เหลยหมิงได้พามู่เฉียนซีไปยังหน่วยสำนักปรุงยาของสำนักศึกษาอันดับหนึ่งแห่งทวีปเหลยโจว เมื่อผู้อาวุโสโม่เห็นเหลยหมิงพาสาวน้อยคนงามมาด้วยดวงตาของเขาก็เกิดประกายขึ้นมา เขายิ้มตาหยีและกล่าวขึ้น “ในที่สุดเจ้าก็ตาสว่างเสียที ข้านึกว่าเจ้าจะเอาอย่างอาจารย์เจ้าที่ครองความโสดไปตลอดชีวิต!”
สีหน้าของเหลยหมิงเปลี่ยนเป็นหม่นคล้ำโดยพลัน เขากล่าวขึ้นอย่าเคร่งขรึม “ผู้อาวุโสโม่ ผู้นี้คือมู่เฉียนซี ผู้ที่ท่านต้องการจะพบ”
“ผู้ที่ข้าต้องการพบ!” ผู้อาวุโสโม่ตะลึงงัน
“ผู้ที่เอาใบยาใบนั้นให้?” คนที่เขาอยากที่จะพบในช่วงนี้มีแต่เพียงคนผู้นี้ผู้เดียวเท่านั้น
แต่ผู้ที่สามารถออกใบยาเช่นนั้น กลับเป็นสาวน้อยผู้นี้ มันช่างน่าเหลือเชื่อเสียจริง
ผู้อาวุโสโม่กล่าว “สาวน้อย ในใบสั่งยานี้มีสมุนไพรวิญญาณบางอย่างที่แม้แต่ข้าก็ยังไม่เคยพบเห็นมาก่อน เจ้าจงบอกข้าหน่อยว่าพวกมันนั้นมีประโยชน์เช่นไร ?”
เมื่อเห็นว่าเขาใคร่รู้ มู่เฉียนซีก็ได้บอกเล่าสิ่งที่เขาควรรู้ไปจนหมดสิ้น
ผู้อาวุโสโม่กล่าวอย่างประหลาดใจ “สาวน้อย ถ้าหากว่าข้าเดามิผิดละก็นี่เป็นใบสูตรยา ? ไม่ทราบว่ามันเป็นยาที่ยอดเยี่ยมเพียงใด ถึงได้ต้องการใช้สมุนไพรวิญญาณที่หายากและล้ำค่ามากมายถึงเพียงนี้?”
มู่เฉียนซียิ้มและกล่าวตอบ “ท่านผู้อาวุโสโม่ลองเดาดูสิ!”
ผู้อาวุโสโม่กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ถ้าหากว่าข้าสามารถเดาได้ ยังจะต้องมาถามเจ้าอยู่ทำไม ?”
“แต่ว่าข้าก็พอจะรู้บ้างเล็กน้อย ในบรรดาสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้มีทั้งที่เป็นพิษอย่างร้ายแรงที่สุดและมีที่มีประสิทธิภาพอย่างที่สุดด้วยเช่นกัน ข้าว่าคงจะเป็นยาชนิดหนึ่งที่เอาไว้ช่วยผู้อื่นอย่างขั้นสุด เจ้าตอบมาว่าที่ข้าพูดมานั้นถูกหรือไม่ ?”
ไม่เสียทีที่ผู้อาวุโสโม่นั้นเป็นผู้อาวุโสของสำนักอันดับหนึ่งแห่งทวีปเหลยโจว เพียงด้วยเบาะแสที่มีอยู่เหล่านี้เขาก็สามารถคาดเดาออกมาได้ถึงสรรพคุณของยาหยินหยางอนันต์
มู่เฉียนซีพยักหน้ากล่าว “ยานี้ใช้เพื่อช่วยคน ส่วนมันเป็นยาอะไรนั้นข้ายังไม่สะดวกที่จะพูดในตอนนี้”
ผู้อาวุโสโม่กล่าว “เรื่องนี้ข้าเข้าใจ ใครเล่าที่ไม่มีความลับกันบ้าง? แต่ว่านะสาวน้อย ข้านั้นสนใจในตัวเจ้ามากขึ้นไปกว่าเดิมเสียแล้ว”
เหลยหมิงกระแอม “อะแฮ่ม ผู้อาวุโสโม่ ท่านสำรวมหน่อย!”
ผู้อาวุโสโม่กล่าว “สำรวมอะไรกันเล่า! สาวน้อยผู้นี้รู้จักสมุนไพรวิญญาณมากกว่าข้าเสียอีก ข้าอยากที่จะเชิญนางไปเก็บสมุนไพรกับข้าที่ป่าเชียนโยวด้วยกัน ป่าเชียนโยวนั้นเป็นป่าโบราณผืนหนึ่ง บางทีอาจจะมีสมุนไพรวิญญาณโบราณที่หาพบได้ยากอยู่ที่นั่นบ้าง ข้าอาจจะไม่รู้จักแต่ถ้าสาวน้อยผู้นี้รู้จักละก็ บางทีอาจจะได้ผลเก็บเกี่ยวที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็ได้”
มู่เฉียนซียิ้มและกล่าว “ที่จริงแล้วข้าเองก็กำลังมีเจตนาเช่นนั้นเหมือนกัน”
เหลยหมิงกล่าว “ไม่ได้ ไม่ได้อย่างแน่นอน!”
เหลยหมิงนั้นมิได้ลืมสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ของมู่เฉียนซี พวกหุบเขาหมอเทวดาจ้องนางอยู่ตาเป็นมัน นางจะออกไปข้างนอกมั่วซั่วได้อย่างไร
ผู้อาวุโสโม่โกรธเกรี้ยวขึ้นมา “ทำไมจะไม่ได้? สาวน้อยผู้นี้เป็นคู่หมั้นเจ้าหรือเป็นภรรยาเจ้ารึ นางยังไม่ได้แต่งงานกับเจ้าเลย! เจ้านี่ทำตัวเหมือนแม่บ้านจอมจุกจิก สาวน้อยจงทิ้งเขาไปเสียเถอะ ข้าจะแนะนำคนดี ๆ ให้หนึ่งคน หลานชายของข้านั้นไม่เลวเลยนะ…”
เหลยหมิงหัวเราะน้ำตาเล็ดออกมา นี่มันเรื่องอะไรกัน! ผู้อาวุโสโม่อย่าได้สร้างเรื่องไร้สาระเช่นนี้ได้หรือไม่
เหลยหมิงกล่าว “เรื่องนี้ ถึงต่อให้เป็นท่านอาจารย์ของข้า ก็คงจะห้ามปรามเช่นกัน”
มู่เฉียนซีกล่าว “ครั้งนี้ข้าจะไป”
ผู้อาวุโสโม่กล่าว “เจ้าหนูเหลยหมิง นี่เจ้ากำลังดูถูกความสามารถหน่วยสำนักปรุงยาของข้า! พวกเราจะปกป้องสาวน้อยเพียงคนเดียวไม่ได้หรือยังไง ? สาวน้อยผู้นี้เป็นผู้ได้อันดับหนึ่งในการแข่งขันใหญ่ร้อยสำนัก ซึ่งแข็งแกร่งกว่าเจ้าเสียอีก!”
เหลยหมิงร้อนรนใจขึ้นมา เขากล่าว “เรื่องนั้นมันมีความซับซ้อนอยู่บ้าง”
ในที่สุดผู้อาวุโสโม่ก็ได้ถูกอาจารย์ใหญ่เรียกตัวไป แต่ด้วยความสามารถในการแยกแยะและความเข้าใจของมู่เฉียนซีที่มีต่อสมุนไพรวิญญาณ จึงทำให้ผู้อาวุโสโม่ไม่อยากที่จะรามือ
“มันก็แค่หุบเขาหมอเทวดาไม่ใช่หรือไง ? ข้าไม่กลัวพวกมันหรอก แน่จริงก็ให้พวกนั้นส่งยอดฝีมือของหุบเขาหมอเทวดาทั้งหมดมาสิ”
มู่เฉียนซีกล่าว “อาจารย์ใหญ่เหลย อันที่จริงแล้ว! ขอแค่เพียงทำให้ผู้อื่นคิดกันว่าข้าอยู่ในสำนักศึกษา พวกหุบเขาหมอเทวดาเองก็คงนึกไม่ถึงว่าข้านั้นจะตามผู้อาวุโสโม่ไปที่ป่าเชียนโยว”
“ข้าสามารถที่จะแปลงโฉมแล้วปะปนอยู่ในกลุ่มของผู้อาวุโสโม่ พวกหุบเขาหมอเทวดาไม่สามารถที่จะตรวจจับได้แน่”
อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าว “นี่นับเป็นวิธีการที่ดีวิธีหนึ่ง ในเมื่อเจ้าตั้งใจอย่างหนักแน่นว่าจะไปแล้ว เช่นนั้นข้าเองก็หมดหนทาง แต่น่าเสียดายที่เหลยหมิงไม่สามารถติดตามไปปกป้องเจ้าได้แล้ว”
ช่วงนี้เหลยหมิงนั้นตามติดมู่เฉียนซีอยู่ทุกวัน แต่เขานั้นไม่เคยร่วมปฏิบัติงานกับหน่วยสำนักปรุงยามาก่อนเลย และถ้าหากว่าครั้งนี้เขายังตามมู่เฉียนซีไปอีกก็นับว่าการแปลงโฉมของมู่เฉียนซีในครั้งนี้คงได้ถูกเปิดโปงออกเสียแล้ว
อาจารย์ใหญ่โม่กล่าวด้วยความโกรธ “เจ้าเฒ่า ในสายตาเจ้านั้นข้าไม่น่าเชื่อถือหรือไว้ใจได้เท่าเจ้าเด็กน้อยเหลยหมิง?”
“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น”
“เจ้าไม่ได้หมายความเช่นนั้นแล้วหมายความเช่นไร?”
“……”
ถึงอย่างไรเรื่องที่สำคัญมันก็ได้จบลงไปแล้ว ตาเฒ่าสองคนนี้พอใจที่จะทะเลาะกันเช่นไรก็ปล่อยให้เขาทะเลาะกันไป
วันต่อมาทางด้านผู้อาวุสโม่ก็ได้เตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว กลุ่มนี้เป็นเพียงแค่กลุ่มที่มีคนจำนวนสิบกว่าคนเท่านั้น นอกจากอัจฉริยะนักปรุงยาของหน่วยสำนักปรุงยาแล้ว ส่วนที่เหลือล้วนแต่เป็นยอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิ
นี่สมแล้วที่เป็นกระบวนทัพของสำนักนิกายระดับสองชั้นนำ
“ผู้อาวุโสโม่ ทุกคนมากันครบแล้ว พวกเราควรจะออกเดินทางแล้วหรือไม่?”
ผู้อาวุโสโม่กล่าวตอบ “ใครบอกว่ามากันครบแล้ว ยังเหลือเจ้าตัวเล็กอีกคนหนึ่ง!”
อัจฉริยะทั้งสองนั้นก็ตะลึงงัน นอกจากพวกเขาแล้วยังมีผู้ที่เข้าร่วมในขบวนเดินทางเก็บสมุนไพรอีกหรือ ?
ในตอนนี้เองเงาร่างสีม่วงเข้มได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขา คนผู้นี้ดูแล้วเป็นคนรุ่นหนุ่มสาวอายุเพียงแค่สิบหกปีเท่านั้น เขาได้เดินเข้ามาอย่างสงบนิ่งในทิศที่สวนทางกับแสงอาทิตย์ ท่าทางนั้นดูสง่างามและสูงส่ง
แต่เมื่อทุกคนได้เห็นใบหน้าใบนั้นก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย
ด้วยบุคลิกเช่นนี้ แต่รูปลักษณ์ของเขานั้นดูไม่เข้ากัน เพราะมันดูธรรมดามากเสียจนเกินควรไปจริงๆ
ผู้อาวุโสโม่มองแค่เพียงแวบเดียวก็รู้ว่านั่นคือมู่เฉียนซีที่แปลงโฉมมา ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์จะไม่เหมาะกับเพศของนาง แต่เมื่อมองดูอย่างละเอียดกลับพบว่ามันให้ความรู้สึกไม่แตกต่างกันมากนัก
ผู้อาวุโสโม่ได้เข้าไปกล่าวต้อนรับอย่างตื่นเต้น “สาว…”
มู่เฉียนซีกล่าว “ผู้อาวุโสโม่เรียกข้าว่าเฉียนซีก็ได้”
ผู้อาวุโสโม่ตะลึงงัน โชคดีที่ไม่ได้กล่าวคำว่าสาวน้อยออกมา มิเช่นนั้นก็จะกลายเป็นการเผยไต๋ออกมาในทันที
สตรีชุดขาวอายุยี่สิบปีผู้หนึ่งในกลุ่มคนพวกนั้นได้กล่าวขึ้น “เฉียนซี ชื่อนี้คล้ายกลับชื่อของผู้ที่ข้าชื่นชอบและเห็นเป็นแบบอย่างอย่างมาก!”
“แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่ เพราะเทพธิดาของข้าจะมาที่สำนักศึกษาของพวกเราได้อย่างไรกัน?”
ส่วนชายอีกคนเมื่อได้ยินชื่อนี้แล้วดวงตาก็ส่องประกายออกมา
อาจารย์ผู้หนึ่งได้กล่าวขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าสองคนนี้ หลังจากได้ไปเข้าร่วมการคัดเลือกของหอโอสถที่หุบเขาโอสถมา ก็ไม่เห็นอาจารย์อย่างพวกเราอยู่ในสายตาแล้ว และยังนับถือสาวน้อยผู้นั้นอย่างคลั่งไคล้”
“เดี๋ยวนะ…” ผู้อาวุโสโม่กล่าว
“ข้าจำได้ว่า…ข้าจำได้ว่าอัจฉริยะที่ได้อันดับหนึ่งในการคัดเลือกของหอโอสถในครั้งนั้นชื่อว่า มู่…มู่…”
ไป๋อวี้ฉิงกล่าว “มู่เฉียนซี ผู้อาวุโสโม่ ความจำของท่านนั้นไม่ค่อยดีแล้ว แม้แต่ชื่อของเทพธิดาของข้าก็ยังลืมได้”
อันซวนกล่าว “มู่เฉียนซีอายุแค่เพียงสิบหกปีเท่านั้น แต่กลับได้อันดับหนึ่งในการคัดเลือกของหอโอสถ จะต้องเป็นดวงดาราในวงการโอสถที่เจิดจ้าของทั้งแดนใต้เป็นแน่ และพวกเราก็ทำได้แต่เฝ้ามองขึ้นไป”
การคัดเลือกของหอโอสถ แน่นอนว่าพวกเขาที่เป็นอัจฉริยะของหน่วยสำนักปรุงยาแห่งสำนักอันดับหนึ่งในทวีปเหลยโจวนั้นก็ได้ไปเข้าร่วมการคัดเลือกด้วย
เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะสามารถไปสำแดงฝีมือได้ ถึงต่อให้มิได้เข้าไปอยู่อันดับหนึ่งในสามแต่ก็ต้องสามารถเข้าไปอยู่ในอันดับหนึ่งในสิบได้! แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าความสามารถเพียงน้อยนิดของพวกเขานั้นจะเป็นได้เพียงไม้ประดับของผู้อื่น
แต่ทว่าพวกเขาก็มิได้ผิดหวัง เพราะพวกเขาได้เห็นสาวน้อยที่เจิดจ้าผู้นั้นได้สร้างปาฏิหาริย์เช่นนั้นขึ้นมา เช่นนี้แล้วมันจึงมิได้เป็นการไปเข้าร่วมที่เสียเปล่าอย่างแน่นอน
“มู่เฉียนซี อายุสิบหกปี…” ผู้อาวุโสโม่กล่าวทวนด้วยเสียงต่ำ
“โอ้ สวรรค์!” เขามองไปยังมู่เฉียนซีราวกับว่านางเป็นตัวประหลาด