สมบัติ

 

“ขอบคุณทุกคนที่มากันในวันนี้ ขอให้ฉันได้เป็นผู้แนะนำความพิเศษของสมบัติแต่ละชิ้นก็แล้วกันนะ

หากพวกคุณสนใจฟังล่ะก็เชิญได้เลย แต่หากว่าไม่ พวกคุณก็สามารถเดินชมได้ตามอัธยาศัยนะครับ”

ผู้อาวุโสเซี่ยได้แนะนำสมบัติแต่ละชิ้นอย่างออกรสออกชาติ เขาเองนั้นก็ถือได้ว่ามีความรู้ในสมบัติส่วนใหญ่เป็นอย่างดี เขาพูดได้อย่างน่าฟัง สบายหู และคล่องแคล่ว

 

สมบัติที่อยู่ในบริเวณนี้ส่วนใหญ่เป็นเครื่องเงิน แจกันลายคราม เหรียญตราต่างๆ ตราหยก และเครื่องกระจก ซึ่งทุกอย่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งประวัติศาสตร์

 

ผู้อาวุโสเซี่ยได้แนะนำสมบัติจำพวกชุดก่อนเป็นอันดับแรกๆ ของเหล่านี้มีอยู่ชิ้นหนึ่งที่มาจากยุคราชวงศ์ชิง เป็นของสะสมแสนรักของเฉียนหลงนั่นคือแจกัน

แจกันนี้ไม่ใช่แจกันธรรมดาอย่างแน่นอนเพราะว่าผู้อาวุโสเซี่ยเป็นคนขอเองเลย นั่นก็เพราะว่าแจกันนี้มีเพียงหนึ่งพันหนึ่งร้อยชิ้นในโลก และส่วนใหญ่เฉียนหลงเองเป็นคนเก็บเอาไว้ นี่เท่ากับว่าเขายอมปล่อยสมบัติทางประวัติศาสตร์ออกมาให้ยลโฉมกันเลย

 

นอกจากนั้นยังมีมีดพกที่ส่งมาจากคนอื่นซึ่งก็เป็นสมบัติในสมัยราชวงศ์ชิงที่เป็นของจักรพรรดิ์เฉียนหลง

ตัวมีดมีความสมดุลและโค้งเป็นรูตัวเอส ใบมีดมีความแหลมและคมอย่างมาก ตัวมีดถูกฝังเอาไว้ด้วยหยกขาว

ด้ามจับถูกห่อเอาไว้ในม้วนผ้า ส่วนตรงกลางด้ามจับถูกแกะสลักเป็นรูปกลีบดอกไม้ 6 กลีบ

ตรงส่วนโคนกลีบดอกทั้ง 6 ถูกเจาะเอาไว้เป็นรูแล้วร้อยด้วยเชือกไหมถักสีเหลืองทองส่องสว่าง

ตัวสายคาดเองก็มีการประดับไปด้วยดอกไม้ปักเลื่อมสีทองแดง เงิน และทอง และยังถักทอเป็นลวดลายมังกรดั้นเมฆอยู่ใกล้ๆ หันหน้าเข้าหากลางเข็มขัด

ตรงกลางปักคำเอาไว้ว่าเป๋าเต็มด้วยเส้นไหมสีทองและทำกรอบคำด้วยได้สีเงิน และมีหมายเลขอยู่ข้างๆปักเอาไว้ว่าจักรพรรดิลำดับที่ 17

อีกฝากหนึ่ง อีกฝั่งหนึ่งในตำแหน่งเดียวกันปักเอาไว้ว่า ระบบปีเฉียนหลง ฝักมีดทำด้วยไม้จากต้นพีช

ส่วนห่วงคล้องเคลือบด้วยทอง มีเชือกเหลื่อมสีทองคล้องเอาไว้ถักทออย่างประณีต

โดยรวมแล้วดูสง่างามและแฝงไว้ด้วยความหมาย ดูทรงคุณค่า เทียบได้กับงานศิลปะระดับชาติและแฝงไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว

นั่นหมายความว่าผู้ทำตองเป็นช่างฝีมือระดับสูง อาจจะสูงที่สุดในยุคนั้นเลยก็ว่าได้

 

หลังจากแนะนำอธิบายสมบัติชิ้นนี้ไปซักพัก ผู้อาวุโสเซี่ยได้นำกล่องแก้วที่คลุมไว้ด้วยผ้าสีดำออกมา

ก่อนที่ผู้อาวุโสเซี่ยจะทำการเปิดกล่องเขาได้หันไปหาผู้อาวุโสเต๋าก่อนจะพูดออกมาว่า

“คนที่สร้างสมบัติชิ้นนี้นั่นก็คือ เต๋า ฉินจู คุณเต๋าเป็นช่างแกะสลักร่วมสมัยแห่งยุคนี้ ขอบคุณเขาจริงๆที่นำของชิ้นนี้มาร่วมแสดงที่นี่”

 

ทุกคนหันไปทางผู้อาวุโสเต๋าก่อนที่จะปรบมือให้ทำให้เขาต้องยิ้มออกมาอย่างภูมิใจ หลังจากนั้นผู้อาวุโสเซี่ยได้เปิดผ้าคลุมสีดำนั่นออก

แสดงให้เห็นถึงกล่องแก้วกล่องหนึ่ง เมื่อผู้คนเห็นของในกล่องแก้วนั้นต่างพากันตื่นตาตื่นใจ

แรกเห็นนั้นพวกเขากลับเห็นเป็นน้ำตก ภูผา สายน้ำไหล พวกเขามองเห็นความละเอียดแม้กระทั่งคลื่นที่เกิดจากน้ำตก

ความแตกต่างของหินแต่ละก้อน ทุกอข่างล้วนดูสมจริงทั้งนั้นเหมือนพวกเขากำลังจ้องมองไปดูภาพถ่ายสามมิติ

แต่เมื่อเขาเริ่มสังเกตุเห็นพวกเขายิ่งประหลาดใจกว่าเดิม นั่นก็เพราะว่าทุกอย่างที่เห็นล้วนเกิดภายในลำไม้ไผ่ที่ถูกเจาะทะลุทั้งสองข้าง

 

“พระเจ้า ช่างดูมีชีวิตชีวา”

 

“ช่างมหัศจรรย์จริงๆที่การแกะสลักไม้ไผ่จะทำให้เกิดภาพแบบนี้ขึ้นมาได้”

 

“งานแกะของผู้อาวุโสเต๋านี่นับวันยิ่งคาดไม่ถึงจริงๆ”

 

ผู้คนในตอนนี้ต่างรู้สึกตื่นตาตื่นใจ ในขณะนั้น ซูจิ้ง หลิวฉิง หลิวฮง เฉียนหยินหนิง เฉียนไจบิง และคนอื่นๆเองก็เช่นกัน แม้แต่ไคจิ้งเองก็ยังต้องตบมือให้

เต๋าฉินจูนั้นถึงแม้เขาจะได้รับคำชมต่อหน้าสาธารณะชนแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงยิ้มเพียงเล็กน้อย ดูสงบสุขุม แสดงออกถึงการควบคุมตนเองได้อย่างดี

 

ซูจิ้งรู้ว่าฝีมือในการแกะสลักของผู้อาวุโสเต๋าที่ว่าดีมากแต่ก็ไม่คิดว่าจะดีมากยิ่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้

ครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการเปิดหูเปิดตาเขาแล้ว และเขาก็รู้ในทันทีที่เห็นว่าสมบัติชิ้นทำมาจากไม้ไผ่ที่เขาได้รับมาจากห้วงเวลาฯราชาแห่งพิณ

 

ผู้อาวุโสเซี่ยยังคงบรรยายต่อไปซักพักเขาก็ได้บอกออกมาว่าสมบัติชิ้นต่อไปที่จะแสดงเป็นของที่ถูกส่งมาโดยผู้อาวุโสตระกูลเฉียน นั่นก็คือแจกันในสมัยราชวงศ์ชิง

หลังจากแนะนำเสร็จเขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาให้ทุกคนดูด้วยตาตนเอง

ผ่านไปซักพักได้มีชายหนุ่มตัวสูงหน้าตาดีคนหนึ่งเดินเขามาโดยมีกล่องๆหนึ่งอยู่ในมือ เขาเดินเค้าไปหาผู้อาวุโสเซี่ยพร้อมคำนับแล้วพูดว่า “คุณเซี่ย ผมเพิ่งรู้ได้ไม่นานว่าคุณได้มีงานเปิดพิพิธภัณฑ์ในวันนี้ทำให้ผมมาส่งของเพื่อร่วมจัดแสดงมาไม่ทัน ผมก็เลยไปหาซื้อของพวกนี้มาจากถนนขายวัตถุโบราณแทน หวังว่ามันคงพอจะช่วยสร้างสีสันที่นี่ได้”

 

“ไหนลองดูสิ” ผู้อาวุโสเซี่ยพูดออกมาด้วยท่าทีสนใจ

 

“โปรดลองดู” เมื่อชายหนุมหน้าหล่อได้ยินดังนั้นเลยตั้งใจเดินผ่านหน้าเฉียนหยินหนิงพร้อมชำเลืองมอง เธอเองก็ทำหน้าไม่หือไม่อือ แต่ชายหนุ่มหน้าหล่อคนนั้นกับส่งยิ้มให้บางๆ ก่อนที่จะตรงไปยังผู้อาวุโสเซี่ย

 

ซูจิ้งเองก็สังเกตุได้เหมือนกันแต่เขาไม่ได้สนใจ เขาเพียงคิดว่าชายคนนี้คงรู้จักเฉียนหยินหนิงระดับหนึ่ง อาจเป็นคุณชายตระกูลตระกูลใดสักตระกูล หลิวฉิงเองก็ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรซักอย่างแต่พอไปสบตากับเฉียนหยินหนิงแล้วเขาเลยไม่พูดอะไรออกมา

 

หนุ่มหล่อคนนั้นได้เปิดกล่องออก ข้างในเป็นพระพุทธรูปหินโดยด้านหลังพระพุทธรูปนั้นแบนราบเหมือนโดนตัดออกมา มองดูแล้วดูเหมือนเป็นพระพุทธรูปหินธรรมดาทั่วไป

 

“หึ นึกว่าเป็นสมบัติที่ไหนแต่ดูเหมือนจะเป็นงานแกะสลักทั่วไปจากช่างธรรมดาทั่วไปแต่เขายังกล้าเอามาอีกอ่ะนะ” หลิวฉิงบ่นพึมพำออกมา พร้อมหน้าตาดูไม่ค่อยพอใจนั่นทำให้ซูจิ้งที่เห็นถึงกับพูดไม่ออก พลางนึกไปว่าหมอนี่ดูออกแค่เครื่องลายครามแล้วยังกล้าพูดออกมาอีกเนี่ยนะ

 

ผู้อาวุโสเซี่ยสวมถุงมือแล้วหยิบพระพุทธรูปขึ้นมาดูแล้วค่อยพิจารณาดูอย่างตั้งใจก่อนที่จะถามออกมาว่า “เจ้าเพื่อนตัวน้อย สี่งนี้เท่าไหร่กันรึ”

 

“สามพันครับ” ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

ผู้อาวุโสเซี่ยไม่ได้พูดออกมาตรงๆแต่กลับร่ายคำพูดออกมาว่า “ผมคิดว่าทุกคนคงรู้จักรูปปั้นพระพุทธรูปที่อยู่ในในวัดหินเป็นอย่างดีว่าพระพุทธรูปเหล่านั้นมีทั้งแบบเต็มตัวและแบบครึ่งตัว

และพระพุทธรูปเหล่านั้นในส่วนผมจะม้วนกลมๆอยู่ซึ่งส่วนนั้นเป็นผม

โดยจะมีทั้งเล็กและใหญ่ และจำนวนที่มากน้อยแตกต่างกันไป พอจะตามที่ผมพูดทันกันนะครับ”

 

“ในความจริงแล้วพระพุทธศาสนาได้เข้ามาเผยแพร่ในช่วงสมัยราชวงศ์ฮั่น และได้รับความนิยมนับถือกันมากในส่วนของภาคตะวันออก ภาคเหนือ และภาคใต้ของจีนในยุคนั้น

แต่หลังจากเผยแพร่เข้ามาแล้ว ชาวจีนในสมัยนั้นก็ได้รับอิทธิพลจนเกิดการแต่งกายเลียนแบบไม่ว่าจะเป็นการใส่เสื้อผ้าหลวมและมีสายคาดเอว

บางครั้งก็มีสายพาดบ่าลงมาด้วย ยิ่งไปกว่านั้นเทคนิคการแกะสลักในสมัยนั้นเองก็ได้รับอิทธิพลด้วยไม่น้อยเช่นเดียวกัน

ไม่เพียงแต่จะมีการแกะสลักเป็นองค์พระนูนธรรมดา แต่ยังออกแบบถึงขั้นสร้างรัศมีไว้ด้านหลังองค์พระ แม้แต่เป็นเชิงเทียนเพื่อแสดงสัญญาลักษณ์แห่งปัญญาก็มี”

 

“พอมาลองนึกตามเหตุผลทั้งหมดที่ผมกล่าวมาแล้ว สิ่งนี้คือพระพุทธรูปหินจากทางใต้องค์นี้แน่นอนว่ามันควรค่าแห่งการสะสมอย่างยิ่ง ซื้อมาด้วยราคาสามพันงั้นหรอ ของทรงคุณค่าขนาดนั้นกลับได้มาครอบครองโดยการจ่ายเงินเพียงเท่านี่ ช่างน่าเหลวไหลจริงๆ”

 

หนุ่มหล่อได้ยิ้มพร้อมพูดออกมาว่า “ขอบคุณสำหรับการชี้แนะครับ ดูเหมือนว่าสายตาและโชคของผมนี่น่าจะดีพอสมควรเลย หากท่านผู้อาวุโสเซี่ยรู้ถึงคุณค่าของของสิ่งนี้ขนาดนี้ ผมก็ขอมอบให้ท่านนำมาจัดแสดงไว้ที่นี่แล้วกันครับ”

“ฮ่าฮ่า ขอบคุณมาก ขอบคุณมาก นายสามารถเชื่อใจฉันได้เลยในเรื่องนี้ หากนายต้องการจะนำกลับคืนไปก็บอกนะ ฉันยินดีส่งคืนทุกเมื่อเลย” ผู้อาวุโสเซี่ยได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มแล้วให้คนนำพระพุทธรูปนี้นำไปไว้ที่แท่นจัดแสดง

 

หนุ่มหล่อหันมาส่งยิ้มให้กับเฉียนหยินหนิงอีกครั้งพร้อมท่าทีชวนหลงใหล แต่หยินหนิงก็ยังคงทำเป็นไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขารู้สึกจิตตกไปเล็กน้อย

หน้าของหลิวฉิงในตอนนี้ยิ่งเลวร้ายไปกว่าเดิมซะอีก เขาเองไม่คิดว่าแค่พระพุทธรูปหินธรรมดาจะกลายเป็นของเก่าไปได้ เขาคิดมาตั้งแต่ตอนที่เห็นรอยแตกตั้งแต่แรกว่าเป็นของทำขึ้นเอง

ใครจะไปอยากได้พระพุทธรูปหินหน้าตาอย่างนี้เป็นของสะสม แต่หลังจากที่ได้ยินคำบรรยายของผู้อาวุโสเซี่ยแล้วนั่นทำให้เขาหมดคำพูดไปเลย

 

หลิวฉิงนั้นได้รีบออกไปจากงานตรงไปที่รถพร้อมกลับมาด้วยกล่องเล็กๆกล่องหนึ่ง เมื่อเข้าเขารีบจนลืมหยิบติดเข้างานมาด้วย เมื่อเดินเข้ามาเขารีบไปหาผู้อาวุโสเซี่ยแล้วพูดออกมาว่า “ผู้อาวุโสเซี่ย ผมได้ซื้อของนี้มาเมื่อนานมาแล้ว รบกวนท่านผู้อาวุโสเซี่ยช่วยตรวจดูสิ่งนี้ให้ผมกระจ่างใจหน่อยได้รึเปล่าครับ”