เหล่าผู้คนที่วิพากษ์วิจารณ์ต่างลนลาน
เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทเกิดโทสะแล้ว ทั้งไม่รู้ว่าจะเรียกจงซานไปตัดหัวหรือเปล่า ว่าไปแล้วทุกครั้งที่เกิดภัยพิบัติ ใต้เท้าจงซานมักเป็นคนแรกที่พุ่งออกไปขอความช่วยเหลือเพื่อชาวบ้าน
ทุกครั้งยามเมืองหลวงเกิดเรื่องไม่เป็นธรรมขึ้น ยามที่ศาลาว่าการไม่อาจจัดการได้ ชาวบ้านทั้งหลายจะไปขอร้องที่จวนใต้เท้าจงซาน สุดท้ายก็มักได้รับการช่วยเหลือ
ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่ใต้เท้าจงซานของฝ่าบาทเปิดยุ้งฉางแจกเสบียงหลวง ช่วยเหลือชาวบ้าน กล่าววาจารุนแรงกลางท้องพระโรงว่า หากทำไม่สำเร็จจะไม่ยอมเลิกรา จนเกือบถูกฮ่องเต้ประหาร
ดังนั้นเมื่อเทียบกันแล้ว ชาวบ้านเลื่อมใสใต้เท้าจงซานอย่างมาก
ส่วนบุตรสาวของใต้เท้าจงซาน จงรั่วปิงจอมยุทธ์หญิงอันดับหนึ่งเลื่องชื่อไปทั่วหล้า นางผดุงคุณธรรมเหมือนดังผู้เป็นบิดา องค์ชายใหญ่ยังเป็นคนที่มีโอกาสขึ้นครองราชย์มากที่สุด คนทั้งหลายต่างคิดว่าจงรั่วปิงจะได้เป็นฮองเฮามารดาของแผ่น ต่างก็เฝ้ารอ
ใครจะรู้ว่าเพราะเรื่องการแต่งพระชายารองก่อน จะเกิดเรื่องใหญ่มหันต์ถึงเพียงนี้
บรรดาคนที่ชมดูอยู่ล้วนเป็นกังวล วันนี้สองพ่อลูกตระกูลจงจะถูกฝ่าบาทประหาร
ภายในห้องทรงพระอักษร
ฮ่องเต้ประทับอยู่บนบัลลังก์ มองคนทั้งสามที่คุกเข่า “จงซาน…”
“ฝ่าบาท” จงซานเงยหน้าขึ้นมา บุรุษอายุสี่สิบปี ที่ดูคล้ายหนุ่มรูปงามอายุสามสิบ
ทว่า…
ยามเขาเงยหน้าขึ้นมา ฮ่องเต้ก็ทอดพระเนตรเห็นน้ำมูกสองสายไหลย้อย ซ้ำยังมีน้ำตาที่หางตาอีก
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรน้ำมูก พลันเกิดความรู้สึกรังเกียจ ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด พระองค์ทรงคลึงขมับหลายครั้ง “ไม่เป็นไร เจ้าก้มหน้าลงไปเถอะ”
หลายวันนี้พระองค์เห็นคนที่มีน้ำมูกไหลน้ำตาไหล ร้องไห้อยู่หน้าพระพักตร์ ในฐานะราชาของแผ่นดิน พระองค์ทุกข์ทรมานอยู่ในพระทัยมากแค่ไหน แค่คิดก็รู้ได้แล้ว
“อ้อ…” จงซานได้ยินแล้ว ก็รีบก้มหน้าทันที
จงรั่วปิงเองก็มองบิดาของตนด้วยสายตาสั่นสะท้าน
แต่เดิมนางได้ยินว่าหลายวันนี้ท่านพ่อใช้สารพัดวิธีร้องขอให้ฝ่าบาทยกเลิกสมรสพระราชทาน นางยังคิดว่าเป็นข่าวลือ คิดไม่ถึงว่าวันนี้พอได้เห็นแล้ว นางอยากแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่ใช่บิดาของตน
ช่างขายหน้านักเชียว
ฮ่องเต้ถอนพระทัย “จงซาน เจ้าอยากให้ข้ายกเลิกงานแต่งงานจริงๆ อย่างนั้นหรือ เจ้าต้องรู้ไว้ องค์ชายใหญ่คือลูกที่ข้ารักมากที่สุด เจ้าก็เป็นขุนนางรักของข้า ถึงเจ้ามักจะเป็นปรปักษ์กับข้าในท้องพระโรงอยู่บ่อยๆ แต่จากคำพูดของเจ้า ข้าก็มักรู้สึกว่าสิ่งที่ข้าจัดการไม่ถูกอยู่เรื่อย…”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ทั่วทั้งราชสำนักเป่ยเฉินไม่อาจหาคนแบบกระหม่อมได้อีกแล้ว ไม่ต้องการชีวิต เป็นขุนนางที่กล้าเถียงกับพระองค์ กระหม่อมช่างลำบากลำบนมีคุณงามความชอบนัก ฝ่าบาท พระองค์ต้องยอมรับคำขอร้องของกระหม่อมนะพ่ะย่ะค่ะ”
จงซานยามนี้เอ่ยยกยอตัวเอง ด้วยจุดเด่นที่สำคัญที่สุดของตน จากนั้นเงยหน้าขึ้น ทำให้ฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นใบหน้าเคล้าน้ำมูกน้ำตาเขาอีกทันที
ฮ่องเต้ “…”
พระองค์ทรงไอออกมา ตรัสต่อไป “แต่ว่าเจ้าต้อง…เจ้าก้มหน้าไปก่อน”
“พ่ะย่ะค่ะ” จงซานก้มหน้าทันที
เมื่อไม่เห็นใบหน้าร้องไห้จนอนาถอีก ฮ่องเต้พลันรู้สึกสบายขึ้นมาก ตรัสต่อว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าลำบากลำบนมีความชอบ ดังนั้นถึงประทานสมรสให้บุตรสาวของเจ้ากับองค์ชายที่ข้ารักมากที่สุด ให้นางเป็นพระชายา ภายหน้าตำแหน่งฮองเฮาอาจเป็นของนาง”
คำพูดของฮ่องเต้เป็นการบอกอย่างชัดเจนแล้ว
เป่ยเฉินเสียงทนไม่ไหวเงยหน้ามอง เห็นสีพระพักตร์ฮ่องเต้ เช่นนี้ก็เท่ากับเปิดเผยว่าจะยกตำแหน่งให้เขาสืบทอด เป่ยเฉินเสียงดีใจจนลิงโลด
จากนั้น จงซานกลับแข็งข้อเป็นอย่างมาก “แต่ฝ่าบาท บุตรสาวของกระหม่อมไม่ยินยอม ท่านก็ทรงทราบ กระหม่อมมีลูกสาวคนเดียว มารดาของนางร่างกายอ่อนแอ หลังจากคลอดนางได้ไม่นานก็ลาจาก ก่อนฮูหยินจะไป ฝากฝังให้ข้าดูแลบุตรสาวให้ดี ไม่เช่นนั้นนางคงตายตาไม่หลับ หาก…หากฮูหยินรับรู้ว่า บุตรสาวยอมตายไม่ยอมแต่งงาน กระหม่อมต้องฝืนให้นางแต่งแล้ว…”
เขาเอ่ยออกมาอย่างน่าเวทนานัก
คนทั้งหลายต่างคิดว่า นี่คือบทพูดที่แสนกินใจของคู่สามีภรรยา จงซานรีบเอ่ยออกมาว่า ตนเองผิดต่อฮูหยินในปรโลก
คิดไม่ถึงว่า เขาพลันเงยหน้าขึ้น
จากนั้นก็ร้องไห้น้ำตาน้ำมูกไหลต่อหน้าพระพักตร์อีก สะอื้นเสียงเจ็บปวด “กระหม่อมกลัวว่า กลางดึกค่ำคืนฮูหยินจะมาเอาชีวิตกระหม่อม ฝ่าบาท ชั่วชีวิตนี้กระหม่อมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น กลัวแต่ผี ขอให้ฝ่าบาททรงเมตตาด้วย”
ฮ่องเต้ “…”
คนทั้งหมด “….”
จงรั่วปิง “…”
ฮ่องเต้กุมขมับ หมดคำพูดมองจงซานสักพักใหญ่ จากนั้นกวาดตามองจงรั่วปิง “เจ้าอยากยกเลิกงานแต่งงานนี้จริงๆ หรือ”
“เพคะ” น้ำเสียงของจงรั่วปิงหนักแน่นมาก
พระสุรเสียงของฮ่องเต้เย็นเยียบลงไม่น้อย “ต่อให้ข้าจะตัดหัวเจ้า”
จงรั่วปิงไม่ลังเล “ทูลฝ่าบาท ใช่เพคะ”
หว่างพระขนงของฮ่องเต้เผยแววโทสะ จงซานเห็นสถานการณ์ไม่ถูกต้อง รีบตะกายไปข้างพระบาท กอดเอาไว้แน่น จากนั้นสะอื้นเสียงดังอีกครั้ง “ฝ่าบาท โปรดเมตตาด้วย ฝ่าบาท…”
ฮ่องเต้ “…”
ครั้นพระองค์ก้มหน้ามองจงซาน ทรงกังวลว่าหากอีกฝ่ายยังร้องไห้ไม่หยุด น้ำมูกน้ำตาพานจะเลอะฉลองพระองค์ไปด้วย
ภายใต้ความจนปัญญา ฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “ช่างเถอะ ทำตามที่พวกเจ้าต้องการ ยกเลิกงานแต่งงานนี้ ถอยออกไปได้แล้ว”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท” จงซานปล่อยพระบาทฮ่องเต้ทันที ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมา เช็ดน้ำมูกน้ำตา เวลานี้คลี่ยิ้มเบิกบาน
“กระหม่อมกับบุตรสาวทูลลา”
จงซานเอ่ยจบก็ส่งสายตาหาจงรั่วปิง สองพ่อลูกจากไป
ยามพวกเขาไปถึงหน้าประตู ฮ่องเต้ได้ยินจงซานฮัมเพลงอย่างมีความสุข พระองค์ทรงกริ้วเสียจนพระพักตร์เปลี่ยนสี
จงรั่วปิงมองบิดาที่เปลี่ยนหน้าได้อย่างรวดเร็วด้วยความเลื่อมใส ประสานหมัดชื่นชม “ท่านพ่อของข้าร้ายกาจนัก”
คิดไม่ถึงว่าร้องไห้แบบนั้นไป ยังปลอดภัยซ้ำยกเลิกงานแต่งได้ สมควรรู้ว่าเรื่องแบบนี้ไม่ว่าเกิดขึ้นกับใครล้วนต้องประหารชีวิตอย่างเดียวเท่านั้น
จงซานผ่อนลมหายใจ มองจงรั่วปิงคำรบหนึ่ง “แค่ภายหน้าชีวิตของบิดาคงไม่ง่ายอีกแล้ว”
ยกเลิกงานแต่งงาน ฮ่องเต้เห็นแก่หน้าจึงไม่ทำอะไรตัวเขา ทว่าภายหน้าเขาคงถูกเมิน
จงรั่วปิงยามนี้สีหน้าเสียใจ
จงซานโบกมือไม่เป็นไร “กลับจวนๆ…”
……
ห้องทรงพระอักษร ฮ่องเต้ทรงถลึงพระเนตรใส่เป่ยเฉินเสียง
หยิบแท่นฝนหมึกบนโต๊ะโยนกระแทกใส่องค์ชายใหญ่อย่างแรง “เจ้าเห็นหรือยัง ตระกูลจงไม่เสียดายชีวิต ไม่เสียดายตำแหน่งฮองเฮา ไม่ยอมแต่งงานกับเจ้า เจ้าดูสิว่าเจ้าทำเรื่องโง่เขลาอะไรลงไป”
เป่ยเฉินเสียงสีหน้าเขียวคล้ำ ไม่พูดจา
……
ชายแดน
หลังจากซือหม่าหรุ่ยถอนเข็มเงินออกจนหมด สีหน้ายังหลงเหลือความหนักใจอยู่บ้าง หันกลับไปมองเยี่ยเม่ย “ถึงพิษในร่างเขาจะถูกสะกดไว้ได้แล้ว แต่ว่าก่อนที่พวกเราจะพบเขา พิษของเขากำเริบหลายชั่วยามแล้ว ดังนั้นจึงไม่อาจฟื้นขึ้นมาทันที หากมีผู้มีกำลังภายในล้ำลึก ช่วยขับพิษ เขาน่าจะฟื้นได้ไวขึ้น”
ผู้มีกำลังภายในล้ำลึกหรือ
เยี่ยเม่ยไม่พูดมากความ มองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนด้านข้างทันที นางผลักเขาออกไปด้านหน้า “ที่นี่มีคนหนึ่ง เป็นเขาได้ไหม”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนตีหน้าขรึมลงทันที ปรายตามองเยี่ยเม่ย “เจ้าจะให้เยี่ยนช่วยศัตรูหัวใจหรือ”