บทที่ 2379 ร่วมมือ 4 / บทที่ 2380 ร่วมมือ 5

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2379 ร่วมมือ 4

เธอดิ้นรนอย่างไร้สุ้มเสียง ทว่าดิ้นไม่หลุด

เขาโอบเธอไว้แน่นยิ่งกว่าเดิม

ลูกน้องสองคนนั้นของเขาสายตาดียิ่งนัก องค์ราชันย์ของพวกเขาเกี้ยวพาสตรีอยู่ด้านหลัง พวกเขาจึงไม่กล้าแม้แต่จะเหลียวกลับไป เพียงทำหูตั้งคอยฟังเรื่องซุบซิบเท่านั้น

แน่นอนว่าไม่ได้ลืมเรื่องที่ต้องคอยตามคุ้มครองอยู่ข้างกายอวิ๋นชิงหลัว คอยต้านรับการโจมตีจากภายนอกทุกอย่างแทนนาง

จู๋ตู๋ชิงขมวดคิ้วแน่นจนเป็นปมแล้ว!

ยื่นมือออกไปหมายจะดึงแขนกู้ซีจิ่ว คิดจะลากนางกลับมา แต่เขาเพิ่งจะยื่นมือออกไป ตี้ฝูอีก็พากู้ซีจิ่วทะยานไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้ว

หนึ่งก้าวนี้ไม่ใกล้ไม่ไกล เพียงหลบพ้นการคว้าของจู๋ตู๋ชิงได้

จู๋ตู๋ชิงตะลึงงัน

ตี้ฝูอีเหลือบมองเขาด้วยท่าทียิ้มมิเชิงยิ้มแวบหนึ่ง สายตานี้แฝงคำเตือนที่เข้มข้นยิ่งนักไว้

ทำให้จู๋ตู๋ชิงนึกถึงช่วงเวลาที่อีกฝ่ายบีบบังคับให้เขากลับสู่ร่างเดิมขึ้นได้ในชั่วพริบตา…

ท่าทางตอนที่ตี้ฝูอีมองเขาในเวลานั้นก็คือท่าทางแบบนี้

ถ้าหากไปยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้า ถูกเขาสร้างความอัปยศให้อีกครั้ง ทำให้เขาคืนร่างเป็นต้นไผ่ในสถานที่รกร้างกันดารเช่นนี้…

ร่างจู๋ตู๋ชิงพลันหนาวยะเยือก ในใจไม่ยินยอม ทว่าไม่กล้าหาเรื่องอีกแล้ว

กู้ซีจิ่วทวงเอวของตนกลับมาไม่ได้ ตี้ฝูอีราวกับคว้าเธอไว้ได้แล้วก็ไม่คิดจะปล่อยมืออีก ทำให้เธอรู้สึกหลอนเหมือนโยนหินทับเท้าตนยิ่งนัก

‘เจ้าปล่อยมือนะ!’

เธอส่งกระแสเสียงหา

‘ไม่ปล่อย!’

ตี้ฝูอียิ้มละไม ทว่ากระแสเสียงที่ตอบมากลับเด็ดขาดยิ่ง

‘คู่รักอย่างพวกเจ้าจะทะเลาะกันแล้วลากข้าไปเป็นโล่กันชนคงไม่ดีกระมัง!’

‘เด็กน้อย เจ้ากับข้ามีลูกชายด้วยกันแล้ว พวกเราสิถึงจะเป็นคู่รัก! ไม่ใช่ข้ากับนาง’

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย

เธอกัดฟัน

‘ตี้ฝูอี ข้าบอกแล้วไง เด็กคนนั้นข้าเก็บได้ ข้าไม่ได้คลอดออกมา ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องฝืนรับแม่ไว้เพื่อลูกหรอก!’

‘ถ้าเจ้าเลือกเก็บได้ดีขนาดนี้ ก็เก็บลูกสาวมาให้ข้าอีกสักคนสิ’

กู้ซีจิ่วไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว วันนี้คงคุยกันไม่ได้แล้ว!

เธอทนไม่ไหวจึงเหยียบเท้าเขาไปทีหนึ่ง ประทับคราบโคลนรอยหนึ่งไว้บนรองเท้าที่สะอาดสะอ้านของเขา

‘รองเท้าเจ้าเปื้อนแล้ว รีบใช้คาถาชำระล้างสิ!’

ถ้าเขาใช้คาถาชำระล้างก็จำเป็นต้องใช้แขนซ้ายที่กักบริเวณเธอไว้ ต้องปล่อยตัวเธอ

ตี้ฝูอียิ้มอย่างสง่างามแวบหนึ่ง

‘ตราประทับนี้ที่เจ้าเหยียบไม่เลวเลย ราวกับบุปผาดอกน้อย ข้าจะทิ้งมันไว้เป็นที่ระลึกแล้วกัน’

กู้ซีจิ่วขบฟันแล้ว

‘เช่นนั้นให้ข้าทิ้งบุปผาดอกน้อยไว้บนรองเท้าอีกข้างของเจ้าด้วยไหมล่ะ? จะได้สมมาตร!’

ตี้ฝูอีก็ตอบโต้กลับได้ตรงจุด

‘เปิ่นจวินค่อนข้างชอบความงามที่ไม่สมมาตร ธรรมชาติสิถึงจะงดงาม ถึงจะดูมีรสนิยม เป็นการรังสรรค์ที่ล้ำเลิศ’

ยามที่คนผู้นี้ทำหน้าหนาขึ้นมาช่างน่ากลัวโดยแท้! โดยเฉพาะตอนที่เขาคุยกับเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทำให้เธอรู้สึกไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน

ขณะที่เธอกำลังจะพูดอะไรออกมา จู่ๆ ตี้ฝูอีหัวเราะเบาๆ อยู่ริมหูเธอ

“มิใช่ว่าเจ้าอยากยั่วโมโหเพื่อล้างแค้นนางหรอกหรือ?”

กู้ซีจิ่วแข็งทื่อไปทันที ที่แท้เขาก็มองออกแล้ว

ชิ เจ้าคนผู้นี้ใช้แผนซ้อนแผน คนที่อยากยั่วโมโหอวิ๋นชิงหลัวคือเขาไม่ใช่หรือไง?!

เขายั่วโมโหอวิ๋นชิงหลัวเช่นนี้ ไม่กลัวว่าอวิ๋นชิงหลัวที่ตกอยู่ภายใต้ความหึงหวงรุนแรงจะลากพวกเขาทั้งคณะลงคลองหรือไง?

เธอยังคิดไม่ทันจบดี จู่ๆ อวิ๋นชิงหลัวที่อยู่ด้านหน้าก็หวีดร้องออกมาเบาๆ!

ปากสีโลหิตที่ใหญ่เท่ากะละมังปากหนึ่งที่ราวกับโผล่ขึ้นมาจากอากาศ ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าอวิ๋นชิงหลัว!

อวิ๋นชิงหลัวเพิ่งจะหวีดร้องออกมา ลำแสงสีแดงดุจกระแสไฟฟ้าสายหนึ่งก็พุ่งแวบออกมาจากปากใหญ่ยักษ์นั้น ตรงเข้ามาพัดร่างอวิ๋นชิงหลัว!

ปากใหญ่ยักษ์นี้โผล่ขึ้นมากะทันหันเกินไป!

องครักษ์ทั้งสองที่อยู่ข้างกายอวิ๋นชิงหลัวตอบสนองไม่ทันเลย!

เมื่อเห็นลำแสงสีแดงสายนั้นม้วนรอบเอวอวิ๋นชิงหลัวกำลังจะลากนางไป ลำแสงพร่างพราวดุจสายรุ้งสายหนึ่งก็พุ่งเข้ามา พุ่งเข้าปะทะลำแสงสีแดงสายนั้น!

เกิดเสียงดัง ‘ฉัวะ!’ สำแสงสีแดงสั่นไหวเล็กน้อย ขาดเป็นสองท่อน โลหิตสดๆ สาดพ่น…

————————————————————————————-

บทที่ 2380 ร่วมมือ 5

ลำแสงสีแดงสายนี้คือลิ้นที่อยู่ในปากขนาดมหึมา

สัตว์ร้ายชนิดนี้ดุร้ายเป็นพิเศษ ลิ้นที่ถูกแสงสีรุ้งตัดจนแทบจะขาดแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะไม่ยอมปล่อยตัว อวิ๋นชิงหลัว ยังคงหดกลับไปดุจสายฟ้าแลบ เห็นได้ชัดว่ามองอวิ๋นชิงหลัวเป็นอาหารอันโอชะ…

ในที่สุดปฏิกิริยาตอบสนองขององครักษ์สองคนนั้นก็กลับมาแล้ว รีบพุ่งเข้าไปยื้อแย่ง กลับนึกไม่ถึงว่าจะมีแสงสีเขียวอีกสายหนึ่งพุ่งออกมาจากปากมหึมานั้น ปัดป่ายโจมตี บีบให้องครักษ์ทั้งสองถอยร่นไป…

พริบตาเดียวร่างของอวิ๋นชิงหลัวก็จะเข้าสู่ปากที่อ้ากว้างนั้นแล้ว…

ผู้ที่ปล่อยลำแสงสีรุ้งออกไปก็คือตี้ฝูอี เขานึกว่าด้วยการการโจมตีนั้นคงบีบให้ลิ้นนั้นปล่อยตัวอวิ๋นชิงหลัวได้แล้ว ไม่นึกเลยว่า…

อวิ๋นชิงหลัวจะเกิดเรื่องขึ้นไม่ได้เด็ดขาด!

เขาแทบไม่เสียเวลาคิดเลย กระโจนเข้าไปในปากมหึมานั้นทันที!

คว้าแขนของอวิ๋นชิงหลัวได้ก่อนที่ปากมหึมานั้นจะงับเข้าหากัน!

มือซ้ายมีแสงเยียบเย็นส่องวาบ แทงเข้าที่ลิ้นซึ่งรัดพันอวิ๋นชิงหลัวไว้ในปากมหึมานั้น!

โลหิตดุจละอองหมอก พ่นกระจายออกมา

ในที่สุดปากมหึมานั้นก็ได้ลิ้มรสความเจ็บปวดแล้ว คลายลิ้นออกเล็กน้อย

ตี้ฝูอีฉวยโอกาสออกแรงกระชาก ดึงอวิ๋นชิงหลัวออกมาจากปากมหึมานั้นทันที!

โยนไปทางองครักษ์ของตน

องครักษ์สองคนนั้นรีบเข้ามารับตัวอวิ๋นชิงหลัวไว้

ร่างของตี้ฝูอีแทบจะหายเข้าไปในปากมหึมานั้นครึ่งหนึ่งแล้ว เขาดึงอวิ๋นชิงหลัวออกมา ทว่าตัวเขาเองกลับไม่สามารถแยกออกมาได้

เขี้ยวที่เรียงรายอยู่ในปากมหึมาคมกริบเสมือนมีด งับลงมาในทันใด!

ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาก็ว่องไวเช่นกัน หนีออกไปไม่ได้ก็ไม่คิดจะถูกงับเอวขาด พลันหดกายแวบหนึ่ง ทั้งร่างคนกลิ้งเข้าไปในปากใหญ่โตนั้นแล้ว…

มองเห็นปากใหญ่นั้นกำลังจะงับลงมาต่อหน้าเขา จึงใช้กระบี่สั้นเล่มหนึ่งแทงงัดปากมหึมานั้น ขัดให้ปากมหึมานั้นหุบไม่ลง…

ทำให้ปากใหญ่โตนั้นเกิดช่องว่างกว้างกว่าหนึ่งฉื่อขึ้น ตี้ฝูอีฉวยโอกาสกลิ้งออกไปด้านนอก ในที่สุดก็หนีออกมาจากปากมหึมานั้นได้

มือน้อยๆ ข้างหนึ่งดึงเขาไว้ทันที เคลื่อนย้ายออกไปกว่าสิบจั้ง

เขาเงยหน้าขึ้น สบเข้ากับดวงตาดำดุจหมึกที่อยู่ด้านหลังหมวกคุลมหน้าของกู้ซีจิ่ว

ดวงตานางฉายแววหวาดผวาแตกตื่นอย่างเห็นได้ชัด มือน้อยๆ ที่กำแขนเขาไว้สั่นระริกนิดๆ

“เจ้าอยากตายหรือไง?!”

เธอเอ่ยโพล่งออกไปด้วยความโกรธ เสียงแทบจะหลงแล้ว

สายตาเธอกวาดมองร่างกายเขาอย่างรวดเร็วรอบหนึ่ง

ร่างกายเขาไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด มือของเธอวางอยู่เหนือชีพจรเขาพอดี จึงถือโอกาสตรวจสอบชีพจรไปด้วย

ชีพจรก็มั่นคงนัก ดูทรงแล้วไม่ได้บาดเจ็บภายในเช่นกัน

กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอกโดยไร้สุ้มเสียง พลันรู้สึกว่าสองเท้าอ่อนยวบอยู่บ้าง…

เธอกำลังเป็นห่วงเขา!

เขาทำให้เธอใจหายใจคว่ำแล้ว!

หัวใจตี้ฝูอีอุ่นวาบ ตวัดมือกุมมือนางไว้

“ทำเจ้าตกใจหรือ? อย่ากลัวไปเลย ข้าไม่เป็นไร”

กู้ซีจิ่วถึงได้รู้สึกว่าตนค่อนข้างเสียกริยาอยู่บ้าง ชักมือตนกลับมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“อย่าคิดมากไป ข้าแค่ไม่อยากให้เพื่อนร่วมงานได้รับบาดเจ็บเท่านั้น”

ปากแข็งนัก!

เห็นกันอยู่ชัดว่าตกใจจนมือไม้แข็งทื่อไปหมดแล้ว!

ตี้ฝูอีพลันออกแรงรั้งนางเข้าสู่อ้อมกอด กอดแน่นๆ ทีหนึ่ง เอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นริมหูนางอย่างไม่อนาทร

“ข้าไม่ได้คิดมาก”

แล้วเสริมอีกประโยค

“ขอแต่เจ้าเป็นห่วงข้า! เจ้าจะไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร ข้ารับรู้ได้ก็พอแล้ว…”

กู้ซีจิ่วเงียบงัน

มารดามันเถอะ มาฉอเลาะสตรีอื่นต่อหน้าคนรักเช่นนี้จะดีจริงๆ น่ะหรือ?!

ที่แท้เขาคิดจะเล่นละครฉากใหญ่อันใดกันแน่?!

เธอกระสับกระส่ายอยู่ในอ้อมอกเขา ไม่อาจใคร่ครวญขบคิดเช่นปกติได้ ขณะที่เธอกำลังจะดิ้นให้หลุดจากเขา เขาก็เป็นฝ่ายปล่อยเธอออกก่อน ตบไหล่เธอคราหนึ่ง

“เป็นเด็กดีรออยู่ตรงนี้นะ ข้าจะไปจัดการไอ้ตัววุ่นวายนั่นก่อน”

เรือนกายไหววูบ ไปหาเจ้าของปากมหึมานั้น…โผเข้าใส่สัตว์พิษเจ็ดสีที่มีลักษณะดูคล้ายไทแรนโนซอรัส!

สัตว์พิษตัวนั้นโกรธเกรี้ยวนัก!

ก่อนหน้านี้มันดักซุ่มอยู่ใต้กอหญ้าน้ำในบึง เดิมทีคิดจะเขมือบอวิ๋นชิงหลัวเป็นอาหารว่าง ผลคือถูกเลาะฟัน