เขาไม่ได้ลืมว่าคนรุ่นหนุ่มสาวที่อยู่ตรงหน้านี้คือสาวน้อยผู้หนึ่ง

และเขาก็ไม่ได้ลืมว่าชื่อของนางคือมู่เฉียนซี และดูเหมือนว่านางจะอายุเพียงสิบหกปีเท่านั้น

เพราะทั้งสองอย่างนี้รวมกันก็ยังไม่ได้แน่ชัดมากนัก ดังนั้นตอนนี้จึงยังไม่มีใครมีปฏิกิริยาอะไร อันดับหนึ่งในการคัดเลือกของหอโอสถและอันดับหนึ่งของการแข่งขันใหญ่ร้อยสํานักเป็นบุคคลคนเดียวกัน

เมื่อคิดดูดีๆ อายุที่พอๆกัน ความวิปริตที่เหมือนกันจะต้องสัมพันธ์กันอย่างแน่นอน

เพียงแต่พวกเขานึกไม่ถึงว่าคนๆหนึ่งจะวิปริตได้ถึงขั้นนี้

แต่เมื่อผู้อาวุโสโม่เห็นท่าทางของมู่เฉียนซีก็พอจะเดาเรื่องนี้ได้แปดถึงเก้าส่วนเลยทีเดียว

ผู้อาวุโสโม่รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก “บ้าเอ๊ย! ถ้าข้ารู้เร็วกว่านี้ข้าก็คงไปที่หุบเขาโอสถแล้ว ข้าพลาดการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมไปโดยเปล่าประโยชน์”

ไป๋อวี้ฉิงเบ้ปากและกล่าวว่า “ใครใช้ให้ตอนนั้นท่านขี้เกียจกันเล่า? สมควรแล้ว!”

เจ้าสาวน้อยผู้นี้ไม่รู้จักเคารพผู้ใหญ่เอาเสียเลย ผู้อาวุโสโม่เตรียมปล่อยข่าวออกไปข่มขู่พวกเขา

“สาวน้อยฉิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ที่ได้อันดับหนึ่งของการแข่งขันใหญ่ร้อยสํานักในครั้งนี้มีชื่อว่าอะไร?”

ไป๋อวี้ฉิงกล่าว “เรื่องการแข่งขันใหญ่ร้อยสํานักมันเป็นเรื่องของสำนักหลัก น่าเสียดายที่ครั้งนี้รุ่นพี่เหลยหมิงไม่ได้ที่หนึ่งและเกือบจะพิการไป ข้าได้ยินมาว่าอันดับหนึ่งเป็นเด็กผู้หญิง…”

ผู้อาวุโสโม่ตอบ “อืม! อันดับที่หนึ่งไม่ใช่เพียงแค่เป็นเด็กผู้หญิงเท่านั้น นางยังมีชื่อว่ามู่ฉียนซี อายุเพิ่งจะสิบหกปีเท่านั้น! งดงามอย่างเกินบรรยาย และยัง…”

ไป๋อวี้ฉิงกล่าว “สวรรค์! ต้องเป็นเทพธิดาของข้าอย่างแน่นอน!”

แม้ว่าอันซวนจะไม่ได้ดีใจจนออกนอกหน้าเหมือนกับไป๋อวี้ฉิง แต่เขาก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก “ต้องเป็นนางแน่ แต่…”

การปรุงยานั้นก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว และแม้แต่พลังความแข็งแกร่งก็ยังเทียบได้กับศิษย์น้องเหลยหมิงอีก จะเก่งกาจเกินไปแล้วกระมัง!

ไป๋อวี้ฉิงรู้สึกหงุดหงิดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ “บ้าเอ๊ย! ถ้ารู้ว่าเทพธิดาของข้าไปเข้าร่วมการแข่งขันร้อยสํานัก แม้ว่าข้าจะรําคาญกับการต่อสู้ทุกประเภทแต่ข้าก็จะดูการแข่งขันทั้งหมด ”

ผู้อาวุโสโม่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แต่การสู้กับข้ายังห่างชั้นกันมากนัก!

อันซวนกล่าว “ได้ยินมาว่านางยังอยู่ในสำนักศึกษาของเรา”

ไป๋อวี้ฉิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ “อยู่ในสำนักศึกษาของเรารึ ข้าจะไปเยี่ยมคารวะท่านเทพธิดา”

“ฮึ่มฮึ่ม! เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าไปป่าเชียนโยวก็จะสามารถพบเจอและคารวะได้” คนอยู่ตรงหน้าแต่พวกเขากลับจำไม่ได้ ผู้อาวุโสก็ไม่ยอมพูดออกมา ทำให้ไป๋อวี้ฉิงร้อนใจแทบตาย

นี่เป็นเพราะนางใช้เวลากับอาจารย์มาเป็นเวลานานอาจารย์ถึงได้ยอมพานางไปด้วย นางจึงไม่อาจละทิ้งไปเช่นนี้ได้ แต่เมื่อคิดถึงเทพธิดาที่นางเลื่อมใส ไป๋อวี้ฉิงก็สับสน

“บางทีเจ้ากลับมา นางอาจจะยังอยู่ที่เหลยโจวก็ได้ การออกไปฝึกฝนสําคัญกว่าการได้พบบุคคลที่ชื่นชอบอย่างมาก” มู่เฉียนซีกล่าว

ไป๋อวี้ฉิงแค่นเสียงเย็นชา “นั่นเป็นเพราะเจ้าไม่รู้หรอกว่าท่านเทพธิดาของข้าแข็งแกร่งขนาดไหน ”

“แต่ที่เจ้าพูดมาก็ถูก โอกาสฝึกฝนเช่นนี้หาได้ยากในรอบสิบปี ข้าไม่อาจละทิ้งได้ คงต้องขอโทษท่านเทพธิดาของข้าไปก่อน”

พวกเขาขี่แร้งสายฟ้าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่เร็วที่สุดจากสำนักศึกษาอันดับหนึ่งแห่งทวีปเหลยโจวไปยังเทือกเขาเชียนโยว เมื่อมู่เฉียนซีมาถึง มู่เฉียนซีก็เห็นชั้นที่เขียวชอุ่มซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ

พวกเขาลงจอดรอบนอกของป่าเชียนโยว ต่อไปพวกเขาไม่สามารถบินเข้าไปได้แต่พวกเขาต้องเดินด้วยตัวเองแล้ว

ผู้อาวุโสโม่กล่าว “แม้ว่าสมุนไพรวิญญาณของป่าเชียนโยวจะมีมากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน พวกเจ้าทั้งสองต้องระวังให้มาก และจงตามพวกข้ามาอย่างใกล้ชิด”

ไป๋อวี้ฉิงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย “ทําไมถึงเป็นพวกเราสองคน ศิษย์น้องชายผู้นี้ยังเด็กกว่าพวกเราเสียอีก?”

“จริงสิ ศิษย์น้องชาย ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเจ้าเท่าใด? ถ้าอ่อนแอกว่ารุ่นพี่ ถึงเวลารุ่นพี่อย่างเราจะปกป้องเจ้าเอง!”

มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่ได้สูงมากนัก ระดับจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่สอง!”

“ระดับจักรพรรดิขั้นที่สอง ไม่ใช่ว่าเท่ากันกับเทพธิดาของข้าหรอกหรือ? แต่เทพธิดาของข้าสามารถต่อสู้ข้ามระดับได้ เจ้าต้องสู้เทพธิดาของข้าไม่ได้อย่างแน่นอน! แต่ข้าผู้เป็นยอดฝีมือระดับเจ็ด เมื่อเข้าไปในป่าเชียนโยวข้าจะปกป้องเจ้าเอง”

ผู้อาวุโสโม่กําลังดูละครสนุกๆอยู่ด้านข้าง ก็ไม่รู้ว่าสาวน้อยผู้นี้จะแสดงอาการเยี่ยงไรเมื่อรู้ว่าคนที่นางกําลังจะปกป้องคือเทพธิดาของนาง

แม้ว่าป่าเชียนโยวจะอันตราย แต่ด้วยการปกป้องจากยอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิ ตลอดการเดินทางนี้นอกจากความวุ่นวายเล็กๆน้อยๆแล้ว มันราบรื่นอย่างมาก

อันซวนเป็นคนเงียบๆ เขาสังเกตเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเขาผู้นี้อยู่ตลอดทางและพบว่าเขานั้นธรรมดามาก

เมื่อพบเจอกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดอย่างกะทันหัน ไป๋อวี้ฉิงก็เริ่มตื่นตระหนก แม้บางครั้งเขาก็ยากที่จะรับมือได้

แต่เมื่อเขาจัดการขึ้นมา มันก็เหมือนกับการทานอาหารที่เป็นกิจวัตรประจําวันของเขา รับมือได้อย่างสุขุมเยือกเย็น

ระหว่างทางนางพบเจอสมุนไพรวิญญาณบางส่วน แต่ผู้อาวุโสโม่และอาจารย์คนอื่นๆกลับไม่พบเลย สมุนไพรวิญญาณบางชนิดพวกเขาเองก็ไม่รู้จักด้วยซ้ำ

ไป๋อวี้ฉิงเคยศึกษามันมาแล้วหลายครั้ง นางพึมพําว่าดวงตาของมู่เฉียนซีเป็นเยี่ยงไร? ทําไมถึงหาสมุนไพรวิญญาณได้ร้ายกาจนัก?

ไม่ใช่ว่าดวงตาของมู่เฉียนซีนั้นพิเศษอะไร แต่เป็นเพราะความคุ้นเคยของนาง ผู้อาวุโสโม่เองก็รู้เรื่องนี้ดี

แต่เด็กสาวอายุสิบหกปีผู้นี้! สายตาดีกว่าพวกเขาเสียอีก ช่างแปลกประหลาดจริงๆ

หลังจากมืดแล้วก็เลือกสถานที่ที่ปลอดภัยในการตั้งแคมป์ และก็จัดการอาหารเย็น ผู้อาวุโสโม่และคนอื่นๆชำนาญการแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงคุ้นเคยกับเนื้อย่างที่ทำได้อย่างคล่องแคล่วโดยธรรมชาติ

แต่มันไม่หอมเลยและกินแทบไม่ได้ แต่ของมู่เฉียนซีนั้นกลับไม่เหมือนกัน กลิ่นหอมที่หอมกรุ่นไปถึงสิบลี้ทําให้ผู้คนน้ำลายสอ

ไป๋อวี้ฉิงกล่าว “เฉียนซี ข้าคิดว่าเจ้าไม่ควรเป็นนักปรุงยา เจ้าควรเป็นพ่อครัวเสียมากกว่า! นี่มันหอมมากๆเลย”

พวกเขามองไปที่มู่เฉียนซีด้วยดวงตาที่เป็นประกาย เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้สึกว่าอาหารที่พวกเขาย่างนั้นกินไม่ได้

มู่เฉียนซีโยนส่วนผสมไปหลายขวดและกล่าวว่า “ทําเอง แม้ว่าพวกเจ้าจะอยากกินแต่ข้าทำคนเดียวก็ไม่ไหว”

ด้วยส่วนผสมของมู่เฉียนซี เห็นได้ชัดว่าเนื้อย่างมีกลิ่นหอมขึ้นมาก แต่รสชาติก็ยังห่างชั้นกับมู่เฉียนซีมากอยู่ดี

แต่ทันทีที่พวกเขากําลังจะกินอาหารมื้อใหญ่ เสียงอึกทึกก็ดังขึ้นจากด้านหน้า อีกทั้งยังดังมาทางที่พวกเขาอยู่

“มีสัตว์วิญญาณจํานวนมากกําลังมา พวกเจ้าสามคนคุ้มกันพวกเขาทั้งสามถอยออกไป คนอื่นๆตามข้ามา” ผู้อาวุโสโม่รีบออกคําสั่ง

“ขอรับ!”

ไม่ใช่แค่กลุ่มสัตว์วิญญาณแต่ยังมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์กลุ่มใหญ่อีกกลุ่มหนึ่งที่กำลังไล่ตามกลุ่มคนที่วิ่งหนี

ในกลุ่มคนกลุ่มนั้นมียอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิและหญิงสาวในชุดสีเขียว

เมื่อพวกเขาเห็นว่ามีคน พวกเขาก็รีบตะโกนว่า “ท่านผู้อาวุโสโปรดช่วยพวกเราด้วย กองกำลังผู้นําเจ็ดอสูรของเราจะต้องขอบคุณท่านอย่างแน่นอน”

อีกฝ่ายก่อเรื่องร้ายนี้ขึ้นมา ต่อให้พวกเขาไม่อยากลงมือ แต่ก็ต้องลงมือแล้ว

“ตูม!” โชคดีที่ความแข็งแกร่งของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์จํานวนมากเหล่านี้ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก ด้วยความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสโม่และคนอื่นๆ พวกเขาจึงโจมตีขับไล่พวกมันออกไป!

ในที่สุดกองทัพสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ก็จากไป ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินมายังเบื้องหน้าและกล่าวว่า “ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสทุกท่านเป็นกองกําลังใด? ”

มียอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิมากมายเช่นนี้ อย่างน้อยก็คงเป็นขุมกําลังระดับสอง

ผู้อาวุโสโม่กล่าว “ข้าเป็นผู้อาวุโสใหญ่ของสํานักปรุงยาอันดับหนึ่งแห่งทวีปเหลยโจว” “ที่แท้ก็เป็นเพื่อนของสำนักศึกษาอันดับหนึ่งนี่เอง วันนี้ขอบคุณมากจริงๆ วันนี้พวกเราถูกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์โจมตี และยังมีผู้บาดเจ็บในทีมด้วย พวกเราขออยู่ที่นี่สักคืนได้หรือไม่ คุณหนูใหญ่ของเราก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน พวกท่านก็ล้วนเป็นนักปรุงยาช่วยดูอาการให้คุณหนูใหญ่ของเราหน่อยได้หรือไม่?”

ลากพวกเขามาพัวพันเช่นนี้แล้วทําให้พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลงมือ ตอนนี้พวกเขายังต้องอยู่กับพวกหน้าด้าน ทั้งยังต้องรักษาพวกเขาอีก ไป๋อวี้ฉิงโกรธจัด นางพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “พวกเจ้าดึงดูดสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มารบกวนการกินเนื้อย่างของพวกเรานั้นยังมิเท่าไร แต่กลับยังจะใช้ค่ายของพวกเรา ทั้งยังต้องการให้พวกเรารักษาพวกเจ้าอีก พวกเจ้านี่มันเป็นคนประเภทไหนกัน? ”