลา
ด้วยความช่วยเหลือของซือหยูเหล่าศิษย์ในจะสามารถผ่านไปได้ทุกคน พวกเขายืนอยู่ด้านหลังซือหยูด้วยความสับสน ตื่นเต้น และรู้สึกโชคดี ความสำนึกในบุญคุณและความนับถือต่อซือหยูเพิ่มขึ้นสูงเสียดฟ้า
“ซือหยูเซี่ยนนี่เจ้าทำอะไร?”
จ้าวเทวะระดับแปดคนหนึ่งพยายามจะตามคนตำหนักโลหิตเข้าไปแต่ซือหยูก็เก็บเส้นไหมและเปิดม่านพลังไว้เพียงครึ่งตัว
ศีรษะของจ้าวเทวะที่เข้ามาคนแรกปะทะกับม่านพลังเขากระเด็นไปข้างหลัง
เมื่อเหลือช่องว่างเล็กๆ ในม่านพลัง ซือหยูเล่นกับเส้นไหมในมืออย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว เขาเริ่มพูดอีกครั้งอย่างไม่รีบร้อน
“สิทธิ์เข้าหอคอยน่ะมีไว้ขาย!”
ทุกคนเข้าใจความตั้งใจของซือหยูแล้วเขาอยากจะทำกำไรในความโชคร้ายของคนอื่นโดยการขายสิทธิ์เข้าหอคอย!
หลายคนตื่นตระหนกราวกับโดนสายฟ้าฟาด
เหล่าศิษย์สำนักอสูรสวรรค์คือพวกที่ตกใจที่สุดพวกเขาโกรธเกรี้ยวจนเกือบสำลักเป็นเลือด
“ซือหยูเซี่ยน!เจ้าไม่หน้าด้านไปหน่อยเรอะ? เจ้าใช้ยันต์ของพวกเราอสูรสวรรค์ทำกำไรได้ยังไง?”
ซือหยูตอบส่งๆ
“พวกเจ้าก็ทำแบบเดียวกับข้าได้!ใครห้ามเจ้ากัน?”
“พวกข้าอยาก!แต่พวกข้าทำไม่ได้! ยันต์พวกนั้นสร้างโดยผู้เฒ่าอสูรทั้งสิบ แค่พวกเราน่ะตัดม่านพลังไม่ได้! ส่งสมบัติที่เจ้าใช้ตัดม่านพลังมา!”
“พวกเราปฏิเสธทุกการฉ้อฉลและทุกการกระทำที่เป็นการต่อต้านความเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวในจิวโจว!พวกเราขอลงโทษเจ้า!”
ซือหยูนิ่งไปขณะหนึ่งถ้อยคำเหล่านั้นมันอะไรกัน?
ซือหยูโบกมือ
“ได้เลยเจ้าก็ออกมาเอาสิ”
เหล่าศิษย์สำนักอสูรสวรรค์หน้านิ่งเจ้าต้องให้พวกข้าออกไปก่อนไม่ใช่เรอะ!
เมื่อม่านพลังถูกใช้งานก็มิอาจถูกทำลายได้พวกเขาถือว่าติดอยู่ในหอคอยปิดตายแล้ว
“เห็นไหมข้าน่ะมีหลักการและค้าขายอย่างจริงใจ แต่เจ้ายังออกมาคุยกับข้าอย่างจริงใจไม่ได้เลย ข้าก็ทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ!”
เมื่อพูดจบซือหยูยืนหน้าทางเข้าม่านพลังด้วยสีหน้าสงบสุข เขาเหลือบมองยอดฝีมือที่เหลือด้านนอกอีกสองหมื่นคน
“เจ้าแกะอ้วน…โอ้หนุ่มสาวเอ๋ย แสดงความจริงใจกับข้า แสดงความกระตือรือร้นในการเข้าไปยังหอคอยกับข้า! แค่ตำราระดับตำนานชั้นสูงสักเล่มหรือสมบัติกึ่งภูติสักชิ้น…เท่านี้เจ้าก็จะได้เข้าร่วมครอบครัวใหญ่ของหอคอยแล้ว!”
“ด้วยตำราเล่มเดียวนี้เจ้ามิอาจซื้อบ้านในถนนกลางของสำนักได้ เจ้าเองก็ซื้อสตรีที่รักไม่ได้ด้วย แต่เจ้าซื้อวันพรุ่งนี้ได้ อนาคตกับสิ่งที่ไร้ขีดจำกัดในหอคอย!”
“เจ้าพวกแกะอ้วนเจ้ารออะไรกันอยู่?”
สุดท้ายซือหยูไม่พยายามจะรักษามารยาทอีกแล้ว
“บัดซบ!ไอ้หน้าด้าน!!”
“โอ้พระเจ้า!มันหน้าด้านจนบ้าไปแล้ว!”
“ตำราระดับตำนานชั้นสูงนี่แก ข้าต้องขายไตเพื่อมันเลยนะ!!”
เหล่าผู้คนโกรธแค้นขึ้นมาทันควัน
เรื่องนี้ทำให้ทั้งมนุษย์และเทพเจ้าโกรธได้ทุกคน!