ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ Facebook Fanpage กดเลย
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
••••••••••••••••••••
**บทที่****288:**ต่อสู้กับผู้ฝึกตนระดับหยวนหยิน
จากที่เหล่าอสูรกายกำลังเสียเปรียบ ในตอนนี้มนุษย์กำลังถูกทุบตีอย่างโง่เขลา พวกเขาได้พบเจอกับการต่อสู้ที่โหดร้ายทุกย่างก้าว อีกทั้งยังได้พบเจอกับการซุ่มโจมตีตลอดเวลา เมื่อต้องพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ ผู้ฝึกตนมนุษย์ทำได้เพียงป้องกันตัวเท่านั้น การค้นหาซ่งจงภายในเรือมังกรทองคำตอนนี้ความเร็วของพวกเขาเทียบเท่ากับเต่าชราพันปี ซ่งจงเปรียบเสมือนเข็มในกองหญ้าที่หนาเตอะ ทุกอย่างไปได้อย่างยากลำบาก
ขณะที่ผู้ฝึกตนภายในเรือมังกรทองคำกำลังเผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่ดุเดือด เหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่ด้านนอกก็ไม่ได้มีสถานะแตกต่างมากนัก อินทรีย์สายฟ้ากว่าสองหมื่นตัวกำลังล้อมรอบเรือยักษ์สองลำพร้อมทั้งใช้สายฟ้าถล่มลงมาราวกับพายุคลั่ง แสงศักดิ์สิทธิ์ที่ป้องกันเรือเหล่านั้นกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรงจากการโจมตีที่โหดเหี้ยม ในตอนนี้พวกเขายังคงป้องกันการโจมตีเหล่านี้ได้ แต่ทั้งหมดแล้วต้องแลกกับหินจิตวิญญาณจำนวนมหาศาลที่ยังคงต้องใช้มากขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอนว่าการทำงานของเรือยักษ์เหล่านี้ล้วนแต่ถูกขับเคลื่อนด้วยหินจิตวิญญาณ เพียงแค่พวกมันไม่ได้ต้องการหินจิตวิญญาณมากมายเท่าเรือมังกรทองคำ พวกเขาใช้เพียงหินจิตวิญญาณระดับกลางเท่านั้น อย่างไรก็ตามหินจิตวิญญาณนั้นก็เป็นสิ่งที่หายากภายในโลกของผู้ฝึกตน แม้แต่ในสำนักขนาดใหญ่ก็ไม่ได้มีจำนวนมากนัก การที่ต้องจ่ายหินจิตวิญญาณจำนวนมากเช่นนี้แน่นอนว่าพวกเขาไม่อาจทนได้นาน
นอกจากอินทรีย์สายฟ้าที่โจมตีจากระยะไกล นกนางแอ่นที่อยู่ข้างเคียงนั้นก็ทำเช่นเดียวกัน หยาดฝนสีทองสาดเทไปที่เรือของศัตรูอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่ามันจะไม่รุนแรงเท่าสายฟ้า แต่มันมีลักษณะพิเศษที่สามารถกัดกร่อนลำแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องเรือได้ เมื่อมันกระทบกับลำแสงศักดิ์สิทธิ์มันจะคายกรดออกมาปกคลุมเรือไว้ทำให้เรือลำนั้นถูกเคลือบไปด้วยเมือกสีเขียวซึ่งดูน่าขยะแขยง
ส่วนของนกทองคำพวกมันนั้นปลดปล่อยการโจมตีจากปีกสีทอง พลังของพวกมันนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก เมื่อมันสะบัดปีกหนึ่งครั้งสามารถทำลายก้อนหินขนาดยักษ์ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นพวกมันจึงสามารถทำลายลำแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ป้องกันเรือไว้ได้มากกว่าสายฟ้าหรือว่าฝนกรด
ในตอนนี้ผู้ฝึกตนมนุษย์ได้จ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อคงการป้องกันของเรือไว้ หลังจากที่พวกเขารวมตัวกันแล้ว ความสามารถในการต่อสู้นั้นเพิ่มขึ้นอย่างมากจนไม่อาจมองข้ามได้
ทั้งหมดรวมตัวกันเป็นวงกลมพร้อมทั้งผลัดเปลี่ยนตำแหน่งอย่างคล่องแคล่ว สลับสับเปลี่ยนให้เรือที่ถูกโจมตีอย่างหนักไปพักผ่อน ในตอนนี้ทุกคนได้ใช้พลังทั้งหมดที่มีของตนเองออกมาเพื่อเอาชีวิตรอด
การโต้กลับที่น่ากลัวเช่นนี้ทำให้เหล่าอสูรกายตายตกไปจำนวนมาก นกนางแอ่นล่วงหล่นสู่ทะเลราวกับสายฝน แม้ว่าเนื้อหนังของพวกมันจะมีความหนา แต่ก็ไม่อาจอดทนต่อการโจมตีที่โหดร้ายเช่นนี้ได้ ซากนกจำนวนมากล่วงหล่นจากท้องฟ้ามากมาย ในตอนนี้มีเพียงอินทรีย์สายฟ้าเท่านั้นที่สามารถโจมตีได้จากระยะไกล เช่นนี้พวกมันจึงรักษาตัวเลขของตนเองไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ในตอนนี้เหล่าอสูรกายได้เผชิญหน้ากับการโจมตีอันน่ากลัวของเหล่ามนุษย์ พวกมันจึงเปิดเผยสัญชาตญาณในการสังหารแห่งนักฆ่าออกมา ทั้งหมดต่อสู้อย่างไม่กลัวความตาย เหล่านกหัวโตเข้าร่วมการโจมตีทันทีเมื่อปล่อยให้อสูรกายทางบกลงบนเรือได้ พวกมันไม่ได้มีพลังมากนัก แต่ทว่าทรงเล็บที่แข็งแกร่งสามารถขูดลำแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ป้องกันเรือได้อย่างน่ากลัว ในตอนนี้เรือยักษ์กำลังเผชิญหน้ากับเหล่าอสูรกายที่ดุร้ายและไม่ห่วงชีวิตของตนเอง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนมนุษย์กลัวที่สุด สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือเหล่าอสูรกายเหล่านี้ถูกควบคุมด้วยผู้บังคับบัญชาที่มีความเชี่ยวชาญ หลังจากการโจมตีเพียงไม่กี่ครั้ง พวกมันจับกุมเรือยักษ์ที่มีความเร็วมากที่สุดเอาไว้ได้ จากนั้นพวกมันจะในจำนวนหนึ่งในสามแยกตัวออกไปเพื่อโจมตีไปที่เรือที่อ่อนแอที่สุด
สุดท้ายแล้วเรือที่อ่อนแอไม่อาจจ่ายราคาเหล่านี้ได้อีกต่อไป ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ป้องกันอยู่ได้แตกออกอย่างง่ายดาย!
เหล่าอสูรกายนั้นได้เปรียบเรื่องจำนวนที่มากกว่า เมื่อพวกมันเห็นภาพเช่นนี้ทั้งหมดปล่อยเสียงคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่งพร้อมทั้งพุ่งเข้าไปในเรือราวกับผึ้งรังแตก ผู้ฝึกตนที่อยู่บนเรือลำนั้นได้แต่ใช้ทุกสิ่งอย่างที่พวกเขามีเพื่อป้องกัน แต่พวกเขาจะป้องกันตนเองได้อย่างไร ด้วยความแข็งแกร่งอันน้อยนิดที่มีจะสามารถต่อสู้กับเหล่าอสูรกายนับหมื่นตัวงั้นหรือ? ทั้งหมดได้แต่เปล่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด พวกเขากลายเป็นอาหารเย็นของอสูรกายเหล่านี้อย่างรวดเร็ว มีเพียงเหล่าผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินเท่านั้นที่สามารถหลบหนีไปพร้อมกับสาวกคนโปรดของตนได้ พร้อมทั้งหาที่หลบภัยในเรือที่อยู่บริเวณใกล้เคียงทันที แน่นอนว่าผู้ฝึกตนคนอื่นที่อยู่ภายในเรือลำนั้นไม่มีผู้ใดสามารถหลบหนีความตายที่เหล่าอสูรกายมอบให้ได้!
นอกจากนี้เรือบินถูกเหล่าอสูรกายครอบครองโดยสมบูรณ์ แต่พวกมันก็ไม่อาจใช้งานมันได้เนื่องจากหินจิตวิญญาณได้ถูกใช้ไปแล้วจนหมดสิ้น เช่นนี้ทำให้เรือค่อยๆลงสู่พื้นผิวน้ำอย่างช้าๆ พร้อมทั้งกลายเป็นสมบัติภายในสงครามสำหรับเหล่าอสูรกายทันที
เมื่อได้เห็นฉากที่น่ากลัวเหล่านี้ด้วยตนเอง ผู้ฝึกตนที่มองภาพนี้ได้แต่สูดเอาอากาศเย็นเข้าปอดอย่างช้าๆ ถ้าหากพวกเขาไม่มีโอกาสที่จะหนีออกมา ก็คงจะตกอยู่ในสภาพเช่นนั้นเหมือนกัน
อย่างไรก็ตามในขณะผู้ฝึกตนกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ร้ายแรง ฮัวชิงหยุนก้าวออกมาพร้มกับชี้นิ้วไปข้างหน้า “นั่นราชันเหยี่ยวฟ้าเหลยซานเอ๋อ! นางเป็นผู้บังคับบัญชาของเหล่าอสูรกายพวกนี้ ตราบใดที่เราสังหารนางได้ นกเหล่านี้ก็เป็นเพียงไก่เท่านั้น! นอกจากนี้เราจะสามารถหายใจได้อย่างสะดวกอีกด้วย! เอาล่ะ ทำให้อสูรกายบ้าเหล่านี้ได้เห็นพลังของเหล่ามนุษย์กันเถิด!” เมื่อนางกล่าวเช่นนั้น ฮัวชิงหยุนเดินออกมาจากวงล้อมด้วยตนเองทันที
“ตามมาเถิดสหายถ้าหากพวกเจ้ายังเป็นมนุษย์ ตามข้าออกมาเพื่อไปสังหารนาง!” นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวออกมาพร้อมกับคำรามและเดินตามฮัวชิงหยุนทันที
เมื่อพี่สาวและน้องชายได้กลายเป็นผู้นำรบในครั้งนี้ ทั้งสองนั้นมีสถานะที่สำคัญอย่างยิ่ง ผู้ฝึกตนหยวนหยินอีกเจ็ดถึงแปดคนเห็นเช่นนั้นพวกเขาไม่รอช้า บินออกไปพร้อมกันทันที ทั้งหมดพุ่งเข้าไปหาเหลยซานเอ๋อราวกับหัวลูกศรที่แหลมคม
เหล่าอสูรกายมากมายพยายามอย่างหนักเพื่อกีดขวางเหล่าผู้ฝึกตนหยวนหยินเหล่านี้ แต่ก็ไม่อาจทำได้เพียงเพราะพวกเขานั้นอ่อนแอกว่ามาก มีเพียงซากศพจำนวนมากถูกทิ้งไว้เบื้องหลังอย่างน่าสมเพชเท่านั้น
ผู้ฝึกตนหยวนหยินก้าวผ่านการป้องกันเหล่านั้นมาได้อย่างรวดรเวและอยู่ห่างจากเหลยซานเอ๋อเพียงหมื่นฟุตเท่านั้น ทั้งหมดสะบัดข้อมือของตนเองเพื่อส่งปราณดาบออกไปราวกับมังกรกำลังพุ่งไปหาเหลยซานเอ๋ออย่างน่าเกรงขาม ในเวลานี้ทำให้เหลยซานเอ๋อรู้สึกหวาดกลัวอย่างช่วยไม่ได้ นางเป็นเพียงอสูรกายขั้นห้าซึ่งเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับจินตันเท่านั้น การต่อสู้กับผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินนั้นเป็นช่องว่างที่มากเกินไปสำหรับนาง เพียงแค่การโจมตีเดียวนางก็ไม่อาจรับมือได้ไหวแล้ว แต่ในตอนนี้มีปราณดาบพุ่งมาหานางเก้าอัน เด็กสาวอายุสิบสามปีได้แต่หลับตาเพื่อรอความตายที่กำลังจะมาเยือน แม้แต่ในเวลาแห่งความตายเช่นนี้ นางก็ไม่ลืมที่จะกล่าวขอโทษซ่งจง “พี่ชายน้อย ข้าขอโทษที่ข้าไม่อาจช่วยท่านไว้ได้!”
เมื่อเห็นเหลยซานเอ๋อแสดงออกเช่นนั้น เหล่าผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินได้แต่เย้ยหยันด้วยความสะใจ พวกเขาต่างรู้ว่าเด็กสาวผู้นี้จะต้องตายตกไปอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่รอยยิ้มของพวกเขากำลังจะจางหายไป ได้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นอย่างรวดเร็ว ระฆังทองแดงยักษ์ได้ปรากฏตรงหน้าเหลยซานเอ๋ออย่างรวดเร็วและมันป้องกันการโจมตีของเหล่าผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินไว้ได้อย่างน่ามหัศจรรย์ หลังจากที่ปราณดาบทั้งหมดได้ทุบตีลงบนระฆังทองแดง พวกมันทั้งหมดมลายหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่ ฮัวชิงหยุนที่เห็นระฆังทองแดงรีบตะโกนออกมาทันทีด้วยดวงตาที่เป็นประกาย “ซ่งจง ซ่งจงออกมาแล้ว!” ในขณะที่นางกล่าวเช่นนั้น นางหันไปรอบๆและพบว่าซ่งจงกำลังพุ่งมาหานาง
ในเวลานั้นซ่งจงสวมชุดคลุมสีเขียวและมีกระดองเต่าที่หลัง ดวงตาของเขาใหญ่โตและร่างกายที่กำยำ ใบหน้าของเขาถูกเปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์ เขากลายเป็นผู้ฝึกตนที่มีลักษณะที่น่าเกรงขามและดูลึกลับเกินกว่าจะเข้าใจได้
ซ่งจงนั้นเฝ้ามองเหตุการณ์ตลอดมาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ที่เหลยซานเอ๋อถูกล้อมรอบด้วยผู้ฝึกตนระดับหยวนหยิน เขาไม่สามารถนั่งเฉยได้อีกต่อไปและพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว ต้องขอบคุณที่เหล่าอสูรกายกีดขวางการโจมตีของปราณดาบไว้ได้ส่วนหนึ่งจึงทำให้ความเร็วของมันลดลง เช่นนี้ซ่งจงจึงสามารถช่วยเหลยซานเอ๋อไว้ได้อย่างทันท่วงที อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะช่วยเหลือนางได้สำเร็จ เหลยซานเอ๋อยังไม่คลายความกลัว ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาและร่างกายสั่นเทาจากความกลัว “เหล่าอาวุโสรังแกเด็กน้อยงั้นหรือ ข้าละอายใจแทนพวกท่านทุกคนจริงๆ!” ซ่งจงเย้ยหยันออกมาอย่างรังเกียจ จากนั้นเขาชี้ออกไปพร้อมกล่าวออกมาอย่างเย่อหยิ่ง “เข้ามาหาข้าสิถ้าหากพวกเจ้ากล้าหาญ! เข้ามาพร้อมกันเลย!”
ความเย่อหยิ่งเช่นนี้คืออะไร? ความกล้าหาญคืออะไร? ทุกคนเข้าใจทั้งหมดเมื่อได้เห็นซ่งจงในตอนนี้ ผู้ฝึกตนจินตันเพียงคนเดียวได้ปิดกั้นการโจมตีของผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินทั้งเก้าเพียงเพื่อช่วยเหลือสาวน้อยเพียงคนเดียว! เมื่อเหลยซานเอ๋อเห็นภาพนี้ นางเริ่มร้องไห้ออกมา สำหรับผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินทั้งหมดนั้นใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความอับอาย ทั้งหมดล้วนแต่เป็นอาวุโสที่มีชื่อเสียง ถ้าหากสถานการณ์ไม่ยืดเยื้อเช่นนี้ แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางที่จะต่อสู้กับมือใหม่ แม้ว่านางจะเป็นราชินีแห่งอินทรีย์สายฟ้าที่สังหารผู้ฝึกตนตายตกไปจนนับไม่ถ้วน แต่ผู้ฝึกตนเพียงคนเดียวก็เพียงพอที่จะต่อสู้กับนางและไม่จำเป็นเลยที่พวกเขาจะต้องแห่กันมาทั้งหมดเพื่อสังหารนางเพียงคนเดียว! ซึ่งหากเป็นสถานการณ์อื่นการที่มีคนมาเปิดเผยความไร้ยางอายของพวกเขาทั้งหมดแล้ว ทั้งหมดจะไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากถอยหนีออกมาจากความอับอาย แต่กลับกันในเวลานี้เป้าหมายของพวกเขาคือซ่งจงแม้ว่าจะต้องอับอายมากเพียงใด ทั้งหมดจะไม่ยอมถอยจนกว่าจะสังหารเขาได้โดยเฉพาะนักบวชฮัวอวิ๋นและฮัวชิงหยุน ทั้งสองร่าเริงอย่างมากเมื่อเห็นซ่งจงและเลิกสนใจเหลยซานเอ๋อทันที พวกเขาคิดจะเรียกเก็บหนี้แค้นกับซ่งจงเท่านั้นในตอนนี้
การทำงานร่วมกันของพี่น้องคู่นี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างมาก อีกคนส่งปราณดาบออกไปจากดาบมังกรอัคคีศักดิ์สิทธิ์ อีกคนส่งปราณดาบจากดาบวารีใบไม้ผลิ ทั้งสองผสานเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งอย่างไร้ที่ติ พลังของมันสามารถทำลายภูเขาได้ซึ่งนับได้ว่าน่าเกรงขามอย่างมาก!! เมื่อผู้นำจากสองสำนักใหญ่ได้ร่วมมือกัน แน่นอนว่าพลังของมันย่อมไม่ธรรมดา ไม่ต้องกล่าวถึงผู้ฝึกตนระดับจินตันดังเช่นซ่งจง แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินขั้นต้นยังยากที่จะรับมือได้ไหว อย่างไรก็ตามใบหน้าของซ่งจงยังคงเรียบเฉยและดูไม่แยแสต่อการโจมตีเช่นนี้ เขายกมือขึ้นอย่างสบายๆ จากนั้นปรากฏระฆังทองแดงขึ้นตรงหน้าของเขาทันทีเพื่อปิดกั้นการโจมตีที่กำลังจะมาถึง
“ซานเอ๋อ ถอยออกไป ข้าจะเผชิญหน้ากับเหล่าอาวุโสไร้ยางอายพวกนี้เอง!” ซ่งจงโบกมือให้กับเหลยซานเอ๋อ
“อือ! พี่ชายน้อยระวังตัวด้วย!” เหลยซานเอ๋อนั้นรู้ดีว่าถ้าหากนางดื้อรั้นมีแต่จะกลายเป็นภาระและยอมรับที่ซ่งจงกล่าวอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับสายลม
เมื่อได้ยินว่าเหลยซานเอ๋อกล่าวอะไรออกมา ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินทั้งหมดได้แต่ตกตะลึง นักบวชฮัวอวิ๋นขมวดคิ้วพร้อมกล่าวว่า “ซ่งจง แท้จริงแล้วเจ้าสนิทกับเหลยซานเอ๋องั้นหรือ? เจ้าคงไม่ได้เป็นสายลับให้กับอสูรกายจริงๆหรอกนะ ใช่ไหม?”
เมื่อนักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวเช่นนี้ออกมา ศีรษะของซ่งจงถูกเผาไหม้ด้วยความโกรธอีกครั้ง เขาไม่กล่าวอะไรนอกจากสะบัดมือและเรียกสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ออกมา จากนั้นเขาคำรามออกมาอย่างน่ากลัว “ไอ้จิ้งจอกเฒ่า ในที่สุดเจ้าก็ยอมรับว่าเจ้าใส่ร้ายข้ากับครอบครัว! ไอ้สารเลว!!”
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น ไม่ต้องอธิบายใบหน้าของทั้งหมดอีกแล้ว ซึ่งความจริงทุกคนล้วนแต่รู้ดีว่าซ่งจงนั้นถูกใส่ร้าย แต่ทั้งหมดเลือกที่จะเพิกเฉยเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง แต่อย่างไรก็ตามทั้งหมดไม่คาดคิดว่านักบวชฮัวอวิ๋นจะเปิดเผยทุกอย่างเกี่ยวกับแผนนี้ด้วยตนเอง!
ผู้ฝึกตนชอบธรรมทุกคนล้วนแต่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ถ้าหากพวกเขาต้องการปกป้องชื่อเสียงของสำนักที่มีมาเนิ่นนาน แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องสอบสวนนักบวชฮัวอวิ๋นอย่างจริงจัง แต่เมื่อสถานการณ์เป็นไปเช่นนี้แล้ว การทำเช่นนั้นราวกับตบหน้าตัวเองซ้ำสอง แต่ท้ายที่สุดแล้วทั้งหมดก็ไม่สามารถอธิบายต่อผู้อื่นได้ว่าเหตุผลอะไรกันที่พวกเขานำมาสังหารผู้บริสุทธิ์เช่นนี้? แต่ถ้าแสร้งทั้งหมดทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อไป ชื่อเสียงที่สะสมมานานจะถูกทำลายโดยสมบูรณ์ อีกทั้งความจริงที่ว่าทั้งหมดร่วมมือกับเหล่าผู้ฝึกตนที่ชั่วร้ายตรงหน้าทั้งสองคน จากวันนี้ไปพวกเขาจะสามารถเรียกตนเองว่าผู้ฝึกตนชอบธรรมได้อย่างไร? มีเพียงเหล่าผู้ฝึกตนปีศาจเท่านั้นที่เห็นดีงามกับเรื่องเช่นนี้ ทั้งสองได้แต่มองผู้ฝึกตนชอบธรรมที่สับสนอย่างร่าเริง
อย่างไรก็ตามฮัวชิงหยุนนั้นเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เช่นกัน หลังจากปัดเป่าสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว นางคำรามออกมาว่า “พวกท่านกำลังลังเลอะไรกันอยู่? มันไม่สายเกินไปถ้าหากเราจะพูดคุยเรื่องเหล่านี้เมื่อเรากลับไป ถ้าหากเราไม่สามารถสังหารซ่งจงได้ในวันนี้ พวกเจ้าก็คงรอคอยเขาย้อนกลับไปทำลายสำนักของตนเองเถิด!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของผู้ฝึกตนชอบธรรมเปลี่ยนสีทันที ทั้งหมดกัดฟันพร้อมกับเปล่งเสียงออกมาอย่างขมขื่น “สังหารซ่งจงก่อน จากนั้นพวกเราค่อยพูดคุยกันเมื่อกลับไป!”
เมื่อกล่าวจบ ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินทุกคนปลดปล่อยการโจมตีของตนเองออกมา พวกเขาใช้ทุกสิ่งอย่างที่ตนเองมีประเคนให้กับซ่งจงอย่างสาสมใจ!
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินทั้งเก้า ใบหน้าของซ่งจงยังคงเรียบเฉยไร้ความกังวลใดๆ เขาคำรามออกมาพร้อมกับระเบิดจิตสังหารภายในร่างกาย เลือดของเขาทั้งหมดไหลเวียนอย่างบ้าคลั่งราวกับปลดปล่อยสัญชาตยานของสัตว์ร้าย
“เป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!” เขาส่งเสียงออกมาพร้อมกับเรียกระฆังแดงมาไว้ด้านหน้า จากนั้นเขาประสานมือพร้อมกับใช้ยันต์สีเทาทุบลงบนระฆังทองแดงเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวทันที การส่งเสียงในครั้งนี้ไม่มีเจตนาฆ่าใดๆทั้งสิ้น ความจริงคือมันเป็นการใช้งานระฆังทองแดงโดยตรง หลังจากระฆังได้ดูดกลืนยันต์ไปจนหมดสิ้นแล้วมันปลดปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมาพร้อมทั้งครอบคลุมซ่งจงทั้งแต่หัวจรดเท้า นี่คือทักษะใหม่ที่ซ่งจงได้รับมือเข้าสู่ระดับจินตัน การป้องกันของมันยอดเยี่ยมและสามารถป้องกันการโจมตีจากสมบัติวิเศษได้อย่างง่ายดาย ซึ่งการใช้ลำแสงศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ไม่เหมือนคราวก่อนที่ซ่งจงนั้นใช้ตัวระฆังรับการโจมตีโดยตรงซึ่งการทำเช่นนั้น ซ่งจงจะได้รับผลกระทบด้วย แต่การใช้ยันต์เช่นนี้ทำให้เขาสามารถหายใจต่อไปได้อย่างอิสระ ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ปลดปล่อยออกมาจากระฆังทองแดงนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าจะคาดเดาได้ แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินทั้งเก้าคน ก็ไม่อาจทำอันตรายใดๆได้เลย การโจมตีทั้งหมดทำได้เพียงสร้างคลื่นลูกเล็กๆบนระฆังแล้วค่อยๆหายไปเท่านั้น! การโจมตีของผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินทั้งเก้าไม่อาจทำอันตรายผู้ฝึกตนระดับจินตันได้งั้นหรือ?! แม้แต่พวกเขาเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่สายตาได้มองเห็นในตอนนี้ ทั้งหมดได้แต่อ้าปากค้างตาโตด้วยความตกใจ
ในขณะที่พวกเขาทั้งหมดกำลังตื่นตระหนก แต่ซ่งจงนั้นไม่ เมื่อเห็นว่าระฆังทองแดงแข็งแกร่งมากเพียงใด เขายิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากเท่านั้น ตอนนี้เขาเรียกสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ออกมาอีกครั้งพร้อมกับปลดปล่อยการโจมตีออกไปทันที “ฮ่าฮ่า พลังของพวกเจ้านั้นคงขึ้นสนิมเสียแล้ว ลองดูพลังสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของข้าหน่อยแล้วกัน!”
กลุ่มสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์หยินหยางแห่งธาตุทั้งห้าถูกปลดปล่อยออกไปยังนักบวชฮัวอวิ๋นและฮัวชิงหยุนทันที ทั้งพลังของมันเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินขั้นสมบูรณ์! ดังนั้นนักบวชฮัวอวิ๋นและฮัวชิงหยุนจึงไม่กล้าประมาทพร้อมทั้งหยิบสมบัติวิเศษเพื่อนำมาป้องกันการโจมตีนี้อย่างรวดเร็ว
ฮัวชิงหยุนหยิบผ้าคลุมสีเขียวออกมาเพื่อป้องกันการระเบิดของสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ส่วนนักบวชฮัวอวิ๋นปล่อยปราณดาบออกมาเพื่อทำลายสายฟ้าและหลบหนีจากการระเบิดอย่างรวดเร็ว
เมื่อพวกเขาสามารถป้องกันการโจมตีของซ่งจงได้ ฮัวชิงหยุนไม่ลืมที่จะตะโกนออกมา “ไม่ต้องกลัว ไขมันบัดซบนี้มีเพียงปราณจิตวิญญาณที่อยู่ในระดับจินตันเท่านั้น เขาไม่สามารถใช้เวทมนตร์ที่ทรงพลังเช่นนี้ได้นานแน่นอน ทุกคนจงใช้การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกท่านและข้าไม่เชื่อว่าเราจะไม่สามารถทำลายกระดองเต่านั่นได้!”
เมื่อทั้งหมดได้ยินเสียงฮัวชิงหยุน ทุกคนฟื้นคืนสติทันที สำหรับซ่งจงที่ได้ยินเช่นนั้น เขาก้าวเท้าออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เหยียดหยาม เขาหยิบน้ำแห่งองค์ประกอบทั้งห้าออกมาเพื่อดื่มและเตรียมตัวที่จะสู้อีกครั้งอย่างรวดเร็ว!
เมื่อเปรียบเทียบการต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับอสูรกายที่อยู่รอบตัว การต่อสู้ของซ่งจงและผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินทั้งเก้ายิ่งชัดเจนมากขึ้น เขาไม่อยากที่จะสร้างความเสียหายให้กับเรือมังกรทองคำ จึงออกห่างจากมันสองถึงสามร้อยลี้เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียกายที่จะเกิดขึ้นจากนี้
หลังจากที่ปลดปล่อยพลังทั้งหมด แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินนั้นไม่อาจประมาทได้ ซ่งจงปลดปล่อยสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์หยินหยางแห่งธาตุทั้งห้าออกไปอย่างอิสระเช่นกัน ขณะนี้เกิดเป็นลูกบอลไฟขนาดยักษ์ปะทะกันในอากาศและส่งเสียงระเบิดอย่างน่าเกรงขาม
ผู้ฝึกตนหยวนหยินเห็นเช่นนั้น พวกเขาไม่ได้หยุดมือแต่อย่างใด ทั้งหมดโจมตีใส่ระฆังทองแดงอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทั้งใช้ปราณดาบและสมบัติวิเศษต่างๆที่พวกเขามี ภูเขาที่อยู่โดยรอบถูกทำลายจนหายไปอย่างรวดเร็วภายใต้เงื้อมือของพวกเขาทั้งเก้า ทุกคนงัดสมบัติที่ดีที่สุดของสำนักมาใช้ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนชอบธรรมหรือชั่วร้าย อย่างไรก็ตามสิ่งของทั้งหมดนั้นไร้ค่าโดยสมบูรณ์เมื่อต้องเผชิญหน้ากับระฆังทองแดง ไม่ว่าจะโจมตีอย่างไรลำแสงศักดิ์สิทธ์สีทองก็ไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย..